เวียดนาม13:ลาเมืองเว้
“แหนมเนือง...แหนมเนือง” ฉันพยายามอธิบายให้น้องทีเข้าใจระหว่างทางกลับเข้าเมือง ว่าต้องการให้เป็นเมนูมื้อเที่ยงนี้ แต่น้องทียังคงสีหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่ ไม่ว่าจะอธิบายถึงส่วนประกอบ รูปร่างหน้าตา รสชาติละเอียดแค่ไหน ทำไงดีล่ะ? อุตส่าห์มาถึงถิ่นแล้ว ยังไงก็ต้องชิมให้ได้ จึงบอกให้น้องทีพาไปร้านอาหารที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกัน เข้าไปบอกเจ้าของร้านว่า “แหนมเนือง” เจ้าของร้านหันมาบอกกับท้องทีว่า “แหนมลุง” เท่านั้นแหละ ถึงบางอ้อซะที
น้องทีบอกว่า คนที่นี่เค้าเรียกว่า “แหนมลุง” ไม่ใช่ “แหนมเนือง” ไม่รู้ล่ะ จะลุงหรือจะเนือง ก็ขอชิมอย่างที่ตั้งใจไว้ก่อนล่ะ เห็นน้องทีประกอบส่วนประกอบทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะ จนมาเป็นแหนมลุงหน้าตาคล้ายโรตีสายไหมในมือส่งเข้าปาก ทำให้ฉันต้องชักมือที่กำลังหยิบแผ่นแป้งแข็งโป๊กกลับทันที เค้ากินแป้งแข็งๆไม่ต้องแช่น้ำอย่างบ้านเรากันเลย แล้วก็ห่อกับหมูปิ้งหนึ่งไม้ หยิบผักต่างๆหั่นบ้าง ไม่หั่นบ้าง ห่อรวมกันเหมือนม้วนโรตีสายไหม แป้งแข็งขนาดนี้ ฉันต้องขอน้ำเปล่ามาแช่ให้อ่อนอย่างที่เคยกินในบ้านเรา แล้วจึงพยายามเลียนแบบกระบวนการต่างๆแบบที่น้องทีทำให้มากที่สุด รสชาติแปลกๆดี ไม่เหมือนแหนมเนืองตามร้านอาหารเวียดนามในบ้านเราสักนิด สงสัยบ้านเราคงจะนำมาดัดแปลงให้ถูกปากคนไทยแน่เลย
กลั้นใจกินอันสุดท้ายที่น้องทีตั้งห่อให้ในแบบของน้องเค้า เพราะไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เมื่อน้องเค้าบอกว่า มาถึงถิ่นแล้ว ก็ต้องลองกินแบบต้นฉบับดู ก็ถูกของน้องเค้า ไม่รู้จะบรรยายรสชาติของแหนมเนืองอันสุดท้ายนี้ยังไงจริงๆ รู้อย่างเดียวว่าเหนียวมาก พลันสงสัยว่าเค้าเคี้ยวออกกันได้อย่างไร?
ช่วงบ่ายหลังจากกลับเข้ามาในเมืองและปล่อยน้องทีให้เป็นอิสระแล้ว ใช้เวลาทั้งบ่ายจนถึงเย็นนั่งแช่ที่ร้านกาแฟ รู้สึกลงตัวกับการตะลอนออกเที่ยวในช่วงเช้าและมานั่งเย็นๆพักผ่อนในช่วงบ่าย ฝนยังคงพรำอย่างสม่ำเสมอ เริ่มคิดถึงวันพรุ่งนี้และการเดินทางต่อไป ที่ตั้งใจว่าจะไปให้ถึงเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ทางใต้ของประเทศ สำหรับเมืองเว้น่าจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้ ได้สัมผัสและซึมซับเมืองได้ขนาดนี้ถือว่าตอบสนองความตั้งใจของตัวเองได้พอสมควรแล้ว พรุ่งนี้เดินทางต่อไปเมืองดานังได้ ก่อนกลับขึ้นห้อง แวะถามเจ้าของโรงแรมเรื่องรถโดยสารไปเมืองดานัง พี่แกอาสาเป็นธุระจัดการตระเตรียมหารถมอเตอร์ไบค์ไปส่งที่ท่ารถพรุ่งนี้เช้า
