หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ย้อนรอยตำนานหลอน!!..ที่ภูกระดึง

เนื้อหาโดย Mac Casanova

              เรื่องเล่าชวนขุนลุก!! เมื่อ 10 ปีก่อน หลอนจบรรดาชาวเน็ตต้องตั้งกระทู้ถามหาอีกครั้ง เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าที่หลอน และชวนขนหัวลุกจริงๆ กับเรื่องเล่าเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ที่เคยเป็นเรื่องเล่าในรายการตีสิบ ที่มีกลุ่มเด็กประมาณ 7-11 คน ไปทำการท้าทายกับสิ่งที่มองไม่เห็น และเจอดีกัน เรื่องนี้มีลงในหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับด้วย  และเธอว่าเป็นเรื่องหลอนอีก 1 เรื่องที่จำได้ และตอนนี้มีสมาชิกพันทิปท่านหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า "tooktoonja" ได้มาตั้งกระทู้ถาม เพราะอยากฟังเรื่องราวนี้อีกครั้ง ไปฟังเรื่องราวนี้กันได้เลย

              เรื่องจากรายการตีสิบเกี่ยวกับประสบการณ์ลี้ลับ ที่มีกลุ่มนักศึกษา (มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ) ได้ไปเจอกันมาที่ภูกระดึง  เรื่องเกิดขึ้นจากการที่พวกเขานัดกันไปท่องเที่ยวพักแรมที่ภูกระดึง (ตอนก่อนเดินทางไปเที่ยว คุณยายของรุ่นพี่ในกลุ่มท่านหนึ่งก็ได้เตือนเอาไว้ให้ไหว้ เจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขา ตามประสาของผู้ใหญ่ที่เป็นห่วงลูกหลาน)

              แต่พอมาถึงตอนเช้าที่ภูกระดึง เขาก็ไม่ได้นึกถึงพวกเขาไปกันทั้งหมด 10 คน และไม่เคยมีใครเคยมาเที่ยวภูกระดึงกันมาก่อนเลย หนึ่งในนั้นชื่อบอย เป็นคนที่ไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องอาถรรพ์ และเป็นคนโผงผาง พูดจาไม่ค่อยดีนัก ตามสไตล์วัยรุ่นห่ามๆ (มาก) ทั่วไป หยาบคายบ้าง ท้าทายบ้าง เพื่อนๆ ก็ห้าม แต่ก็เหมือนยิ่งยุ (เพื่อนๆ บอกว่า เขาพูดหยาบมากๆ จนไม่สามารถพูดออกอากาศได้)

              ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวบนภูกระดึงวันแรก (บอย ก็พูดจาแบบคะนองปากไปเรื่อยๆ) แล้วกลุ่มของพวกเขาก็หลงป่า (เข้าใจว่าช่วงเที่ยวกลุ่มน้ำตก) หาทางออกไม่เจอเป็นเวลานาน พี่ใหญ่ของกลุ่มเริ่มไม่สบายใจ (คนเดียวกับที่ยายบอกให้ไหว้เจ้าที่)

              จึงไปยกมือไหว้ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณนั้น ด้วยความเข้าใจเองว่า จะต้องขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง และหลังจากที่ขอขมาแล้วก็ได้ทำการเดินต่อ ซักพักเขาก็เห็นไม้สีแดง (ลักษณะเป็นไม้ปลายงอม้วนเข้าคล้ายไม้เท้า) เขาก็เข้าใจเองอีกว่า ปลายไม้ชี้บอกทางออกและตัดสินใจเดินตามทางนั้นโดยเก็บเอาไม้ชิ้นนั้นมาด้วย ซักพักก็เดินพ้นออกมาจากป่าจริงๆ

