เวียดนาม12:ลุยฝนเที่ยวเว้
พื้นที่ขนาดใหญ่ในสุสานแห่งนี้มีหลายส่วน ต้องใช้เวลาเดินชมให้ทั่วนานอยู่พอสมควร เนื่องจากฉันมาตั้งแต่ประตูยังไม่เปิด จึงเป็นผู้มาเยี่ยมเยือนคนแรกของที่นี่ บรรยากาศตอนนี้เงียบสนิท...รอสักพัก ให้ส่วนต่างๆมีเจ้าหน้าที่เข้ามาประจำการ รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าตั้งร้านค้าให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงเดินชมต่ออย่างสบายใจหน่อย แล้วก็สบายใจมากขึ้น เมื่อเริ่มมีเพื่อนนักท่องเที่ยวทยอยกันเข้ามา
นั่นไง...ฝนตกหนักจนได้!...รีบวิ่งไปหลบที่ศาลากลางสระน้ำร่วมกับกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่มากับบริษัททัวร์ แอบมองชุดอ่าวหย่ายของคุณไกด์สาวสวยและแอบฟังเธอเล่าถึงความเป็นมาและข้อมูลที่น่าสนใจของที่นี่ เพลินดีเหมือนกัน ฝนหยุดตกจึงได้พากันออกเดินต่อ พลอยลืมตัวเดิมตามกลุ่มทัวร์นี้ไปอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงปลีกตัวไปชมส่วนอื่นที่เหลือตามลำพังจนทั่ว
น้องทีกำลังนั่งดื่มน้ำชารออยู่ เราจึงรีบดิ่งตรงไปสุสานแห่งที่สองก่อนสายฝนระลอกที่สองจะมาเยือน สุสาน Tomb of Kahi Dinh แห่งนี้อยู่ห่างจากแห่งแรกประมาณ 5 กิโลเมตร ระหว่างทางสองข้างทางเป็นป่าสลับด้วยบ้านเรือนชาวบ้านริมถนนเป็นช่วงๆ ชุมชนละแวกนี้จึงไม่ดูแออัดเกินไป
ภาพแรกของสุสานแห่งนี้ทำให้ต้องแหงนมองคอตั้งบ่าเพราะเป็นบันไดสูง ยิ่งก้าวขาขึ้นบันไดสูงขึ้น สูงขึ้น ภาพของสุสานก็ค่อยๆปรากฏขึ้นตรงหน้าเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดได้เห็นเต็มๆตาบนบันไดขั้นสุดท้ายที่รวบรวมกำลังก้าวขาสั่นๆขึ้นมาจนได้
ลักษณะสถาปัตยกรรมของที่นี่ค่อนข้างจะต่างกับแห่งที่แล้วแต่สวยไม่แพ้กัน เพราะเป็นเพียงสุสานแห่งเดียวที่มีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันออกเข้ากับสถาปัตยกรรมตะวันตก ที่ตั้งบนยอดเขาสูงทำให้มองเห็นทิวทัศน์รอบตัวในมุมกว้างและยังส่งให้สุสานแห่งนี้ดูน่าเคารพมากยิ่งขึ้น สุสานแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 11 ปี ภายในมีการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยการใช้กระเบื้องสีปูพื้นจิตรกรรมฝาผนัง สังเกตดูการตกแต่งด้วยชิ้นกระจกสีต่างๆอย่างประณีต ช่างผู้ประดิษฐ์ต้องตั้งใจและใช้สมาธิสูงมากทีเดียว มีรูปปั้นทหารยืนเฝ้าตัวตรงอยู่เช่นกัน คงเป็นลักษณะเด่นของสุสานทุกแห่งที่นี่ เลยแวะเข้าไปทักทายพร้อมเก็บภาพเป็นที่ระลึก แอบนึกขึ้นมาในใจถึง ทหารเป็นๆที่มักยืนปฏิบัติหน้าที่ตามประตูสถานที่สำคัญหรือราชวังต่างๆ เป็นวิถีปฏิบัติของเราเหล่านักท่องเที่ยว ที่ยามไปเยือนต่างประเทศเมื่อใด เป็นต้องปรี่ไปขอถ่ายรูปกับคุณทหารสีหน้าแข็งๆแต่เขินๆเหล่านั้น เป็นทหารรูปปั้นหน้าเรียบเฉยหน้าเดียวอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่มีใครเขินใคร...ก่อนเดินลงบันไดกลับออกมา
