บ้านตระ หมู่บ้านที่เคยถูกลืม แห่งเทือกเขา บรรทัด
บ้านตระ หมู่บ้านที่เคยถูกลืม
แห่งเทือกเขา บรรทัด
ชุมชน "บ้านตระ" ตั้งอยู่ที่ตำบลปะเหลียน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เป็นชุมชนเก่าแก่กว่า 300 ปี ตั้งอยู่กลางหุบเขาบรรทัด รอยต่อ 3 จังหวัดระหว่าง ตรัง-พัทลุง-สตูล ลักษณะเป็นที่ราบบนภูเขาสูง ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาบรรทัด ระดับความสูงจากน้ำทะเลประมาณ 300 ฟุต พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำ ลำธาร และเป็นแหล่งน้ำตกที่สวยงามในตำนานเทือกเขาบรรทัด ที่สูงที่สุดในจังหวัดตรัง มีปริมาณน้ำมากตลอดปี คือ “น้ำตกโตนเต๊ะ” และ “น้ำตกโตนตก” มีอากาศเย็นตลอดปี
บ้านตระเป็นชุมชนที่ใช้ชีวิตแบบพึ่งพาธรรมชาติ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีประปา ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ชาวบ้านในชุมชนใช้รถจักรยานยนต์และเดินเท้าเข้าออกหมู่บ้าน รวมทั้งใช้ลำเลียงพืชผลทางการเกษตรออกมาขาย ชาวบ้านที่นี่ประกอบอาชีพทำสวนเกษตรเป็นอาชีพหลัก ปลูกยางพารา ผัก ผลไม้ เช่น ทุเรียน ,เงาะ,ลางสาด, ลำชิง,(ลางสาดป่า), ลองกอง , มังคุด , สละ , สะตอ , ผักเหลียง , ผักกูด เป็นต้น
บ้านตระมีประวัติความเป็นมายาวนาน เดิมมีชื่อว่า “บ้านสระ” และ “ในตระ” มีผู้ปกครองคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าเมืองปะเหลียน ซึ่งเป็น เมืองขึ้นของเมืองพัทลุงในขณะนั้น คือ “หมื่นเสนาะคีรี” หรือ ”ทวดเล็ก” มีหน้าที่ดูแลบ้านตระและบ้านหัวช้าง “ทวดเล็ก” เสียชีวิตและฝังศพที่บ้านตระมีสุสาน(กุโบร์) ของท่านจนถึงปัจจุบัน
ต่อมาบ้านตระได้กลายเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของกลุ่มคอมมิวนิสต์ในช่วงปี พ.ศ. 2514-2518 ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องอพยพออกจากหมู่บ้าน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2534 ชาวบ้านได้ร่วมกันพัฒนาเส้นทางจากบริเวณควรเณรมีขึ้นไปบ้านตระ โดยใช้จอบขุดเพื่อให้สามารถนาผลผลิตทางการเกษตรไปขายได้สะดวกขึ้น
ในปีเดียวกัน “นายชวน หลีกภัย ” ได้เข้ามาดูสภาพพื้นที่บ้านตระ ในขณะนั้นนายชวนเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลกรมป่าไม้ ซึ่ง “นายผ่อง เฮ่งลี้ ” เป็นอธิบดีกรม หลังจากนั้น 3 เดือนก็มีนโยบายอพยพชาวบ้านตระออกจากพื้นที่ โดยจะจัดที่อยู่ใหม่ให้ ในพื้นที่อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล และ ในพื้นที่อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งไปดูพื้นที่ก็พบว่าไม่ใช่ที่ดินว่างเปล่าแต่เป็นที่ทำกินของชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว ชาวบ้านตระส่วนหนึ่งจึงไม่เห็นด้วยกับการอพยพ
ช่วง พ.ศ. 2535-2537 ราชการยังคงผลักดันให้ชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ขึ้นมาสำรวจจำนวนชาวบ้านและจำนวนอาสินเพื่อเตรียมอพยพ โดยจะจ่ายค่าชดเชยอาสินและจัดหาที่อยู่ให้ใหม่ มีการกำหนดค่าชดเชย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1.ทำกินในพื้นที่อาศัยในพื้นที่ จะจ่ายค่าชดเชยไร่ละ 30,000 บาท 2.ทำกินในพื้นที่อาศัยนอกพื้นที่ จะจ่ายค่าชดเชยไร่ละ 5,000 บาท เมื่อทางราชการเรียกประชุม ชาวบ้านที่บริเวณน้าตกโตนเต๊ะ ก็มีชาวบ้านเข้าร่วมประมาณ 700 คน ชาวบ้านส่วนใหญ่มีมติอพยพออก จากบ้านตระ รัฐบาลจัดสรรงบประมาณประมาณ 72 ล้านบาทเพื่อจ่ายค่าชดเชยให้ชาวบ้าน แต่ในช่วงนั้นไม่มีงบประมาณ จึงไม่ได้อพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่