              เมื่อพ้นออกมาจากป่าได้แล้ว ก็เดินเที่ยวต่อเพื่อไปที่ผาหล่มสัก เมื่อถึงผาหล่มสัก ยังไม่เย็นมากจึงนั่งๆ นอนๆ พักผ่อนรอชมพระอาทิตย์ตกดินในบริเวณนั้น (กลุ่มพวกเขาไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปไป มีเพียงโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปได้)

              ในตอนนั้นมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ อีกหลายกลุ่ม ที่มีจุดประสงค์เดียวกัน บ้างก็ถ่ายรูป บ้างก็พักผ่อน ด้วยความที่เป็นผู้ชายล้วน และด้วยความคึกคะนองของบอย เขาได้ตะโกนเสียงอันดังว่า… ออกไปที่ผา เพื่อฟังเสียงสะท้อนกลับมา ในตอนนั้นบอยก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองมาที่เขาอย่างเคืองๆ เขาเข้าใจว่า เป็นวัยรุ่นกลุ่มอื่นๆ บริเวณนั้น เขาจึงถามเพื่อนๆ ว่า มีกลุ่มไหนมองเขามั๊ย เพื่อนๆ ต่างก็บอกว่าไม่มีใครมอง

              เมื่อชมพระอาทิตย์ตกแล้ว พวกเขาก็ใช้เส้นทางเรียบผากลับที่ทำการฯ ด้วยเหตุที่พวกเขาไม่มีใครได้เตรียมไฟฉายไปด้วย และไม่เคยมาจึงพยายามเดินเป็นกลุ่มตรงกลาง เพื่อหวังจะอาศัยแสงไฟ และเดินตามกลุ่มอื่นๆ แต่เมื่อเดินไปเรื่อยๆ แสงไฟจากนักท่องเที่ยวกลุ่มหน้าค่อยๆ ห่างออกไปทุกที พวกเขาก็เร่งฝีเท้า เพื่อตามให้ทัน ปรากฎว่าตามไม่ทันแสงจากกลุ่มหน้าหายไปแล้ว

              เมื่อหันไปด้านหลังก็ไม่เห็นกลุ่มอื่นๆ ที่ตามมาเลย มีเหลือพวกเขาอยู่เพียงกลุ่มเดียว จึงรีบเดินให้เร็วขึ้น เดินจนถึงร้านค้าระหว่างทางจึงถามทางกลับ และขอซื้อเทียน ได้เพียงแค่ 2 เล่ม เพราะที่ร้านเหลือแค่นั้น และที่ร้านค้าก็แนะนำให้เดินทางลัดเพราะเห็นว่าดึกแล้ว (เข้าใจว่าเป็นเส้นทาง ผานาน้อย – องค์พุทธเมตตา) เขาก็เดินกันต่อ

              ตอนแรก พวกเขาได้เดินเรียงหน้ากระดาน 4 คน พอเดินๆ ไปทางก็แคบลงๆ จนพวกเขาก็ต้องเดินเรียงเดี่ยว โดยให้คนแรกถือเทียน 1 เล่ม และคนสุดท้ายถืออีก 1 เล่ม บอยเป็นคนที่อยู่รั้งท้ายสุด ตลอดทางพวกเขาจะนับ 1 ถึง 10 เป็นระยะๆ เพราะมืดมาก เผื่อใครหายจะได้รู้ เส้นทางค่อยๆ ลาดต่ำลง หญ้าสองข้างทางสูงเกือบจะท่วมหัวหมอกก็ลอยต่ำเรียดพื้น มองไปข้างหน้าเห็นเพียงท้องฟ้าที่มืดมิด มองต่ำกว่ายอดไม้เห็นเพียงสีดำสนิท ระยะการมองเห็นเพียงรัศมีแสงเทียน