สุสาน Tomb of Minh Mang ซึ่งห่างจาก Tomb of Kahi Dinh ประมาณ 3 กิโลเมตร คือโปรแกรมสุดท้ายของวันนี้ก่อนกลับ ไปผึ่งตัวให้แห้งจากสายฝนที่มาทักทายแบบถึงเนื้อถึงตัวตั้งแต่เช้า ด้วยความหวังดีของน้องทีที่ต้องการประหยัดเวลา โดยการพยายามหาทางลัดเลาะที่ต้องจอดถามชาวบ้านเป็นระยะๆ จอดไป ถามมา วนรถกลับไปมาอยู่หลายรอบ “...พี่ว่า ถ้าเราไปตามถนนใหญ่ปกติ อาจถึงเร็วกว่านี้ก็ได้นะน้อง...” แอบนึกอยู่ในใจ ถือว่ามาชมหมู่บ้านชาวบ้านกลางภูเขาละกัน...วนรถจนเริ่มเวียนหัวกำลังได้ที่ ก็มาถึงสุสาน Tomb of Minh Mang บรรยากาศร่มรื่นคลายอาการเวียนหัวไปได้เยอะ น้องทีหาที่ปักหลักนั่งอ่านหนังสือรอเช่นเคย
ที่นี่เป็นสุสานของพระเจ้ามิงห์หม่าง การก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2383 พระองค์ทรงสร้างนครจักรพรรดิและได้รับการยกย่องอย่างสูง จากการที่ทรงปฏิรูปขนบธรรมเนียมประเพณีและเกษตรกรรม พระองค์ทรงยึดมั่นในแบบแผนการบริหาร การปกครองตามแบบจีน ที่ตั้งของสุสานแห่งนี้ตรงตามหลักฮวงจุ้ยเด๊ะ ด้านหลังติดภูเขา ด้านหน้าติดน้ำ บริเวณลานกว้างมีรูปสลักหินของเหล่าบรรดาช้าง ม้า ทหาร และขุนนาง ตั้งเรียงรายอยู่ ถัดเข้ามาเป็นศิลาจารึกที่ตั้งแท่นบูชาดวงพระวิญญาณ ด้านในของพระตำหนักแวดล้อมไปด้วยบึงน้ำมีดอกบัวสีชมพูบานสะพรั่งและสวนไม้ประดับอันร่มรื่น
เดินสวนกับนักท่องเที่ยวหน้าเดิมที่ยิ้มทักทายให้กันตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้จึงได้หยุดคุยกันนานหน่อย ทุกคนที่มาเมืองเว้ก็ไม่แคล้วต้องมาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวหลักเดียวกันทุกแห่ง ไม่ต่างกับทุกๆเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลักสำคัญ ก็เพราะสำคัญไง จึงต้องไปชมทุกแห่ง อดไม้ได้ที่จะยิ้มหรือพูดคุยเมื่อมองกันด้วยสายตาคุ้นเคย แต่เสียงกลุ่มพี่ๆ คนไทยที่ลอยมากระทบหูนี่ซิ! คุ้นกว่า... หลังจากนั้นจึงได้เพื่อนคุยตลอดการชมสุสาน ฉันกับพี่ๆแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องที่พัก การเดินทาง และประสบการณ์ของแต่ละคน พี่ๆเค้าซื้อแพ็คเก็จทัวร์ชมสถานที่ต่างๆกับบริษัททัวร์ในตัวเมือง ไม่ได้มานั่งจักรยานยนต์วนชมป่ากลางสายฝนเย็นฉ่ำอย่างฉัน
จริงๆแล้วก็ได้เห็นโปรแกรมแพ็คเก็จทัวร์ที่ประกาศตามหน้าบริษัททัวร์และโรงแรมหลายแห่งในราคาต่างกันไป ขอเลือกใช้บริการน้องทีดีกว่า ถึงแม้ว่าต้องสัมผัสกับสายฝน สายลม และแวะทักทายชาวบ้านบ้าง แต่ก็ทำให้น้ำหนักกระเป๋าสตางค์ไม่เบาลงมาก โชคดีที่มาเจอกับน้องทีที่ไว้ใจได้และไม่มีพิษภัยอะไร ยอมรับว่าระหว่างทางช่วงแรกๆ อดกังวลเรื่องความปลอดภัยไม่ได้เหมือนกัน ยังไงแล้ว เรื่องคนก็เป็นเรื่องที่ต้องระวังมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
*ติดตามเรื่องราวทริปและงานเขียนอื่นได้ที่ https://tenlavenders.blogspot.com/
และเว็บไซต์ส่วนตัว https://tenlavenders.softr.app/