เอลนีโญรุนแรงขึ้น
เอลนีโญรุนแรงขึ้น ฤดูหนาวมาช้า-น้ำจืดจ่อแห้งหมดซีกโลกใต้
ดร.คริส คอลลินส์ นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศจากมหาวิทยาลัยแอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย เผยแพร่บทความในเว็บไซต์ The Conversation ระบุว่าปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำจืดในแถบซีกโลกใต้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยปริมาณน้ำจืดที่หายไปนั้นคิดเป็น 10% ของปริมาณน้ำจืดที่ใช้เพื่อการดำรงชีวิตในแถบซีกโลกใต้
ดร.คอลลินส์กล่าวว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญเกิดขึ้นเมื่อกระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิกไหลขึ้นสู่ชายฝั่งอเมริกาใต้ ส่งผลให้อุณหภูมิในแถบซีกโลกใต้สูงขึ้นและปริมาณน้ำฝนลดลง โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์เอลนีโญมีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ความแห้งแล้งเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของซีกโลกใต้ เช่น อเมริกาใต้ แอฟริกา และออสเตรเลีย
ก่อนหน้านี้มีงานวิจัยที่ระบุว่า วัฏจักรน้ำของโลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรงเกินคาด
ความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นในแถบซีกโลกใต้ ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน ทั้งด้านการเกษตร การท่องเที่ยว และระบบนิเวศ โดยในภาคการเกษตร ความแห้งแล้งส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง โดยเฉพาะข้าวโพด ถั่วเหลือง และข้าว ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของโลก นอกจากนี้ ความแห้งแล้งยังทำให้ไฟป่าเกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม
บางส่วนของออสเตรเลียที่แห้งแล้งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะยิ่งทวีความร้อนและแล้งยิ่งขึ้นไปอีก
ดร.คอลลินส์กล่าวว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะทำให้ความแห้งแล้งในแถบซีกโลกใต้ทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต ดังนั้น จำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
ผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงขึ้นต่อซีกโลกใต้ มีดังนี้
- ฤดูหนาวมาช้ากว่าปกติ
- ปริมาณน้ำจืดลดลง
- ความแห้งแล้งเกิดขึ้นในหลายพื้นที่
- ผลผลิตทางการเกษตรลดลง
- ไฟป่าเกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้น
ผลกระทบดังกล่าวส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน ทั้งด้านการเกษตร การท่องเที่ยว และระบบนิเวศ จำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
แผนที่แสดงแนวโน้มของปริมาณน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภคได้ ว่ามีเพิ่มขึ้นหรือลดลงตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ในแต่ละภูมิภาคของโลก
สำหรับประเทศไมย เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาออกมาระบุว่า จำเป็นจะต้องเลื่อนการประกาศวันเริ่มต้นฤดูหนาวปี 2566 ของประเทศไทยออกไปจากเดิมราว 2 สัปดาห์ เพราะในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนของปีนี้ อากาศจะยังคงร้อนชื้นแบบฤดูฝนอยู่ แม้มวลอากาศเย็นจะเริ่มแผ่ปกคลุมลงมาจากทางตอนใต้ของประเทศจีนแล้วก็ตาม
มวลอากาศเย็นตามฤดูกาลดังกล่าวได้อ่อนกำลังลง เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ซึ่งในปีนี้มีความรุนแรงเป็นพิเศษในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้หลายภูมิภาคของโลกต้องเผชิญภัยแล้ง คลื่นความร้อน และไฟป่าที่ลุกลามเป็นบริเวณกว้างมากขึ้น รวมทั้งปริมาณน้ำในแหล่งที่ใช้อุปโภคบริโภคกันเป็นประจำ ยังแห้งเหือดลงอย่างรวดเร็วน่าใจหาย จนบรรดาผู้เชี่ยวชาญหวั่นเกรงว่า ประชากรโลกจำนวนไม่น้อยจะต้องเผชิญกับหายนะในการดำรงชีวิตเร็ว ๆ นี้
เป็นที่ทราบกันดีว่าน้ำเป็นปัจจัยสำคัญอันจะขาดเสียมิได้ของมนุษย์ แต่มีน้ำจืดเพียง 1% จากปริมาณน้ำทั้งหมดที่มีอยู่ในโลก เหลืออยู่ให้เรานำมาใช้อุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันได้ ยิ่งไปกว่านั้น ผลวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science ยังชี้ว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก กำลังทำให้น้ำในซีกโลกใต้เหือดแห้งหายไปอย่างรวดเร็วตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและการดำรงชีวิตของผู้คนทั่วโลกด้วย
ปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงขึ้นส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนในแถบซีกโลกใต้ จำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
อ้างอิงจาก:
เว็บไซต์ The Conversation
รายงานขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO)
เว็ปไซต์ bbc.com