              ในระหว่างที่เดินอยู่นั้น ทุกคนรู้สึกว่ามีสิ่งไม่ปกติเกิดขึ้นอยู่ตลอด บ้างก็รู้สึกเหมือนมีคนวิ่งเอามือระต้นหญ้าข้างทางผ่านพวกเขาไป แต่ไม่มีใครกล้าทัก พอเดินๆ ไป เพื่อนที่เดินอยู่หน้าบอย กระซิบว่าเห็นคน บอยก็ตบหัวเพื่อน พร้อมบอกว่า คนที่ไหนไม่เห็นมีเลย (แต่หลายคนเล่าว่า เห็นเหมือนคนตัวดำตัวใหญ่มากๆ นั่งยองๆ กอดเข่ามองพวกเขาอยู่ข้างทางห่างไปไม่ไกลมาก ระยะเพียงพ้นแสงเทียน จะเห็นจากหางตาเพราะไม่กล้าหันไปมอง) เดินไปได้ซักพัก บอยรู้สึกเหมือนมีคนมาหายใจรดต้นคอ และรู้สึกแน่นที่หน้าอกมากๆ พวกเขาเดินไปถึงทาง 3 แพร่ง ปรึกษากันว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือขวาดี และเริ่มนับ เพื่อให้ตรวจสอบเพื่อนว่าครบหรือเปล่า นับได้ 9 แล้วเงียบไป ไม่มีเสียงขานของบอย

              ตอนแรกก็นึกว่าบอยแกล้ง แต่พอมองหาไม่เจอ พวกเขาส่วนหนึ่งจึงรีบวิ่งย้อนกลับไปเส้นทางเดิม และพบบอยนอนอยู่ข้างทางในลักษณะที่ตั้งแต่ส่วนเอวลงไปอยู่ในป่า ส่วนท่อนบนอยู่บนทางเดิน เหมือนมีคนกำลัง ลากโดยดึงขาเขาเข้าไปในป่า เพื่อนๆ ก็ช่วยกันดึงไว้ และร้องเรียกพวกที่เหลือ พวกที่ตามมาก็วิ่งเตะรากไม้ได้แผลไปคนนึง

              ตอนนั้นบอยมีอาการกระตุก ตาเหลือก ตัวแข็ง พวกเพื่อนๆ ก็ตกใจ ช่วยกันบีบนวด แขน-ขา เขาต่างก็รู้สึกว่าตัวบอยแข็งมาก แข็งไปทั้งตัวเลย บีบไม่ลงไม่ยุบเลย พวกเขาจึงพยายามหามบอย โดยคนหนึ่งซ้อนใต้แขนทั้งสอง อีกคนยกขา เดินไป ตอนแรกยกไม่ขึ้นรู้สึกหนักมาก พอยกขึ้นและในระหว่างที่เดิน คนที่อยู่หน้าสุด ร้องว่าเห็นงูอยู่ข้างหน้า ทุกคนเห็นเป็นงูเหมือนกันหมด 9 คนยกเว้น บอย ที่ไม่รู้สึกตัวแล้ว แต่จากงูกลายเป็นกิ่งไม้ไปต่อหน้าพวกเขานั้นแหละ โดยพวกเขายืนยันว่าตอนแรกเป็นงูจริงๆ

              คนที่หามบอย 2 คนเริ่มไม่ใหวแล้ว ทั้งที่บอยตัวนิดเดียว คนหามทั้งสองคนตัวใหญ่กว่าเยอะ ต้องให้เพื่อนมาช่วยกันหามอีกคน เขาบอกว่า บอยตัวหนักขึ้น ครับหาม 3 คนก็ไม่ไหวบอยก็หล่นลงมา มีอาการชักอย่างน่ากลัว ตาก็เหลือกด้วย ในขณะนั้นเองเพื่อนอีกคน ก็เห็นแสงไฟ เคลื่อนเข้ามา และปรากฎว่าเป็นแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซต์ ทั้งๆ ที่ตอนแรกไม่ได้ยินเสียงรถเลย คนขับเป็น ชายใส่ชุดทหารพราน สวมโม่ง พวกเขาก็บอกว่ามีคนเจ็บให้ช่วยหน่อย

