ภรรยากุเรื่อง! ถูกเจ้าหนี้อุ้มซ้อม หลังไม่คืนเงิน 90,000 บาท หนุ่มรีบหาเงินโอนให้
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2566 นายเอก (นามสมมติ) อายุ 44 ปี เข้าแจ้งความกับตำรวจสน.ห้วยขวาง หลังภรรยา น.ส.เปมิกา (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ถูกเจ้าหนี้อุ้มไปเรียกเงิน 90,000 บาท แต่ภายหลังตำรวจตามไปพบ น.ส.เปมิกา ที่ทำงาน พบว่าเธอไม่ได้ถูกอุ้มไปแต่อย่างใด กลับทำงานตามปกติ และยอมรับว่าโกหกเรื่องถูกเจ้าหนี้อุ้มไปเรียกเงิน
นายเอก เล่าว่า ภรรยาของเขาทำงานเป็นแบ็กสเตจ แต่พองานเริ่มน้อย ทำให้การเงินมีปัญหา จึงไปกู้ยืมเงินจากเจ้าหนี้นอกระบบ 150,000 บาท โดยเหลืออีก 90,000 บาท ซึ่งภรรยาไม่มีเงินให้แล้ว จึงได้ต่อรองเจ้าหนี้ว่าจะทยอยจ่ายคืน 4 งวด
โดยงวดแรกคือวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายเอกจ่ายให้เจ้าหนี้ไปเพียง 37,000 บาท และขอเลื่อนที่เหลือไปรวมกับยอดงวดถัดไป กระทั่งวันที่ 1 ธันวาคม ภรรยาได้ติดต่อมาบอกว่าถูกเจ้าหนี้อุ้มไป และถูกทำร้ายร่างกายให้หาเงินมาคืนให้ครบ ไม่งั้นจะถูกส่งไปขายที่อื่น
เชื่อว่าภรรยาไม่ได้กุเรื่องขึ้นมา เพราะสภาพภรรยาดูแย่มาก จึงรีบหาเงินได้ 10,000 บาท และโอนเข้าบัญชีภรรยาไปแล้ว
ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนได้เดินทางไปยังศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดที่ น.ส.เปมิกาทำงานอยู่ ปรากฏว่าจู่ๆ น.ส.เปมิกา ได้โอนเงินคืนนายเอก โดยอ้างว่ายืมเพื่อนมาเพื่อโอนให้นายเอก เอาไว้ใช้เพราะเป็นห่วง
ภายหลังชุดสืบสวนเข้าไปถึงตัวของ น.ส.เปมิกา พบว่าเธอไม่ได้ถูกกักขัง หรือถูกทำร้ายร่างกาย แต่ยังทำงานตามปกติ โดยเจ้าตัวยอมรับสารภาพเบื้องต้นว่า สร้างเรื่องทุกอย่างขึ้นจริง แต่ยังไม่มีการสอบถามเหตุผล เนื่องจากเจ้าตัวยังอยู่ในระหว่างทำงาน ตำรวจจึงปล่อยให้ น.ส.เปมิกา ทำงานจนแล้วเสร็จก่อน จึงจะเชิญตัวมาพูดคุยที่ สน.ห้วยขวาง
น.ส.เปมิกา เคยอ้างว่าถูกเจ้าหนี้อุ้มไปเรียกเงิน 2 ครั้ง หากครั้งนี้โกหกอีกจะขอเลิกรากับ น.ส.เปมิกา จริงๆ