ณ.ปาย...."จะกี่ครั้งก็ยัง....รักปายเหมือนเดิม"
(สะพานบุญ:โขกู้โส่ บ้านแพมบก , ม่อนหยุนไหล , วัดน้ำฮู )
Good morning เช้าวันใหม่ ณ.ปาย เริ่มวันใหม่ในเวลาที่พอดีๆ ไม่เช้าเกินไป ไม่สายเกินไป ตอน 8.30 น. เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ถ้าใครไม่เคยมาขอแนะนำให้ตื่นแต่ 6 โมงเช้า (คนปายตื่นเช้าจริงๆ) ไปตลาดเช้าหาของกินพื้นถิ่นดูวิถีชีวิตชุมชน นั่งกินโจ๊ก กินน้ำเต้าหู้ ปลาท่องโก๋ เป็นภาพที่ยังคงงดงามและมีเสน่ห์เสมอ แต่ด้วยความที่มาบ่อยแล้วก็ shortcuts ไปที่ตื่นมาแล้วแว้นไปร้านโจ้กและร้านปลาท่องโก๋เจ้าเดิม ซื้อใส่ถุงแล้วหิ้วเอามากินที่เกรสเฮ้าส์เลย อร่อยเหมือนกัน 555 วันนี้มีเวลา 4 ชม.ในการเที่ยวต้องจัดสรรค์เวลาให้ดีเพราะต้องขึ้นรถกลับเชียงใหม่ในช่วงบ่ายให้ทัน .....
เช้าๆแบบนี้แผนการเที่ยว คือ ขับรถออกนอกเมืองไปสูดอากาศบริสุทธิ์ของทุ่งนาข้าวเขียวขจีสุดหูสุดตา การเริ่มชีวิตของวันใหม่จะได้สดชื่น... ที่สำคัญพูดเล่นๆกับแม่ว่า " รีบไปก่อนแมงฝรั่งจะตื่นไปแย่งเราหายใจ " เริ่มที่แรก คือ....
1.สะพานบุญบ้านแพมบก "โขกู้โส่" (ภาษาไทยใหญ่ แปลว่า สะพานบุญนั่นเองจ้า มีเชื้อไทยใหญ่แปลเองซะเลย หึๆ)
ในโปรแกรมท่องเที่ยวเมืองปาย เคยเห็นลูกศิษย์ท่านนึงเชคอินแว้ปๆผ่านตา หาข้อมูลสิคะรออะไร 5555 วันนี้มาถึงแล้ว สะพานบุญนี้ต้องขับรถออกจากปายมาทางสะพานแม่น้ำปายพอสมควร และเข้าทางน้ำตกแพมบก หากใครเคยขับรถมาน้ำตกแพมบกจะรู้เลยว่าทางนั้นทั้งขึ้นเขาลงห้วย ถนนไม่สม่ำเสมอ บางช่วงเป็นลูกรัง บางช่วงทั้งลูกรังขึ้นเขาและหักศอกด้วย อรรถรสมันอยู่ตรงนี้ สะพายบุญนั้นต้องขับเลยน้ำตกแพมบกไปอีก 4 กม. Feeling การแว้นที่สุดจริงอะไรจริงไม่อยากจะคิดถึงช่วงหน้าฝนเลย แต่...เมื่อไปถึงที่แล้วมัน So WoW มากๆ คุณจะเห็นภูเขาเขียวโอบรอบและทุ่งนาสวยๆ ลดหลั่นกันไปสุดลูกหูสุดลูกตา เขียวชอุ่มและมีทางไม้ไผ่ทอดยาวให้เราเดินไปทักทายทุ่งนาในแต่ละจุดอย่างสนุกสนาน ทางเดินไม้ไผ่มีการสร้างทางแยกให้เราเดินหลายทางอย่างน่าสนใจ มันอิ่มมากกับธรรมชาติที่ได้สัมผัส แม่ถึงขั้นบอกว่า "คราวหน้าขออยู่ครึ่งวันไปเลยนะ" นางสนุกสนานกับการถ่ายรูปจนลืมเวลา
ในที่สุดต้องบอกนางว่าต้องไปหลายที่นะ นางถึงยอม
2.ขับรถจากสะพานบุญมุ่งตรงไปที่ทะเลหมอก หยุนไหล ส่วนตัวเคยมาแล้วแต่แม่ยังไม่เคย เลยต้องจัดให้นางเสียหน่อย...ไปถึงหมอกคงไม่รอเราแล้วล่ะเพราะเกือบ 11 โมงเช้าแล้ว แต่วิวรอบๆก็ถือว่าสวยงามระดับ 4-5 ดาวอยู่ เป็นดังคาด คุณนายขอถ่ายรูปเก็บรายละเอียดทุกเม็ด 555 เส้นนี้ผ่านบ้านจีนสันติชนแต่คราวนี้ไม่แวะค่ะ ด้วยเหตุผลมาบ่อยแล้วนั่นเอง