              คนที่ขับรถก็บอกให้เอาคนเจ็บขึ้นรถมา และให้คนขึ้นรถมาอีกคนคอยจับคนที่เจ็บไม่ให้ร่วง รุ่นพี่คนเดิมก็เลยขึ้นไปประคองบอย และได้เอาไม้สีแดงที่เก็บมาด้วยให้รุ่นน้องอีกคนถือไว้ ชายขับมอเตอร์ไซต์ ได้แนะนำให้พวกที่เหลือเดินเลี้ยวขวาที่ทางแยกข้างหน้าเพื่อกลับที่ทำการฯ จะถึงเร็วกว่า

              รุ่นพี่คนที่นั่งซ้อยรถไปด้วยก็เล่าว่า เมื่อถึงทางแยกมอเตอร์ไซค์กลับเลี้ยวซ้ายบอกว่าทางสะดวกกว่า และรุ่นพี่ได้เล่าให้คนที่ขับรถไปว่าเขามาเที่ยวกันแล้วเพื่อนก็เป็นอะไรไม่รู้ ทันใดนั้นคนที่ขับรถอยู่ก็หัวเราะขึ้นโดยมีน้ำเสียงเปลี่ยนไป จากเดิมเสียงใหญ่มาก และพูดยานๆว่า มันไม่เป็นอะไรหรอก

              ตอนนั้นเขากลัวมากๆ แต่ก็ขับมาส่งจนถึงบริเวณสะพานไม้หลังที่ทำการฯ เจ้าหน้าที่ที่ขับรถก็บอกให้ประคองบอยไปห้องพยาบาล ซึ่งตอนนั้นตัวบอยไม่หนักเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว พอถึงห้องพยาบาล เจ้าหน้าที่พยาบาลก็ให้กินยา และนอนพักก่อน ส่วนตัวรุ่นพี่ก็เดินไปซื้ออาหารอุ่นๆ ที่ร้านค้ามาไว้ให้บอยกิน

              พอกลับมาถึงบอยก็ฟื้นแล้ว แต่ยังงงๆ อยู่ มาพูดถึงเพื่อนอีก 8 คนที่เดินกลับ ตอนนั้นเทียนดับไปแล้ว พวกเขาก็ อาศัยแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือ ตลอดเวลาที่พวกเขาเดินไปเหมือนมีคนตามมาตลอด และเพื่อนคนนึงโดนพลักตกหลุม ถึง 2 ครั้ง โดยเพื่อนทุกคนยืนยันว่าไม่มีใครแกล้ง แล้วพวกเขาก็เห็นแสงไฟข้างหน้า เป็นแสงไฟตามบ้านอะไรประมาณนี้พวกเขาก็รีบเดิน แต่ยิ่งเดินยิ่งไกล และแล้วแสงไฟก็หายไป แต่พวกเขาก็ยังเดินต่อไป แต่ก็วนมาที่เดิมตลอด ทุกคนเริ่มกลัว เริ่มลนกันหมด แล้วก็มีคนยกมืออธิฐานกับไม้ บนบานเจ้าที่ เจ้าป่า เจ้าเขาขอให้ถึงที่พักซักที แล้วไม่นานเพื่อนคนหนึ่งก็แหวกหญ้าที่สูงท่วมหัวข้างทางออกมา เจอแสงไฟจากที่ทำการฯ ทั้งๆที่ไม่ไกลพวกเขาก็หลงอยู่เป็นนาน

              พวกเขาพบกับเจ้าหน้าที่ๆ ใส่ชุดทหาร สวมโม่ง 2 คนส่องไฟมาทางเขา แล้วบอกว่า เจอพวกมันแล้ว ตอนแรกเขานึกว่าเพื่อนเขาที่มากับรถ บอกให้คนออกมาตามหาพวกเขา แต่ไม่ใช่และทหาร 2 คนก็เดินหายไปใหนไม่รู้ แล้วพวกเขาก็มาถึงหลังที่ทำการ เขามาถึงที่พักกันแล้ว และพวกเขาก็ได้จุดธูปขอขมาเจ้าที่เจ้าทางพอปักธูป กำลังเดินกลับ

