ตำนานสังหารที่โลกไม่เคยลืม
ตำนานสังหารที่โลกไม่เคยลืม
บทบันทึกความเลวร้ายที่ปรากฎในประวัติศาสตร์
ที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันอย่างป่าเถื่อนทารุณ
พิพิธภัณฑ์การทรมานนักโทษ
• เดิมคือคุกตวลซแลง ซึ่งในช่วงหลายปีทีพอลพตครองอำนาจ มีคนราว 20,000 คน ถูกนำตัวมาสอบสวนทรมานและสังหารให้ตายไปพร้อมๆ กับครอบครัว ช่วงแรกๆ เหยื่อมักเป็นชาวบ้านที่กลุ่มเขมรแดงเพ่งเล็งว่าเป็นศัตรูและผู้สนับสนุนรัฐบาลชุดก่อน แต่ต่อมารัฐบาลก็เริ่มออกอาการประสาทหวาดระแวงคนรอบข้างไปหมด เมื่อมีการยกเลิกคุกต็วลซแลงในปี 1979 จึงพบว่านักโทษที่ถูกคุมขังทรมานและสังหารส่่วนใหญ่ คือพลพรรคเขมรแดงที่ตกอำนาจแล้วแทบทั้งสิ้น คุุกคุมขังเดิมนั้น ปัีจจุบันจัดแสดงด้วยภาพถ่ายของเหยื่อการ จัดแสดงเครื่องทรมาน อาวุธที่ใช้ในการประหาร และรูปปั้นครึ่งตัวของพอลพต ห้องขังเล็กๆ ที่มีโซ่ตรวนและกุญแจมือปรากฎให้เห็นอยู่
โศกนาฏกรรม "กัมพูชา" ช่วงเขมรแดงเรืองอำนาจหลังจากยึดกรุงพนมเปญได้ในปี 2518
ทั่วทั้งแผ่นดินแดงฉานด้วยเลือดประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ตกเป็นเหยื่อความโหดเหี้ยม
ย้อนอดีต (หลายศตวรรษให้หลังมหาอาณาจักรอันเกรียงไกร)
ประวัติศาสตร์กัมพูชายุคใหม่เริ่มต้นเมื่อได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์
ตามข้อตกลงเจนีวาระหว่างเวียดนามกับฝรั่งเศสเมื่อพ.ศ.2497
สมเด็จเจ้านโรดมสีหนุปกครองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งผลกระทบของสงครามเย็นทำให้กัมพูชาในช่วงปี 2508
สภาพเศรษฐกิจและสังคมตกต่ำเสื่อมโทรมถึงขีดสุด
เกิดความวุ่นวายทางการเมืองและการเดินขบวนประท้วงรัฐของนักศึกษาประชาชน
เดือนเมษายน 2510 ชาวบ้านและชาวนาในอำเภอซัมลูด จังหวัดพระตะบอง
ก่อการจลาจล รัฐบาลส่งทหารเข้าปราบปรามอย่างรุนแรง
ทำให้ประชาชนซึ่งถูกรวมเรียกเป็นฝ่ายซ้ายหลบหนีเข้าร่วมกับฝ่ายคอมมิวนิสต์กัมพูชา
ที่ตั้งฐานที่มั่นอยู่ในพื้นที่ป่าเขา
ต่อมาเดือนมีนาคม 2513 นายพลลอน นอล ทำการรัฐประหาร
ก่อนกองกำลังฝ่ายคอมมิวนิสต์กัมพูชา หรือเขมรแดง (Khmer Rouge) มีเวียดกงเป็นพันธมิตร
เข้ายึดอำนาจปกครองกัมพูชาได้เบ็ดเสร็จเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2518
จริงๆแล้วต้องบอกว่า นายพล ลอน นอล นั้นได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆจาก สหรัฐอเมริกา เพื่อโค่นล้มอำนาจของ สมเด็จ นโรดมสีหนุ หลังจากทำการรัฐประหารยึดอำนาจเสร็จสิ้น สมเด็จนโรดมสีหนุได้ลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศจีน และได้ปลุกกระแสมวลชน ที่ยังสนับสนุนพระองค์ผ่านทางวิทยุ กระจายเสียง และผู้ที่อยู่เบี้องหลังเขมรแดงที่แท้จริง คนกัมพูชาคงรู้อยู่แก่ใจ สมเด็จนโรดม สีหนุ ได้ปลุกกระเเสมวลชนให้หันมาสนับสนุน กองทัพเขมรแดงซึ่ง ณ ตอนนั้นยังไม่ได้แสดงธาตุแท้ของความโหดเหี้ยม ออกมา
โดยหวังว่าพระองค์จะได้กลับมาปกครองประเทศอีกครั้ง หลังจากเขมรแดงยึดอำนาจได้ในปี 2518 ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้น แต่ไม่นานพระองค์ ก็ถูกเขมรแดงรวบอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งหมด
