ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเกิดจากอะไร?
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI) คือภาวะที่เชื้อโรคเข้าสู่ระบบทางเดินปัสสาวะและทำให้เกิดการติดเชื้อ โดยระบบทางเดินปัสสาวะประกอบด้วยไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะมักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยที่สุดคือเชื้ออีโคไล (E. coli) ซึ่งอาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่
สาเหตุของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
สาเหตุของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ได้แก่
- เชื้อแบคทีเรียจากลำไส้ใหญ่เข้าสู่ระบบทางเดินปัสสาวะ มักเกิดขึ้นจากการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน การมีเพศสัมพันธ์ การใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิด หรือภาวะตั้งครรภ์
- การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น การมีนิ่วในไตหรือท่อไต โรคเบาหวาน โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ หรือภาวะทางระบบประสาทที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ
อาการของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
อาการของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ได้แก่
- ปัสสาวะบ่อย
- ปัสสาวะกะปริบกะปริบ
- ปัสสาวะมีสีเข้มหรือมีตะกอน
- ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น
- ปวดหรือแสบเวลาปัสสาวะ
- มีไข้
- หนาวสั่น
การรักษาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
การรักษาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะมักใช้ยาปฏิชีวนะ โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมกับเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ โดยทั่วไปแล้ว อาการของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะจะดีขึ้นภายใน 3-5 วันหลังเริ่มการรักษา
วิธีป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
วิธีป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ได้แก่
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยในการขับปัสสาวะและขับเชื้อโรคออกจากร่างกาย
- ปัสสาวะทันทีเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเจริญเติบโต
- ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศอย่างถูกวิธี โดยเช็ดทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลัง
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
- ดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ
คำแนะนำเพิ่มเติม
หากมีอาการของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะมาใช้เอง เพราะอาจทำให้เชื้อโรคดื้อยาได้