              บอยก็ออกมาพอดี โดยที่ไม่มีอาการใดๆ เลย มาตอนเช้าบอยเล่าหลังจากได้สติว่า ตอนที่ล้มลงนั้นยังรู้สึกตัว เห็นว่ามีคนตัวใหญ่หน้าตาโกรธมากมาทำให้ล้ม และกดหน้าอกเอาไว้ตอนที่เพื่อนๆ พยายามแบกตัวเขาขึ้นมา พวกเขาได้ตามถามหาเจ้าหน้าที่ที่มาส่งบอย เพื่อจะขอบคุณ ปรากฏว่าไม่มี และพวกเจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่มีใครใส่ชุดเต็มยศขนาดนั้นหรอก

              ส่วนแม่ค้าเมื่อได้ยินเรื่องก็ให้ความเห็นว่า เป็นผู้ช่วยองค์พุทธเมตตาที่ออกมาให้ความช่วยเหลือผู้คนบ่อยๆ เมื่อพวกเขาได้เดินกลับไปดูเส้นทางที่เดินมาเมื่อคืน พบว่าต้นไม้ใหญ่ๆ ที่เห็นเมื่อคืนไม่มีเลย มีเพียงหญ้าเตี้ยๆ สูงไม่ถึงเข่า มีหลักฐานว่าเป็นเส้นทางเดิมคือ ร่องรอยพลาสเตอร์ ที่เขาใช้กันหล่นอยู่ข้างทางอยู่เลย ทิศที่รถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาก็ไม่มีทาง เป็นทุ่งหญ้าและทางสามแยกก็ใช้ได้เพียงด้านขวา เพราะด้านซ้ายที่รถมอเตอร์ไซค์เลี้ยวมาเมื่อคืนที่ผ่านมา เส้นทางขาด น้ำ เซาะทางเป็นร่องลึกใช้ไม่ได้ จึงเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่รวมๆกันหลายอย่าง

              ก่อนลงจากภูกระดึง พี่ใหญ่รู้สึกขอบคุณไม้เท้า และได้เอาไปพิงไว้หลังต้นสนใหญ่ที่สุดบริเวณกางเต้นท์ เมื่อพวกเขากลับลงมาถึงตีนภูฯ ก็แวะเข้าไปไหว้ศาลเจ้าพ่อภูกระดึง ปรากฎว่าในศาล มีไม้เท้าสีแดงอยู่ ลักษณะไม้เท้า เหมือนกับไม้ที่พวกเขาใช้เมื่ออยู่บนภูฯ พวกเขาจึงคิดว่าเจ้าพ่อฯ ได้ไปช่วยพวกเขา

              (รายการตีสิบไปถ่ายภาพมาเปรียบเทียบกับภาพในโทรศัพท์มือถือ มีลักษณะคล้ายกันอย่างมาก) พอกลับมาถึงบ้านแม่ของบอยออกมาเปิดประตูหน้าบ้านให้ และทักว่าเอาใครมาด้วยอยู่หน้าบ้าน ตัวใหญ่ตาแดงเชียว บอยไม่ได้เล่าให้แม่ฟัง เพราะกลัวโดนดุ แต่ได้เล่าให้พี่สาวฟัง แล้วพี่สาวก็เล่าให้แม่ฟังในที่สุด หลังจากได้ยินแม่เล่าถึงความฝันช่วงที่บอยไปเที่ยวภูกระดึง ว่าได้ฝันเห็นต้นไม้ใหญ่แผ่ กิ่งมาเหมือนมือกำลังไล่ต้อนเด็กตัวเล็กๆ อยู่ แม่บอยก็ร้องบอกว่า อย่าไปทำเลยสงสารเด็กมัน ในฝันก็ไม่ได้เห็นเป็นบอยนะเห็นเป็นเด็กตัวเล็กๆ เท่านั้นเอง

