นิยายวาย 'หวนรักนายแฟนเก่า' EP.2 ขอแต่งงาน
ตอนที่ 2
ขอแต่งงาน
ชีวิตในบริษัทของโตโต้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เขายอมตอบตกลงคบกับธนาก็จริง ทว่าต้องคบกันอย่างลับ ๆ ห้ามให้ใครในบริษัทรู้โดยเด็ดขาด นั่นเพราะยังเผื่อใจเอาไว้สำหรับความผิดหวัง เพราะความสัมพันธ์ครั้งนี้มันเกิดขึ้นไวเกินไป หากทั้งสองคนไม่สามารถปรับตัวเข้าหากันได้จะไม่ต้องเป็นขี้ปากของคนในบริษัท เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อย่างนี้สนุกปากสาวออฟฟิศนักล่ะ
แม้กระทั่งจุรีเขาเองก็ยังไม่กล้าบอก แต่ดูเหมือนว่าอาการเหม่อลอยที่เป็นอยู่มันทำให้เกิดพิรุธน่าค้นหาความจริงเสียนี่กระไร
“ตั้งแต่เปิดตัวท่านรองประธานแกดูเหม่อลอยบ่อยขึ้นนะ มีอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า”
“ไม่มีจริง ๆ ครับพี่จุรี ไม่มีจริง ๆ”
“ยิ่งพูดยิ่งมีพิรุธ แกบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเหม่อแล้วยิ้มเรื่องอะไร ไม่งั้นฉันจะโกรธแกไปทั้งชาติ”
“โอ๋ ๆ อย่าโกรธผมเลยนะครับพี่สาวสุดสวยยย”
โตโต้แสร้งทำเป็นเลื่อนเก้าอี้สำนักงานมาหาพี่สาวที่โต๊ะข้างกัน ส่งมือไปโอบกอดไว้อย่างออดอ้อน
“ไม่ต้องเลย ฉันไม่หลงกลแกหรอก ชิส์!” จุรีเบะปากทำเป็นไม่สนใจน้องชายคนสนิท หวังจะให้อีกฝ่ายง้อโดยการบอกความลับมา
“ก็ได้ ๆ บอกก็ได้”
เสียงนั้นทำให้จุรีเลิกทำฟอร์ม ฉายรอยยิ้มออกมาแล้วเป็นฝ่ายสวมกอดโตโต้เสียเอง
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลย”
“พี่จำแฟนเก่าที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้ไหม”
“ได้ ๆ”
“คือ...ตอนนี้เขากลับมาขอคบกับผม” เจ้าตัวกล่าวอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงเพราะอยู่ในอาการเขินอาย
“อร้ายยย!!!! เรื่องจริงเหรอแก”
“ชู่ว์ ๆ เบา ๆ สิพี่ คนมองกันใหญ่แล้ว”
โตโต้รีบยกนิ้วส่งสัญญาณบอกให้จุรีเบาเสียง นั่นเพราะตอนนี้หางตาของพี่จ๋าผู้จัดการสาวใหญ่กำลังส่งแรงอำมหิตมาเตือนแล้ว
“โทษที ๆ ฉันดีใจกับมากไปหน่อย ในที่สุดก็ไม่ต้องขึ้นคานแล้วสินะ คุ้มค่ากับการรอคอย”
“มันพีคมากกว่านั้นอีกสิพี่”
“ยังมีพีคกว่านั้นอีกเหรอ แค่นี้ฉันก็หัวใจจะวายแล้วนะ วันหลังแกต้องพามาแนะนำให้ฉันรู้จักแล้วล่ะ”
“จริง ๆ พี่ก็รู้จักเขาแล้วนะ”
“ฉันรู้จักเหรอ ใครกัน?”
“เอามือปิดปากไว้ก่อนผมถึงจะบอก”
ได้ยินอย่างนั้นจุรีก็ยกมือขึ้นปิดปากไว้ทันที เมื่อมั่นใจว่าพี่สาวคนสนิทจะไม่แหกปากร้องแล้วโตโต้จึงตัดสินใจบอกความจริง
“ก็...ท่านรองประธานยังไงล่ะ”
“อื้อ!!!”
จุรีเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ อยากจะกรีดร้องให้ลั่นบริษัทกับความโชคดีของน้องชายคนสนิท แต่ติดที่ว่ากลัวจะโดนหัวหน้างานแจกใบเตือนน่ะสิ
“ฉันฝันไปรึเปล่า แฟนเก่าแกคือท่านรองประธานเนี่ยนะ”
“ไม่ได้ฝันหรอกพี่ ผมเองก็ยังตื่นเต้นไม่หายเลย แต่เรื่องนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาดนะเพราะผมไม่อยากให้ใครรู้”
“ทำไมยะ รู้สิดีคนอื่นจะได้อิจฉาแก”
“ไม่เอาอ่ะ ผมยังไม่มั่นใจเลยว่าเราจะไปกันรอดไหม กลัวเป็นเหมือนตอนนั้น”
“ตอนนั้นเลิกเพราะแกงี่เง่านี่นา แกไม่ทำตัวงี่เง่ามันก็ไม่มีอะไร”
“แต่พี่ไม่คิดเหรอว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงอยากกลับมาคบ ผมกลัวว่าเขาจะกลับมาแก้แค้นน่ะสิ ก็ตอนนั้นผมทำเขาไว้เยอะเลย”
“ไม่หรอกน่า เขาคงไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นถึงขนาดนั้นนี่มันก็ผ่านมาสิบปีแล้วนะ”
“ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”
“ว้าย! คุณธนามาโน่นแล้ว”
จุรีบอกเมื่อเห็นธนากำลังเดินมายังแผนกของตน โตโต้มองตามไปก็พบว่าเขากำลังเดินตรงมาจริง ๆ ทั้งคู่สบตากันพร้อมส่งรอยยิ้มหวานทักทาย ดูเหมือนว่ารอยยิ้มพิฆาตนั้นทำเอาโตโต้เขินจนตัวบิดอย่างลืมตัว ยิ่งเขาเดินเข้ามาใกล้เจ้าตัวแทบอยู่ไม่สุข จนพี่สาวคนสนิทต้องหวดที่แขนเพื่อเตือนสติ
“โต้ ไหนบอกไม่อยากให้ใครรู้ แหม...ดูทำท่าทางเข้าสิ”
“อุ๊ย! โทษทีครับพี่ผมลืมตัวไปหน่อย”
ธนาเดินเข้าไปคุยกับผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อครู่หนึ่งก่อน จากนั้นไม่นานจาริณีก็เดินตรงมาหาโตโต้อีกที
“โต้จ้ะ”
“ครับพี่จ๋า”
“ช่วยพาคุณธนาไปหาเอกสารที่ห้องเก็บเอกสารหน่อยนะ”
“ไปตอนนี้เหรอครับ”
“ใช่ ตอนนี้เลย” สีหน้าจาริณีเหมือนมีคำถามค้างคาใจจึงโน้มใบหน้าเข้ากระซิบเบา ๆ ข้างใบหู “แกไปทำเสน่ห์อะไรมาทำไมคุณธนาเจาะจงว่าต้องเป็นแก”
“เปล่านะครับพี่จ๋า เขาคงเห็นผมน่ารักมั้ง”
โตโต้แสร้งทำเป็นเล่นมุก จาริณีมองลูกน้องด้วยหางตาก่อนปัดมือไล่ให้ไปทำหน้าที่ เขายิ้มให้หัวหน้างานแล้วเดินไปโบกมือให้จุรี ตบท้ายด้วยการเดินไปหาธนา ทั้งสองส่งรอยยิ้มน้อย ๆ ให้แก่กันเพื่อเป็นการทักทาย หากคนอื่นเห็นมันอาจจะเป็นยิ้มตามมารยาท หากทว่าภายในใจนั้นรู้ดีว่ามันลึกซึ้งเพียงใด
ห้องเก็บเอกสารขนาดใหญ่อยู่ห่างจากแผนกไม่ไกลมากนัก โซนนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านไปมาเพราะเอาไว้เก็บของและเอกสารย้อนหลัง จริง ๆ แล้วระดับผู้บริหารไม่ต้องลงมาเองก็ได้แต่ทว่าธนาอยากใช้เวลานี้อยู่ใกล้ชิดกับโตโต้นั่นเอง
