เรื่องเล่าสุดสยอง..ของ "เพื่อนไม่ได้รับเชิญ"
เรื่องเล่าสุดหลอน!! เพื่อนไม่ได้รับเชิญ ประสบการณ์สุดสยองจากมหาลัยแห่งหนึ่ง ณ ห้องพิมพ์ดีด เรื่องเล่าสุดหลอน เชื่อเหลือเกินว่าในแต่ละโรงเรียน มหาลัย หรือสถานที่ต่างๆ นั้น ก็ต้องมีเรื่องราวชวนน่าขนลุกให้มาเล่าอย่างแน่นอน เช่นเดียวกันกับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ที่รู้สึกว่า จะหลอนตั้งแต่ภาพแล้วด้วย แต่เรื่องราวก่อนที่จะมาเจอแบบนี้นั้น พวกเขาได้เจอเรื่องราวประหลาดก่อนที่จะมาเจอกับภาพหลอนนั้น เรื่องราวนั้นเป็นมายังไง เราไปดูกันเลย (โดยเรื่องราวนี้ได้ถูกเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊คที่ชื่อว่า "เรื่องเล่าคืนนั้น ผี")
"เพื่อนไม่ได้รับเชิญ" เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งมาจากคุณ N (นามสมมติ) เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ที่วิทยาลัยเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง คุณ N ไม่ได้เจอกับตัว แต่เป็นเพื่อนร่วมห้องที่เคยเรียนมาด้วยกันเจอ ซึ่งคุณ N ก็อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วยครับ.. และเรื่องนี้โด่งดังมากในวิทยาลัย จนสมัยนั้น อาจารย์ให้ปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะกลัวเด็กในวิทยาลัยจะกลัวกัน คุณ N เล่าให้ฟังว่า..
ห้องของผมนั้น มีกันอยู่ประมาณ 30 กว่าคน เป็นนักศึกษาแผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วันนั้นพวกผมก็เรียนกันตามปกติ ไม่มีอะไร จนมาถึงวิชาสุดท้าย คือ วิชาพิมพ์ดีด ซึ่งเป็นวิชาที่อาจารย์ค่อนข้างจะเข้มงวดมากๆ อาจารย์ปล่อยให้พวกผมพิมพ์งานกันจนเสร็จ โดยถ้าใครพิมพ์ไม่เสร็จ ก็ห้ามกลับบ้าน.. วันนั้นพวกผมจึงอยู่พิมพ์งานกันจนถึง 6 โมงเย็น ซึ่งช่วงนั้นเอง นักเรียนในวิทยาลัย ก็ต่างทยอยกลับกันหมดแล้ว เพราะที่นี่เป็นวิทยาลัยเล็กๆ มีนักเรียนไม่มากนัก..
พวกผมพิมพ์งานกันไปเรื่อยๆ จนมันมีอยู่ช่วงนึงครับ แล้วจู่ๆ ผมก็ได้กลิ่นธูปลอยผ่านจมูกมา กลิ่นแบบแรงมาก แต่ผมก็เงียบไว้ไม่พูดอะไร เพราะเคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่เค้าว่าไว้ ห้ามพูด ห้ามทัก เวลาเจออะไรแบบนี้.. แต่มีเพื่อนผู้หญิงอยู่คนนึง เป็นคนอิสลาม เค้าก็พูดขึ้นว่า ‘เฮ้ย! มีใครได้กลิ่นธูปเหมือนกูป่าววะ?’ เท่านั้นแหล่ะครับ พวกผมที่นั่งพิมพ์ดีดกันอยู่ ก็รีบวิ่งหน้าตื่นมารวมตัวกันที่หลังห้องทันที.. ผมมั่นใจว่า ทุกคนคงได้กลิ่นเหมือนกันหมด เพียงแต่ ไม่มีใครกล้าพูดออกมาก็เท่านั้นเอง
