เชียงใหม่มีสนามบินมาแล้วกว่า 100 ปีและเป็นสนามบินแห่งแรกของประเทศไทย
การบินในประเทศไทยได้เริ่มขึ้นหลังจากไ้ส่งนายทหาร 3 คนไปเรียนการบินที่ฝรั่งเศษ เมื่อผู้สำเร็จการบินทั้ง 3 คนกลับมาในปี พ.ศ. 2456 และได้สั่งซื้อเครื่องบินแบบปีก 2 ชั้นที่เคยใช้ฝึกบินในยุโรปมา 3 เครื่อง จึงถือได้ว่าการบินของไทยได้เริ่มในปีนั้น หลังจากพี่น้องตระกูลไรท์ทดลองการบินได้สำเร็จเป็นครั้งแรกเป็นเวลา 10 ปีพอดี โดยใช้สนามม้าราชกรีฑาสโมสร ที่ถนนอังรีดูนังต์ เป็นสนามบินแห่งแรก ก่อนจะย้ายมาสร้างสนามบินใหม่ที่ดอนเมืองในปีเดียวกัน แต่การบินในระยะเริ่มต้นเป็นการบินทางทหาร
จนในปี พ.ศ.2462 กรมอากาศยานทหารบกจึงเริ่มทำการทดลองทำการบินรับส่งไปรษณีย์ระหว่างดอนเมือง - จันทร์บุนี ต่อมาก็ได้รับผู้โดยสารในเส้นทางสายนี้ด้วย นับว่าไทยได้เริ่มการบินพาณิชย์ก่อนใครๆในภูมิภาคนี้
ในปี พ.ศ. 2463 ได้ขยายเส้นทางการบินพาณิชย์ไปอีก 2 จังหวัด คือนคราชสีมาและอุบลราชธานี จากนั้นก็ขยายไปยังอุดรธานีและหนองคาย กับอีกเส้นทางคือจังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์ ซึ่งยังไม่มีรถไฟไปถึงแม้จะมีการรับผู้โดยสารบ้าง แต่ก็ถือการไปรษณีย์เป็นหลัก
ในปี พ.ศ. 2464 นายพลโทพระองค์เจาบวรเดชกฤดากร อดีตอปุราชมณฑลพายับ ซึ่งมีชายาเป็นเจ้าหญิงเชียงใหม่ ได้สร้าง "สนามบินสุเทพ" ขึ้นที่เชิงดอยสุเทพ ในบริเวณที่เป็นป่าไผ่ของตำบลสุเทพ และเจ้าแก้วนวรัตน์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ได้ร่วมกับเจ้าฝ่ายเหนือและพ่อค้าประชาชนรวมเงินกันซื้อเครื่องบินปีก 2 ชั้นที่เคยใช้เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดมาดัดแปลงเป็นเครื่องบินโดยสารตั้งชื่อว่า"จังหวัดเชียงใหม่" เปิดสนามบินให้เครื่องบินแตะพื้นเชียงใหม่ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2466 ฉลองกัน 4 วัน 5 คืน และรวมเงินกันซื้อเครื่องบินได้อีกเครื่องเป็น "จังหวัดเชียงใหม่ 2" เปิดเส้นทางบินเชียงใหม่ - กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ - แม่ฮ่องสอน ซึ่งขณนั้นการคมนาคมทางบกเข้าออกได้เฉพราะฤดูแล้งเท่านั้น
ในปี พ.ศ. 2468 จึงมีการจัดตั้งกองบินพลเรือนขึ้นในกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ดูแลการบินพลเรือน จนยกฐานะเป็นกรมการบินพาณิชย์ สังกัดกระทรวงคมนาคมในปี พ.ศ.2506
ในวันที่ 13 กรกฎาคม ปี พ.ศ.2471 ได้มีการจดทะเบียน บริษัท เดินอากาศ จำกัด ทุนจดทะเบียน 600,000 บาท เพื่อการขนส่งทางอากาศในประเทศ แต่ก็ต้องหยุดดำเนินกิจการไปในปีพ.ศ. 2484 เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น เนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์และอะไหร่กลับมาดำเนินกิจการใหม่ในปี พ.ศ. 2490
ต่อมามีการจัดตั้งบริษัทการบินขึ้นอีกครั้งหนึ่งคือ บริษัท การบินแปซิฟิค โอเวอร์ซี ( สยาม ) จำกัด โดยมีบริษัทเดินอากาศถือหุ้นด้วน จนในปี พ.ศ. 2494 บริษัทเดินอากาศ กับบริษัทการบินแปซิฟิค ได้ร่วมกิจการเป็นบริษัทเดียวกัน จดทะเบียนใหม่ในชื่อ บริษัทเดินอากาศไทย จำกัด
ในปี พ.ศ. 2498 รัฐบาลมีนโยบายให้บริษัทเดอนอากาศไทยดำเนินการบินไปต่างประเทศด้วยจึงซื้อเครื่องบินขนาดใหญ่มาจากอเมริกา 3 ลำ แต่ประสบการในการบินระหว่างประเทศยังไม่พอ จึงขาดทุนจนต้องขายเครื่องบินไป
ในปี พ.ศ. 2503 บริษัท เดินอากาศไทย จำกัดได้ร่วมทุนกับ บริษัทการบินสแกนดิเนเวียน แอร์ไลนส์ ซิสเต็ม จดทะเบียนใหม่ในชื่อบริษัท การบินไทย จำกัด ด้วยทุน 2 ล้านบาทดำเนินการขนส่งรหว่างประเทศตามเส้นทางของบริษัทเดินอากาศไทย ส่วนบริษัทเดินอากาศไทยเดินสายภายในประเทศ
จนในปี พ.ศ. 2520 บริษัทเดินอากาศไทยได้ซื้อหุ่นในบริษัทการบินไทยจากบริษัทการบินสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ทั้งหมด บริษัท การบินไทยจำกัดจึงเป็นบริษัทของคนไทย 100% โดยมีบริษัทเดินอากาศไทยและกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น
ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน ปีพ.ศ. 2531 บริษัท เดินอากาศไทย จำกัด กับบริษัทการบินไทย จำกัดได้รวมกิจการเข้าด้วยกัน เป็นบริษัท การบินไทยจำกัด ( มหาชน ) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปีพ.ศ. 2434 ทำให้หุ้นจดทะเบียนของบริษัทเพิ่มจาก 2,230 ล้านบาท เป็น 16,000 ล้านบาท มีจุดบินทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ 50 จุดบิน ถือได้ว่าเป็นสายการบินแห่งชาติไทย