“คุณธนาต้องการเอกสารปีไหนครับเดี๋ยวผมหาให้” อยู่ในที่ทำงานโตโต้ต้องสวมบทบาทพนักงานเพื่อความเหมาะสม แต่ดูเหมือนว่าสีหน้าของฝ่ายชายนั้นไม่ชอบใจสักเท่าไหร่
“อยู่ด้วยกันสองคนไม่ต้องเล่นละครก็ได้” คนพูดเอื้อมมือมาจะจับมือแต่โดนฟาดเข้าให้เสียก่อน
“อย่าเชียวนะ! ถึงไม่มีคนก็ห้าม มันดูไม่งามนะ”
“โห! ใช่โต้คนเดิมรึเปล่าเนี่ย ตอนที่เราคบกันไม่เห็นจะเล่นตัวอย่างนี้เลย เป็นโต้ที่ชอบแต๊ะอั๋งเราอยู่เรื่อยเลย”
“ธนาอ่ะ อย่าพูดถึงตอนนั้นได้ไหม ก็ตอนนั้นเรายังเป็นเด็กอยู่เลย ธนาเองก็บ้าอ่านการ์ตูนมังงะเหมือนกันนั่นล่ะ อ่านได้ทุกที่ทุกวันเช้ายันสว่าง ไม่มีเวลาสนใจเรา เราเลยขนมันลงถังขยะจนธนาโกรธเราตั้งสามวันแหนะ” กล่าวจบก็ขำออกมาเบา ๆ เมื่อนึกย้อนกลับไปในวันวานทำให้รู้สึกคิดถึงวันเก่า ๆ ภาพความทรงจำเก่า ๆ ของทั้งสองคน
“ตอนนี้เราก็ยังอ่านนะ แต่อ่านน้อยลงเพราะมีอย่างอื่นต้องให้ทำ โดยเฉพาะเรื่องของโต้”
“เรื่องของเรา หมายความว่ายังไง?” เจ้าตัวขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคนั้น
ธนาเขยิบเท้าก้าวเข้ามาใกล้ในระยะประชิด คว้ามือเรียวยกขึ้นมาดอมดมอย่างนุ่มนวล ก่อนประสานสายตาอันหวานซึ้งตรึงใจ สร้างความโรแมนติกให้เกิดขึ้นภายในห้องเก็บเอกสารแห่งนี้
“จะว่าเราโรคจิตก็ได้นะ แต่เราแอบเฝ้าตามชีวิตของโต้มาโดยตลอดจนรู้ว่าโต้ทำงานในบริษัทพ่อเลี้ยงเรา เราเลยขอท่านมาดูแลงานที่นี่เพราะอยากจะมีโอกาสใกล้ชิดกับโต้อีกครั้ง”
“นี่ธนาทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ ตั้งสิบปีเลยนะ”
“ต่อให้นานแค่ไหนถ้าทำเพื่อจะได้พบกับคนที่เรารักอีกครั้งเราก็ยอม”
“เรา...ขอโทษนะที่ทำให้ตอนนั้นเราต้องเลิกกัน”
“ไม่เป็นไร ตอนนั้นเรายังเด็กทั้งคู่ แต่ตอนนี้เราเป็นผู้ใหญ่กันแล้วย่อมมีเหตุผลมากพอ เพราะงั้นพรุ่งนี้เราไปเดตกันนะ ไปย้อนวันวานด้วยกัน”
“ที่ไหนอ่ะ”
“แถวโรงเรียนเก่าเราไง ไปนั่งกินไอติม เดินเล่นในสวนกัน”
“ก็ดีนะ ตรงนั้นไม่น่าจะมีคนรู้จัก”
โตโต้ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขก่อนจะต้องตกใจจนต้องเบิกตาโพลงเมื่อท่านรองประธานรั้งตัวเข้าไปสวมกอด หัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อ้อมกอดนี้ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ผู้ชายคนนี้ทำเสน่ห์มนตราหรืออย่างไร เหตุใดจึงไม่เคยลืมเขาไปจากใจได้แม้วันเวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตามที
“กอดทำไมเนี่ย เดี๋ยวใครก็มาเห็นหรอก”
“ขอเวลาสักครู่นะ อยากกอดโต้อย่างนี้มานานแล้ว”