              "ในขณะที่แม่บอยนั่งคุยกับพี่สาวอยู่ เกิดได้ยินเสียงแว่วขึ้นมาว่า ให้พวกมันไปขอขมากู" แล้วพวกเขาก็เล่าให้แม่ฟัง จึงได้พาบอยไปทำสังฆทาน และอาบน้ำมนต์

              เรื่องเล่าสุดหลอนเมื่อ 10 ปีก่อน แต่หลายๆ คน ก็ยังคงให้ความสนใจ และอยากจะฟังมันอีกครั้งหนึ่ง เรื่องนี้ได้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และถ้าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เพราะอาจจะมีพลังงานบางอย่าง..ก็เป็นได้

เนื้อหาโดย: Mac Casanova
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Mac Casanova's profile


โพสท์โดย: Mac Casanova
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
แก้วน้ำของ "ลิซ่า" ธรรมดาซ่ะที่ไหน..สมฐานะซุปตาร์ระดับโลกของแทร่!พระเอกไทยแท้ จากไปอย่างสงบ อ๋อม อรรพันธ์ทำถนนนาน 4 เดือน ร้านค้าโอด เจ๊งแล้ว 50 ร้านตลอดเส้นสุดยอด 5 อันดับประเทศเอเชียระบบขนส่งเจ๋งสุด พร้อมไทยติดอันดับด้วยวิธีโหลดแอป รัฐจ่าย และเช็กสิทธิ์เงินดิจิทัล 10,000 บาท แบบง่าย ๆ ไม่งง!ดราม่าหมูเด้ง ติ๊กตอกสาวต่างชาติออกโรงด่าสวนสัตว์เขาเขียว วุ่นทั้งโซเชียลพ่อมดผู้เก่งกาจแห่งยุค แต่พลาดท่าง่ายๆ ให้กับหินชุบวิญญาณ?เจ้าหญิงเวียงชื่น เทพวงศ์ ไม่ยอมถูกจับกุมคุมขัง ยอมปลิดชีพตน ด้วยการดื่มยาพิษปรากฏการณ์ดวงจันทร์ใหญ่มากในโตเกียวเปิด 5 ผลงานละคร มาสเตอร์พีซ ของ "อ๋อม อรรคพันธ์" รำลึกถึงพระเอกดัง'หมูเด้ง'สู่วงการเกม! โผล่ในFFXIV!ญี่ปุ่นรับรางวัลโนเบลฮาเฮา "การหายใจทางทวารหนักในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม"
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ฉายา 'ญาญ่า 100 ชุด' สมฐานะนางเอกละครหนึ่งในร้อยพระเอกไทยแท้ จากไปอย่างสงบ อ๋อม อรรพันธ์คุณยายที่ไม่เชื่อใจธนาคารนำเงินฝังดิน สุดท้ายกลายเป็นเศษกระดาษผลสอบ ครูเบญ ออกแล้ว! กพฐ. ยืนยันคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ทั้ง 2 ภาคปรากฏการณ์ดวงจันทร์ใหญ่มากในโตเกียวพระเอกดัง "อ๋อม อรรคพันธ์" เสียชีวิตแล้ว!..เพื่อนๆ ในวงการร่วมไว้อาลัย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ดูดวง เรื่องลึกลับ
ดูดวง 12 นักษัตร เดือนตุลาคม 2567แด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่า “พ่อ” เพราะ 3 ราศีต่อไปนี้มีโอกาสพบรักกับผู้ชายอบอุ่น By แด๊ดดี้จอแดนโค้ดชีวิตพลิกชะตาดวงรายสัปดาห์ 23-29 กันยายน 2567 by อ.กัญจน์ ญาณพยากรณ์คำเตือนประจำสัปดาห์ 23-29 ก.ย. 67 by ภูริดา พยากรณ์
ตั้งกระทู้ใหม่