คลินิกชื่อดัง! ย่านบางเขน จุดไฟเผาหน้าท้อง เน็ตไอดอล ทำไหม้ลามทั่วตัว
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2566 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกัน จอมพลัง กรณีหญิงสาวรายหนึ่งเข้ารับบริการ “เผายาหน้าท้อง” กับคลินิกแห่งหนึ่งย่านบางเขน แต่เกิดอุบัติเหตุ แอลกอฮอลล์ที่ใช้ในการเผาสมุนไพรไหลโดนบริเวณอื่นของร่างกาย และเมื่อมีการจุดไฟเผาสมุนไพรจึงทำให้เกิดไฟคลอกตัวผู้รับบริการ
สบส.จึงได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย และกองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ เข้าร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางเขน และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงที่คลินิกดังกล่าว
คลินิกดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการในลักษณะสหคลินิกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ให้บริการการแพทย์แผนไทย และแพทย์แผนจีน เช่น นวดประคบสมุนไพร ฝังเข็ม ครอบแก้ว กัวซา ฯลฯ
โดยจากการลงพื้นที่ตรวจสอบไม่พบแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล แต่พบแพทย์ผู้ให้บริการ และเจ้าหน้าที่ประจำคลินิก จึงสอบถามในเบื้องต้น พร้อมตรวจสอบเวชระเบียน เอกสารประวัติการรักษา และการโฆษณาของคลินิกในสื่อโซเชียล พร้อมให้แพทย์ผู้ให้บริการสาธิตกระบวนการเผายาหน้าท้อง ก่อนแจ้งข้อหาการกระทำผิดในเบื้องต้นตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ต่อคลินิก
สำหรับฐานความผิด ได้แก่
-
ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยมิได้จัดให้มีผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
-
โฆษณาโดยมิได้ขออนุมัติ ข้อความ เสียง หรือภาพที่ใช้ในการโฆษณาหรือประกาศจากผู้อนุญาต ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท นับแต่วันที่ฝ่าฝืนคำสั่งที่ให้ระงับการโฆษณาหรือประกาศ
สบส.ยังมีคำสั่งทางปกครองให้ผู้ประกอบกิจการและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ปรับปรุงมาตรฐานสถานพยาบาลให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด ภายในระยะเวลา 15 วัน มิฉะนั้น จะมีคำสั่งให้ปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว
ส่วนมาตรฐานการให้บริการของแพทย์ทางกรม สบส.จะส่งเรื่องให้สภาวิชาชีพตรวจสอบความถูกต้อง พร้อมจะมีการเรียกตัวผู้ประกอบกิจการและผู้ดำเนินการสถานพยาบาลมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมกับ สบส.ต่อไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของมาตรฐานการให้บริการของสถานพยาบาล โดยเฉพาะสถานพยาบาลที่ให้บริการการแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนจีน ซึ่งอาจใช้วิธีรักษาที่แตกต่างจากการแพทย์แผนปัจจุบัน ดังนั้น ผู้เข้ารับบริการจึงควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสถานพยาบาลและวิธีการรักษาอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