ตอนแรกก็รู้สึกไม่ค่อยดีแต่พอได้ยินประโยคนั้นใบหน้าของโตโต้ก็ร้อนผ่าว รู้สึกเขินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มือน้อย ๆ เคลื่อนขึ้นมาโอบกอดเขาตอบอย่างเคอะเขิน รอยยิ้มฉายขึ้นประดับดวงหน้าหวานอย่างรู้สึกมีความสุข
*-*-*-*-*-*-*-*
และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง โตโต้แต่งตัวดูดีเป็นพิเศษเพื่อออกเดตกับชายผู้เป็นรักครั้งแรกและแฟนคนเดียวในชีวิต เขามารับถึงหน้าบ้านพร้อมกับมอบช่อดอกกุหลาบสีแดงให้อีกต่างหาก หัวใจดวงน้อยพองโตด้วยความรู้สึกดี
สถานที่แรกนั่นคือร้านน้ำแข็งไสข้างโรงเรียน ธนามักจะพามากินหลังจากเลิกเรียนเป็นประจำ แม้ผ่านมานานถึงสิบปีแล้วแต่ร้านนี้ก็ยังคงเปิดทำการขายปกติ จากตอนแรกคิดว่าจะปิดกิจการเหมือนร้านอื่น ๆ ที่โดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานเอา
“สวัสดีครับป้า”
“สวัสดีจ้ะ วันนี้รับอะไรดีเอ่ย” แม่ค้าคนเดิมแต่มีริ้วรอยแห่งวัยตามกาลเวลาที่ผันผ่าน หากทว่าสีหน้ายังคงยิ้มแย้มต้อนรับลูกค้าเป็นอย่างดี
“เอาเหมือนเดิมครับ”
ได้ยินอย่างนั้นก็เลิกคิ้วมองหน้าเพื่อนึกว่าใช่ลูกค้าประจำที่เคยมาไหม แม่ค้าเพ่งมองให้ชัด ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนข้าง ๆ ที่มักจะควงคู่กันมาหลังเลิกเรียนเป็นประจำ ตอนนั้นความรักในวัยใสช่างน่าเอ็นดู แต่จู่ ๆ ก็ไม่เห็นแวะเวียนมาอีกเข้าใจว่าคงจะเลิกรากันตามประสาเด็ก ๆ เจออีกครั้งก็มาในช่วงวัยทำงานแล้วจึงนึกประหลาดใจไม่น้อย
“อ้อ ป้าจำได้แล้ว หนูสองคนนั้นนั่นเอง ไม่มาหาป้าตั้งสิบปีเชียวนะ ตอนแรกนึกว่าเลิกกันแล้วซะอีก”
“จริง ๆ ก็เลิกกันแล้วครับป้าแต่ตอนนี้กลับมาคบกันอีกแล้ว” ธนากล่าวด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ คว้ามือของโตโต้มาจับไว้อย่างแนบแน่น
“ว้าว ป้าดีใจด้วยนะ แล้วนี่แต่งงานกันรึยัง”
“ยังเลยครับป้า เพิ่งจะกลับมาคบกันเองนะครับ”
“ไม่ต้องอายหรอก เลิกกันนานขนาดนี้แล้วยังกลับมาคบกันแสดงว่าต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ ๆ เลย ยังไงป้าก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับป้า”
ลูกค้าทั้งสองมองหน้าพลางส่งยิ้มให้กัน จากนั้นป้าเจ้าของร้านได้เชิญให้เข้าไปนั่งในโต๊ะด้านในก่อน ถึงจะผ่านมานานแล้วแต่ก็ยังจำได้ดีว่ารสชาติที่คนทั้งสองชอบคือรสชาติใด
เมื่อได้ที่นั่งแล้วก็ถือโอกาสย้อนความทรงจำในวันวาน ธนาทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำ ส่งรอยยิ้มทรงเสน่ห์ให้พร้อมกับคำบอกรัก จากนั้นก็นำหูฟังมาข้างหนึ่งมาให้ฟังด้วยกัน เปิดเพลงที่เคยเปิดเมื่อครั้งนั้น โตโต้จำได้แม่นว่าเพลงที่อีกฝ่ายชอบเปิดให้ฟังก็คือเพลงแค่คุณของศิลปิน Musketeers ฟังทุกครั้งที่มาร้านน้ำแข็งไสนี้ ได้ฟังแล้วก็ยิ้มแก้มแทบปริ