พ.ศ.2545 ชาวบ้านตระจึงจัดต้ังองค์กรขึ้นเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาและสร้างความมั่นคงให้ชุมชน ชาว บ้านตระเป็นสมาชิกเครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเครือข่ายปฏิรูปที่ดิน เทือกเขาบรรทัดบ้านตระ
พ.ศ.2551-พ.ศ.2553 ร่วมกับเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด และเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทยเจรจากับรัฐบาลภายใต้ คณะกรรมการอำนวยการแก้ปัญหาเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย พร้อมทั้งเสนอให้รัฐบาลรับรองพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน จานวน 75 ครัวเรือน ประมาณ 340 คน มีเนื้อที่ 3,000 ไร่
ปัจจุบันบ้านตระมีประชากรประมาณ 300 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย อยู่แบบพึ่งพาธรรมชาติ ยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี บ้านตระเป็นชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำ ลำธาร
ตำนานและอาถรรพ์ของบ้านตระ
- ตำนานบ้านตระ
บ้านตระเดิมมีชื่อว่า "บ้านสระ" หรือ "ในตระ" มีผู้ปกครองคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าเมืองปะเหลียน ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของเมืองพัทลุงในขณะนั้น คือ "หมื่นเสนาะคีรี" หรือ ”ทวดเล็ก” มีหน้าที่ดูแลบ้านตระและบ้านหัวช้าง “ทวดเล็ก” เสียชีวิตและฝังศพที่บ้านตระมีสุสาน(กุโบร์) ของท่านจนถึงปัจจุบัน
ตามตำนานเล่าว่า "หมื่นเสนาะคีรี" เป็นบุคคลที่มีบุญญาธิการสูงส่ง เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านเป็นอย่างมาก เมื่อท่านเสียชีวิตแล้ว ชาวบ้านเชื่อว่าวิญญาณของท่านยังคงอยู่คอยปกปักรักษาบ้านตระให้ปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งปวง
- อาถรรพ์บ้านตระ
ชาวบ้านตระเชื่อกันว่าบ้านตระเป็นหมู่บ้านอาถรรพ์ มีความเชื่อกันว่าคนที่คิดไม่ดีหรือกระทำความชั่วร้ายเมื่อเข้ามาในหมู่บ้านจะต้องพบเจอกับสิ่งไม่ดีต่างๆ นานา เช่น เจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ หรือเสียชีวิต เป็นต้น
ความเชื่อนี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น ในช่วงที่กลุ่มคอมมิวนิสต์เคลื่อนไหวในหมู่บ้าน ชาวบ้านหลายคนที่เข้ามาตั้งฐานทัพในหมู่บ้านต่างล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในหมู่บ้านสาปแช่ง
นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อกันว่าบ้านตระเป็นหมู่บ้านที่เคยเป็นที่พักพิงของเหล่าโจรผู้ร้ายในอดีต เช่น "โจรนายดำหัวแพร" หรือ "โจรมหาจันทร์" ชาวบ้านเชื่อว่าวิญญาณของเหล่าโจรผู้ร้ายยังคงวนเวียนอยู่ในหมู่บ้านและคอยหลอกหลอนผู้คน
ความเชื่อเรื่องอาถรรพ์ของบ้านตระ ทำให้ชาวบ้านบางคนไม่กล้าเข้ามาในหมู่บ้านหรือเข้าไปอยู่อาศัยในหมู่บ้าน ส่งผลให้หมู่บ้านตระกลายเป็นหมู่บ้านที่เงียบเหงาและห่างไกลจากผู้คน
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อเรื่องอาถรรพ์ของบ้านตระก็เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยัน ชาวบ้านบางคนเชื่อว่าความเชื่อเรื่องอาถรรพ์เป็นเพียงการเล่าลือที่สืบต่อกันมาเท่านั้น
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
10 เลขเด็ดเลขดัง "สลาก 5 ภาค" งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68..รีบส่องเลย ก่อนหวยหมดแผง!!
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
ตุ๋นลงทุนทิพย์: ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเกรงใจ… สุดท้ายใครคือเหยื่อ?
รอบ 3 อาการ 12: หัวใจแห่งการตื่นรู้สำหรับชีวิตประจำวัน (เอไอ รวบรวมและเรียบเรียง)
เลิกกัน แต่ปล่อยคลิปลับ — คนแบบนี้ยังมีอยู่ในโลกได้ยังไง?
7 อันดับสารพิษตัวร้าย : อยู่ให้ไกล ระวังให้ดี เพราะโลกนี้ไม่ได้อ่อนโยนกับเราเสมอไป