จากนั้นมากัมพูชาอยู่ภายใต้อำนาจของนายพล พต ผู้นำกลุ่มเขมรแดง
ผู้โค่นล้มรัฐบาลลอน นอล ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา
กัมพูชาในกำมือพล พต ระหว่างปี 2518-2522 ตกอยู่ในความรุนแรงสุดขั้ว
เพื่อปรับปรุงระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมพึ่งตนเอง
ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากภายนอกประเทศ
และไม่ยอมเป็นพันธมิตรกับชาติใดๆ
โดดเดี่ยวประเทศออกจากอิทธิพลของต่างชาติ
ปิดโรงเรียน โรงพยาบาล โรงงาน ยกเลิกระบบธนาคาร ระบบเงินตรา
ยึดทรัพย์สินจากเอกชนทั้งหมด
โดยในช่วงแรกผู้คนต่างโห่ร้องดีใจหลังจากที่ เขมรแดงได้ยึดอำนาจจากนายพลลอน นอล เพราะหวังว่าความสงบสุขจะกลับมาเยือนชาว กัมพูชาอีกครั้ง
พลพต สั่งให้อบยพผู้คนจากกรุงพนมเปญสู่ชนบท เพื่อทำการเกษตร ทุกคนได้แต่หวังว่าจะมีข้าวกิน มีการทำนาที่เป็นระบบนารวม จากในรูปเด็กๆ และพ่อแม่ หรือ พี่กับน้อง ต่างจูงมือกันมุงสู่ต่างจังหวัด โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ คือความตาย
พล พต คลั่งลัทธิซ้ายสุดๆ เขาเชื่อว่าระบบสังคมนิยมจะนำกัมพูชาสู่ความเจริญรุ่งเรืองเหมือนในอดีตได้ โดยประเทศควรจะอยู่อย่างสันโดษ ไม่ต้องเพิ่งวิทยาการเทคโนโลยีใดๆ ขอให้มีข้าวกินก็อยู่ได้ เขาจึงกวาดล้างผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ทางความคิด นักศึกษาปัญญาชน แพทย์ วิศวกร นัปราชญ์
ศิลปิน
เล่ากันว่าคนใส่แว่นสายตาที่ดูเหมือนมีความรู้ เป็นภัยต่อความมั่นคง ปกครองยาก จะถูกฆ่าอย่างไร้เหตุผล เขาต้องการให้กัมพูชามีแต่ชนชั้นกรรมาชีพนี่ไม่ใช่บทหนังหรือละคร แต่เป็นความจริงที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันอย่างป่าเถื่อนทารุณ
เมื่อเขมรแดงยึดกรุงพนมเปญ ประชาชนพลเมืองถูกหลอกออกจากเมืองไปยังชนบทกันดาร พล พตต้องการเปลี่ยนให้ชาวกัมพูชากลับไปเป็นชนดั้งเดิม ใช้แรงงานเพื่อการเกษตร ทุกคนต้องเป็นชาวนาชาวไร่ อาศัยอยู่ในค่ายแรงงาน ทำงานวันละ 12 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก และไม่มีอาหารเพียงพอ
4 ปีที่พล พตอยู่ในอำนาจผู้คนล้มตายนับล้านชีวิต ทั้งอดอยาก ทั้งถูกทารุณกรรม
ถูกฆ่ายิ่งมหาศาล "ทุ่งสังหาร" อุบัติขึ้นเวลานั้น
คุกตวลสแลง แต่เดิมเป็นโรงเรียนมัธยมซึ่งตั้งชื่อตามบรรพบุรุษของพระมหากษัตริย์กัมพูชา มีตึกเรียน 4 ชั้น 4 อาคาร พ.ศ.2519 ซึ่งถ้าดูจากภายนอกตอนนี้ก็เหมือนกับโรงเรียนธรรมดา เพราะยังมีโครงสร้างเป็นโรงเรียนอยู่ ในบริเวณประมาณ 10 กว่าไร่ มีตึกเรียน 4 ชั้น อยู่ประมาณ 4 อาคาร
พอเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1976 ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. 2519 เขมรแดงได้เปลี่ยนโรงเรียนแห่งนี้เป็น S-21 หรือ Tuol Sleng ชื่อ S-21 ย่อมาจาก Security Office 21 วัตถุประสงค์คือใช้เป็นสถานที่รีดไถคำสารภาพโดยใช้วิธีใดก็แล้วแต่ และพอรีดไถสำเร็จแล้วก็เอาไปฆ่า หรือจัดการกับผู้ทำผิด
ก้าวแรกจะเป็นหลุมฝังศพของผู้เสียชีวิต 14 ศพ ที่พบหลังจากการเข้าเคลีรยร์พื้นที่
อ่านเรื่องเขมรแดง http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87
อ้างอิงจาก: วิกิพีเดีย,google