“ยังจำได้สินะถึงได้ยิ้มหวานอย่างนี้” ธนาว่า
“อื้ม จำได้สิ เราชอบฟังบ่อย ๆ”
“แสดงว่าคิดถึงเราบ่อย ๆ สินะ” คนพูดยิ้มราวกับดีใจนักหนา
ฟังเพลงจ้องตากันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งป้าแม่ค้านำน้ำแข็งไสมาเสิร์ฟที่โต๊ะ แต่ทว่าก็ยังคงสวมหูฟังคนละข้างฟังเพลงเหมือนเดิม เห็นความหวานแหววของคู่รักหนุ่มก็ทำให้ป้ายิ้มตามด้วยความเอ็นดู
“ทานให้อร่อยนะจ๊ะหนู ๆ”
“ขอบคุณครับป้า”
“รักกันขนาดนี้ป้าก็ดีใจด้วย หากแต่งงานกันจริง ๆ อย่าลืมมาถ่ายรูปที่ร้านป้านะ จะได้โปรโมตร้านให้ป้าด้วย”
“ครับผม ถ้ามีข่าวดีจะมาแจ้งให้ป้าทราบคนแรกเลยครับ”
ป้ายิ้มแล้วเดินกลับไปทำออร์เดอร์ให้ลูกค้าคนอื่นต่อ โตโต้ลอบมองความจริงจังของเขาในขณะกำลังสนทนากับป้าเจ้าของร้าน รู้สึกได้ว่าคงเป็นผู้ชายคนนี้ที่จะมาทำลายความโสดของตนอีกครั้ง
Rrrrr….
กำลังฟังเพลงพร้อมคิดเพ้อฝันไปเพลิน ๆ ก็มีสายโทรเข้ามาทำให้โตโต้ต้องถอดหูฟังยื่นคืนให้อีกฝ่าย
“ใครโทรมาเหรอ”
“เพื่อนน่ะ เดี๋ยวเราไปรับสายแปบนึงนะเดี๋ยวมา”
โตโต้พยักหน้ายิ้มก่อนเขาจะเดินไปมุมหนึ่งของร้านเพื่อคุยสายกับใครบางคน โตโต้นั่งมองดูอีกฝ่ายคุยสายอย่างหลงใหล เห็นเขาทั้งยิ้มและหัวเราะสลับกันเป็นช่วง ๆ สีหน้าดูมีความสุขมากก็ทำให้เกิดความอยากรู้ว่าเพื่อนคนนั้นเป็นใครกันนะถึงทำให้ธนามีความสุขมากถึงขนาดนี้
“โทษทีคุยนานไปหน่อย” ธนากล่าวหลังจากนั่งหย่อนก้นลงบนเก้าอี้แล้ว
“ไม่เป็นไร รีบกินกันเถอะเดี๋ยวจะละลายหมดก่อน”
“อื้ม”
“เดี๋ยวเราป้อนนะ”
กำลังจะหยิบช้อนขึ้นมาแล้วแท้ ๆ แต่ธนากลับตักน้ำแข็งไสขึ้นมารอเตรียมพร้อมเข้าปากแล้ว มีหรือที่จะปฏิเสธได้
“ขอบใจนะ เรากินเองได้น่า” กล่าวอย่างเขินอายหลังจากกลืนลงคอไปแล้ว
“ป้อนเรามั่งดิ”
“ว่าแล้วต้องมีแผน”
โตโต้ยิ้มแล้วป้อนเขาตามคำอ้อน จากนั้นทั้งสองก็ต่างคนต่างกิน สนทนากันถึงเรื่องราวเก่า ๆ รวมถึงถามไถ่ชีวิตที่ผ่านมาของกันและกัน ธนาเล่าให้ฟังว่าหลังจากเลิกกันไม่นานก็ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดจนกระทั่งแม่ของเขาได้พบรักครั้งใหม่กับพ่อเลี้ยงคนปัจจุบัน จากนั้นก็มีโอกาสได้ไปเรียนต่างประเทศกลับมาบริหารงานช่วยท่าน
กินไปสนทนากันไปจนกระทั่งหมดเกลี้ยงถ้วยก็พากันออกมาจากร้าน มุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะแถวนั้น ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้วทั้งสองมักจะจูงมือกันเดินเล่นกินลมชมวิวก่อนกลับบ้าน นอกจากมีต้นไม้สีเขียวจนเกือบเต็มพื้นที่แล้วยังมีสนามกีฬาให้เด็กวัยรุ่นได้มาออกกำลังกาย มีสระน้ำขนาดใหญ่ตรงกลางไว้นั่งชมบรรยากาศสวย ๆ อีกด้วย
