ชิบาริ ศิลปะการมัดเชือกของญี่ปุ่น
ชิบาริ (Shibari) คือศิลปะการใช้เชือกของญี่ปุ่นเพื่อจับกุม เคลื่อนย้าย และทรมานอาชญากรที่ย้อนไปได้ตั้งแต่สมัยเอโดะ (1600-1867) จนถึงสมัยเมจิ (1868-1912) จากนั้นได้พัฒนาจนกลายเป็นศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวที่เรียกว่า โฮโจจุตสึ (Hojojutsu) การมัดผิดรูปแบบจะทำให้เกิดความอับอายไม่ใช่แค่กับนักโทษ แต่ยังรวมถึงผู้มัดด้วย ชิบาริจึงต้องอาศัยความประณีตบรรจง จนในยุคต่อมาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในแวดวงศิลปะ เช่น ในวรรณกรรม ภาพพิมพ์ไม้แกะสลัก รวมไปถึงโรงละครคาบูกิก็มีการแสดงฉากการทรมานและการมีเพศสัมพันธ์ จากนั้นก็แพร่หลายไปสู่สื่อต่าง ๆ ทั้งภาพวาด ภาพถ่าย อุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ และกลายกิจกรรมในชุมชนผู้มีรสนิยมแบบ BDSM ที่ย่อมาจาก
B- bondage ความเป็นทาส
D - discipline การลงโทษ หรือ dominance การแสดงอำนาจเหนือกว่า
S - submission การยอมจำนน หรือ sadism การมีความสุขจากการทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด
M - masochism การมีความสุขจากการถูกผู้อื่นทำให้เจ็บปวด
ชิบาริเป็นศาสตรศิลปะการมัดเชือกอย่างหนึ่ง ซึ่งเริ่มแรกเดิมทีแล้ว ชิบาริมีประวัติอันยาวนานมากกว่า 800 ปีมาแล้ว ตั้งแต่สมัยเอโดะ ซึ่งในอดีตแล้วเป็นการพันธนาการของนักโทษในอดีต ที่มีชื่อเรียกว่า “คินบาคุ” ในบางครั้งเชลยก็เป็นผู้หญิง การมัดแบบชิบาริจึงกลายเป็นเครื่องมือตอบสนองทางเพศที่รุนแรง
บีบีซีไทยพาไปสำรวจโลกของชิบาริ ศิลปะการมัดเชือกที่แฝงปรัชญา จิตวิทยา ว่าการพันธนาการร่างกายช่วยปลดปล่อยอิสระภาพทางใจได้อย่างไร
ชิบาริและการบำบัด
เมื่อชิบาริว่าด้วยเรื่องจิตวิทยาและความรู้สึก แล้วสิ่งนี้จะเรียกว่าการบำบัดได้หรือไม่ ทาเทียน่าให้ความเห็นว่า ชิบาริสามารถเป็นตัวช่วยในการบำบัดได้ แต่ต้องทำร่วมกับจิตแพทย์ และนักเพศบำบัดเพื่ออธิบายว่าเกิดอะไรคือปมในใจ และให้แนวทางในการบำบัด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ได้รับการบำบัดอยากจะเปิดแผลขึ้นมาอีกครั้ง หรือจะปิดมันไว้ต่อไป
เธออธิบายว่า การมัดอาจจะไปกระตุ้นความเจ็บปวดในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้จะมีคนดูแลและปลอบประโลม ทำให้เรื่องนั้นกลายเป็นรูปแบบเชิงบวก และจิตใจก็จะได้รับการเยียวยา มองเหตุการณ์เดิมในมุมที่นุ่มนวลขึ้น
ทาเทียน่ายกกรณีตัวอย่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่ขอให้เธอมัดตามคำแนะนำของนักจิตบำบัดเพื่อเอาชนะปมในใจที่เคยถูกแฟนหนุ่มทำร้าย โดยผู้ได้รับการบำบัดเชื่อว่าตัวเองคงถอดใจตั้งแต่เริ่มต้น
“ในระหว่างมัดเธอดูหวาดกลัว หายใจรุนแรง แต่ฉันก็ทำให้มั่นใจว่าเธอจะไม่เป็นไร พอถึงตอนที่แก้มัด เธอบอกว่าไม่เคยว่าจะทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ หลายคนมามัดกับฉันเพื่อให้ได้รับการปลอบประโลมทางใจ และความรัก มันเหมือนดึงบาดแผลนั้นขึ้นมาใหม่และใช้ความรักปิดบาดแผลใหญ่ที่อยู่ในใจอีกครั้ง”
“ชิบาริเป็นศิลปะที่น่าสนใจ แต่ก็มีอันตรายไปพร้อม ๆ กัน มันไม่ใช่แค่ความงดงามของความเจ็บปวด มันลึกล้ำกว่านั้นมาก บางคนต้องการความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อปลุกเร้าความรู้สึก บางคนก็อยากไปให้สุดโดยไม่มีขีดจำกัด มันคือการสื่อสารกับร่างกาย จิตใจ และความทรงจำ ต้องใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้ แต่เมื่อได้ค้นพบแก่นแท้ของมันแล้วก็จะพัฒนาจนค้นพบความต้องการลึก ๆ ของผู้คน และใช้มันในการช่วยเหลือคนอื่นไปจนถึงรักษาตัวคุณเอง”