ลาเมืองเว้...ด้วยมื้อเช้ามื้อสุดท้ายที่ร้านเฝอข้างถนนร้านเดิม ที่มาฝากท้องตั้งแต่วันแรก... “คง อัน ทิด บ่อ”...แม่ค้าชิงพูดตัดหน้าพร้อมยิ้มแป้น ก่อนที่ฉันจะอ้าปากเอ่ยประโยคนี้ออกไป เพราะจำได้ว่าฉันต้องพูดประโยคนี้ทุกครั้งที่ชี้นิ้วไปที่หม้อน้ำซุปและชูนิ้วชี้เป็นนัยว่า ขอหนึ่งถ้วย มาถึงวันนี้พูดประโยคนี้ได้คล่องปรื๋อติดปากทีเดียว เหลือแต่สำเนียงอีกนิดหน่อยเท่านั้น ที่หวังว่าผู้ฟังเจ้าของภาษาคงจะพอให้อภัย ไม่เหมือนวันแรกๆที่ฮานอย ยังต้องหยิบสมุดจดขึ้นมาเชคความแน่ใจทุกครั้งก่อนเปล่งเสียงออกไป อุตส่าห์เพียรไปค้นมาตั้งนานว่าคำว่า “ไม่กินเนื้อวัว” เนี่ย พูดอย่างไร นอกจากจะประทับใจความจำและรอยยิ้มแป้นของแม่ค้าแล้ว ยังประทับใจในความมีน้ำใจที่เธอลดให้พอสมควร เป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย แต่น้ำใจที่มากระตุ้นต่อมความประทับใจของฉันนี่ซิ ไม่ได้เล็กน้อยอย่างจำนวนเงินเลย
มาสะดุดความรู้สึกนิดหนึ่งที่ท่ารถ ตอนจ่ายค่ามอเตอร์ไบค์ในราคาที่เจ้าของโรงแรมตกลงกับคนขับไว้แล้วเป็นดิบดีด้วยราคาที่ได้แจ้งไว้แล้ว แต่พี่เค้าขอฉันอีกจำนวนนึงเสียงแข็ง เล่นเอาใจหายจากแววตาขึงขังของแกไปแว๊บหนึ่ง รีบเร่งฝีเท้าเข้าไปในอาคารซื้อตั๋วโดยสารไปเมืองดานัง ทันที ไม่เห็นวี่แววว่าพี่เค้าจะละความพยายามลง ฉันจึงทำท่าถามราคาและเส้นทางกับเจ้าหน้าที่อยู่นาน หวังให้พี่เค้าละความพยายามไปเอง และเผื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ขายตั๋วซึ่งได้ยินบทสนทนาระหว่างฉันและพี่เค้าโดยตลอด ได้ผล! เสียงสตาร์ทรถดังขึ้น และค่อยๆเบาห่างออกไป... รอดตัวไป
ขึ้นมานั่งรอบนรถเมล์ขนาดเล็กที่ใช้เดินทางไปเมืองดานัง นึกทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดเมื่อครู่ ความจริงเงินจำนวนที่พี่ไบค์เรียกเพิ่มนั้น ไม่ใช่จำนวนที่มากมายอะไร แต่มันมากมายในแง่ความรู้สึกที่เสียไปกับการไม่รักษาคำพูดที่ได้ตกลงกันไว้แล้วในตอนแรกมากกว่า หากพี่เค้าตกลงราคาที่ต้องการจริงๆตอนแรก ฉันว่าฉันก็ยอมจ่ายอย่างไม่อิดออดอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียความรู้สึกกันทั้งสองฝ่ายอย่างนี้
เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่พบเจอเสมอๆในการเดินทาง ไม่ใช่เรื่องราคาค่าใช้จ่ายที่มักเจอการเรียกเกินจำนวน หรือแพงแบบไม่สมเหตุสมผลจนเกินไปเท่านั้น แต่หลักใหญ่ใจความนั้นคือ สถานการณ์บางอย่างเป็นไปอย่างที่คาดหวัง หรือดียิ่งกว่า ก็ดีไป ขอแสดงความยินดีด้วย แต่หากเป็นไปในทางตรงกันข้ามล่ะ เราจะตั้งรับได้แค่ไหน และจะประคองสติให้ดำเนินต่อไปข้างหน้าได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ พยายามคลายความขุ่นมัวตรงหน้าให้เบาบางจนถึงหมดไปให้เร็วที่สุด การเก็บพลังงานลบในรูปแบบใดๆก็ตามไว้กับตัวไม่ได้ส่งผลดีใดๆเลย
*ติดตามเรื่องราวทริปและงานเขียนอื่นได้ที่ https://tenlavenders.blogspot.com/
และเว็บไซต์ส่วนตัว https://tenlavenders.softr.app/