“ที่นี่ยังเหมือนเดิมเลยนะธนา ตอนนั้นธนากับเพื่อน ๆ มาเล่นบอลกันตรงนั้นส่วนเราก็มานั่งเฝ้าจนค่ำมืด มีวันนึงกลับค่ำโดนแม่ตีจนก้นลายพูดแล้วก็อายแทบแย่” พูดไปยิ้มไปพลางนึกย้อนภาพแห่งความทรงจำในวันวาน แน่นอนว่าคนที่คิดถึงมากที่สุดในตอนนี้ก็คงเป็นมารดาของเขาเอง
“แม่ของโต้ท่านเสียนานรึยังนะ”
“สามปีแล้วล่ะ ท่านเป็นมะเร็งรักษาอยู่หลายปีเหมือนกัน” กล่าวถึงเรื่องนี้ทีไรหัวใจมักจะเจ็บแปลบทุกครั้ง ยังรู้สึกใจหายไม่เช่นเดิมแม้วันเวลาจะผันผ่านมาสามปีแล้ว
“ไม่เป็นไรนะ เราจะเป็นคนดูแลโต้เอง เราจะอยู่ข้างโต้เสมอ” คนพูดกระชับมือที่ประสานกันให้แน่นยิ่งขึ้น ส่งรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นให้เจ้าตัวได้รู้สึกดีขึ้น ผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงก่อนจะหยุดอยู่กลางถนน ยืนเผชิญหน้าประสานมือกันไว้อย่างแนบแน่น
ธนาส่งแววตาอันจริงจังให้ คล้ายกับกำลังจะบอกอะไรสักอย่าง หัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะลุ้นเหลือเดินว่ากำลังจะเอ่ยสิ่งใด
“แต่งงานกับเรานะ”
ได้ยินอย่างนั้นโตโต้ก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ มันเร็วเกินไปสำหรับการใช้ชีวิตคู่ ถึงแม้จะเคยคบกันมาแล้วก็เถอะ แต่นั่นมันสมัยยังเป็นวัยแรกรุ่น นิสัยใจคอคนเรามันย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเขาจะเหมือนเดิมมากน้อยแค่ไหน
“เราว่า...มันเร็วไปไหม เราเพิ่งจะกลับมาคุยกันไม่กี่วันเองนะ”
“แสดงว่าโต้ไม่เชื่อใจเรา”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ คือ...เราขอเวลาอีกสักระยะได้ไหม”
“ได้! เราจะให้เวลาโต้อีกเดือนเดียวเท่านั้นนะ”
“เดือนเดียว! มันน้อยไปไหม”
“ไม่น้อยหรอกเพราะเรารู้จักกันมาเป็นสิบปีแล้วนะ ตอนนั้นกับตอนนี้มันก็ไม่ต่างกัน ถึงแม้อะไรจะเปลี่ยนแต่หัวใจของเราไม่เคยเปลี่ยน...จริงไหม”
กล่าวจบแล้วก็ดึงร่างบอบบางเข้ามาในอ้อมอก สวมกอดอย่างแนบแน่น เป็นอีกครั้งที่ธนาสะกดให้โตโต้อยู่ใต้อาณัฐได้อย่างง่ายดาย อยู่ภายในอ้อมอกนี้ทีไรรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเสมอ เหมือนอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ไม่ผิดเพี้ยน คิดแล้วก็น้ำตาไหลหลั่งมิอาจกลั้นได้ โอบกอดเขาอย่างแนบแน่นไร้ซึ่งความเคอะเขินใด ๆ ปล่อยตัวและใจให้กับวินาทีอันอบอุ่นนี้อย่างเต็มใจ