จากนั้น พวกเราก็ตั้งวงนั่งคุยกันเรื่องกลิ่นธูป ว่าจะเป็นไปได้มั้ย ที่ภารโรงอาจจะจุดธูปไหว้ศาล แต่พอคิดไปคิดมาแล้ว แถวนี้ก็ไม่มีศาลอะไรเลย.. ระหว่างที่เรากำลังนั่งคุยกัน อยู่ๆ ก็มีเสียงเดินครับ เป็นเสียงรองเท้า เดินอยู่ที่นอกห้อง และเหมือนเสียงไปหยุดอยู่ที่ตรงหน้าห้องพิมพ์ดีดครับ.. ตอนนั้นทุกคนต่างเงียบกันหมดเลย นั่นแปลว่า ทุกคนได้ยินเหมือนกันอีกแล้วสิครับ.. เพื่อนผู้หญิงที่เป็นอิสลาม ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่า เธอไม่กลัวหรือว่ายังไง เธอก็ตะโกนออกไปว่า ‘ใครน่ะ?’ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ กลับมา.. ในจังหวะนั้นเอง มันมีเครื่องพิมพ์ดีดที่มันพังใช้การไม่ได้อยู่เครื่องนึงบนโต๊ะหน้าห้อง ‘แต่ก..’ เสียงกดพิมพ์ดีดดังขึ้นมา 1 ครั้ง! พวกผมทุกคนก็มองหน้ากัน และก็ขนลุกซู่ เพราะไม่มีใครนั่งอยู่ที่เครื่องพิมพ์ดีดเลยสักคน.. พวกผมไม่มีกะจิตกะใจที่จะพิมพ์ดีดอีกต่อไปเลย สรุปก็คือหนีกลับบ้านกันหมด และพิมพ์งานไม่เสร็จ ยอมโดนด่ากันไป.. แล้วเรื่องนี้ก็ได้เงียบไป จนทุกคนลืม
จนมีอยู่วันนึงครับ เพื่อนผู้หญิงในแผนกผมได้ไปเข้าห้องน้ำที่ชั้น 3 โดยไปกัน 4 คน แล้วตรงทางออกห้องน้ำ ก็จะมีกระจกบานใหญ่ ที่เอาไว้คอยส่อง เช็คดูเสื้อผ้าว่าเรียบร้อยไหม.. พอพวกเพื่อนๆ ผู้หญิงของผมทำธุระกันเสร็จแล้ว ก็พากันถ่ายรูปหมู่ในกระจกกัน และเอามาโพสต์ลงเฟซบุ๊ค ก็โพสต์ไปโดยไม่ได้คิดอะไร.. แต่ปรากฏว่า มีบรรดาเพื่อนๆ ในเฟซที่เห็นโพสต์นั้น ก็ได้เข้ามาคอมเม้นท์กันในรูปของเพื่อน 4 คนนั้นว่า มีผู้หญิงอีกคนนึงติดมากับรูปถ่ายด้วย เป็นใคร ทำไมไม่แท็กชื่อ? ซึ่งพอเพื่อนๆ ทั้ง 4 คนได้มาดูรูปกัน ก็ต้องตกใจเอามากๆ เพราะมันมีเงาคนอีกคน อยู่ข้างหลังทางขวาจริงๆ ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิง แต่ไม่มีหน้า สีผิวคล้ำๆ เขียวๆ จากนั้นรูปนี้ก็ถูกเผยแพร่ออกไปในกลุ่มวิทยาลัย จนอาจารย์ให้ลบรูปนี้ทิ้งไป เพราะเด็กในวิทยาลัยเริ่มกลัวกันหมดแล้ว และจับกลุ่มคุยกันแต่เรื่องนี้จนไม่เป็นอันเรียนเลย..
แต่เพื่อนของผม ยังเก็บรูปนี้เอาไว้ในโทรศัพท์ครับ เพราะมันเป็นประสบการณ์สยองของวิทยาลัยเรา.. หลังจากวันนั้นมา พวกผมก็ได้ไปสอบถามกับอาจารย์เก่าแก่ท่านหนึ่งของวิทยาลัย ซึ่งท่านเองก็บอกว่า ‘ผู้หญิงที่ติดมากับรูปนี้ สวมชุดนักศึกษารุ่นเก่า.. น่าจะเป็นเธอคนนั้น เมื่อหลายปีที่แล้วเธอจบ ป.ว.ส. กำลังจะได้วุฒิการศึกษา แต่กลับถูกรถชนหน้าวิทยาลัยเสียชีวิตทันที แต่เหมือนกับวิญญาณของเธอ ยังคงมาเรียนอยู่ในวิทยาลัย และคอยหยอกล้อน้องๆ รุ่นต่อๆ ไป..’ และหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นเอง ทางวิทยาลัยก็ได้จัดให้มีการทำบุญวิทยาลัยครั้งใหญ่ เพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไปให้หมด.. แต่เรื่องเล่านี้ ก็ยังคงเป็นตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาจนทุกวันนี้ครับ..
รูปที่เพื่อนผมถ่ายไว้วันนั้น อาจจะไม่ได้ชัดมาก เพราะเป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่ได้มีการตกแต่งภาพแน่นอนครับ
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่พอได้ฟังแล้วถึงกับขนลุกซู่เลยทีเดียว ถ้าเจอกับตัวเองนั้น คงจะสั่นไปหมดทั้งตัวแน่ๆ เรื่องราวชวนน่าขนลุกแบบนี้มีกันอยู่แทบทุกโรงเรียนก็ว่าได้ ถ้าใครเจอเหตุการณ์หลอนๆ แบบนี้ ก็อย่าลืมนำมาเล่าสู่กันฟังบ้างน่ะ อิอิ