3.ที่สุดท้ายของทิป "วัดน้ำฮู" เรามีขนมปังหมดอายุที่ไม่ได้กินติดมาจำนวนนึงแต่ไม่อยากเอาทิ้งเลยบอกแม่ว่า เอาไปให้ปลาที่วัดดีกว่า และวัดน้ำฮูมีบ่อปลาที่เป็นเขตอภัยทานด้วย ที่วัดนี้ก็เข้าไปกราบพระเจ้าอุ่นเมือง กินน้ำมนต์คนละขัน แม่ชอบต้นสาระที่วัดนี้มาก แม่บอกพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใต้ต้นไม้นี้ เลยให้นางถ่ายรูปกับดอกสาระ (ยิ้มมีความสุข)
เสร็จจากวัดน้ำฮูก็เกือบเที่ยงหิวกันพอดี เลยพากันแวะซื้อข้าวเหนียวกับน้ำพริกที่เป็นอาหารถิ่นตรงเพิงข้างทางได้บรรยากาศ local style ไปอีกแบบ เราก็ซื้อหมูปิ้งเกลือ ที่ปิ้งแบบโบราณมา 4-5 ไม้ เรากินกันแบบบ้านๆ มันทำให้นึกถึงบ้านแม่สมัยเรายังเด็ก คิดถึงยาย คิดถึงตลาดหมู่บ้านในตอนนั้น กินข้าวจากห่อใบตอง โครตจะ classic เลย (เสียดายลืมถ่ายรูป คงเพราะหิวจนหน้ามืดตามัวสินะ) กินเสร็จรีบแว้นไป check out เกรสเฮ้าส์ และเอารถไปคืน ก่อนจะพากันเดินมาขึ้นรถกลับเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ ......เป็นการจบทิป แม่ฮ่องสอน-ปาย 6 วันของฉันและแม่
ปล.1 : ทิปนี้ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายใช้เงินสำหรับมนุษย์ผู้หญิง 2 คน ทั้งหมด 2,291 บาท (คิดเป็นคนละ 1,146 บาท) ซึ่งมัน good money management สำหรับฉันมากๆ บัจเจ็ตขนาดนี้ ไม่ได้นอนลำบากหรือกินอดๆอยากๆแต่อย่างใด กินดีอยู่ดี อยากกินอะไรก็หากิน ในนี้รวมทุกสิ่งอย่างแล้ว ค่ารถ ไป-กลับ,ค่าที่พัก,ค่าเช่ารถ,ค่าชมสถานที่,ค่าอาหาร ...คุ้มนะ จัดการดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
ปล.2 : เมื่อก่อนเวลาจะเที่ยวทีต้องคิดถึงแต่เพื่อน ตอนนี้เวลาจะเที่ยวก็จะนึกถึงว่า พาแม่ไปได้ไหม....อยากให้แม่ได้พักผ่อนบ้างทำอะไรที่แกชอบเพราะแม่เหนื่อยมาเยอะแล้ว อยากกินพากิน อยากเที่ยวพาเที่ยว อยากถ่ายรูปก็จัดไป >>>> เพราะแม่พูดเสมอๆว่า " แม่อยากเที่ยวตอนที่ยังช่วยเหลือตัวเองได้ดี ไปเองได้ก็ไป ไปกับเพื่อนบ้าง ไปกับลูกบ้างแล้วแต่โอกาสอำนวย ไม่อยากไปตอนที่แก่มากกว่านี้ ไม่อยากไปตอนนั่งวีลแชร์ให้เป็นภาระลูกหลาน ไปไหนก็จะถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆ เอาไปดูตอนที่ไปไหนไม่ได้ เอาไว้อวดเพื่อนว่าฉันไปมาแล้ว"