ตำนานรักบทหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงในสมัยรัชการที่4
วันที่จะมาย้อนยุคย้อนสมัยไปสมัยรัชการที่ 4 เกี่ยวกับตำนานรักที่เกิดขึ้นจริงในสมัยนั้น
ผู้คนชอบนำตำนานความรักนี้มาทำบทละครที่มีมาไม่รู้กี่คนที่นำมาแสดงเพื่อระลึกถึงความรักอันเป็นนิรันด์นี้เมื่อ
ความรักที่มาพร้อมกับหน้าที่รับใช้ชาติ ในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัว เราจะมาย้อยไปในสมัยนั้นกัน
เลยนะคะเราจะเขียนเท่าที่เราพอจะเคยได้ยินมานะคะ ย้อนไปในสมัยรัชการที่ 4 นั้นเป็นยุคที่เราเปิดประเทศตอน
รับชาติตะวันตกเข้ามาในประเทศไทย แต่ถึงกระนั้นก็ยังมิวายมีสงครามระหว่าง ไทย - พม่า และซึ่งเป็นสงคราม
เดียวในรัชการนี้เป็นสงครามครั้งที่ ๔๔ ระหว่างไทยกับพม่า และเป็นครั้งสุดท้าย ที่รบราฆ่าฟันกันมาตลอดกว่า
สามร้อยปี ทำให้ตอนนั้นจึงเรียกชาวบ้านเข้าเกณทหารเพื่อรับใช้ชาติ จึงกลายมาเป็นที่มาของตำนานรักครั้งนี้
เกิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ มาเริ่มกันเลยทุกคนพร้อมอ่านกันยัง ส่วนเราพร้อมแล้วถือว่าอ่านไปพร้อมกับทุกคน
เลยละกันนะ ตอนนี้อยากนำเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า แท้จริงแล้ว ย่านากนั้น เป็นคนสมัยไหนกันแน่นะ
ถ้าจะอ้างอิงจากข้อมูลของหนังสือแล้วละก็ หนังสือถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในสมัยรัชการที่ ๕ ได้เขียนไว้ว่า
อำแดงนาก เป็นคนในสมัยรัชการที่ ๓ บ้านอยู่ปากคลองพระขโนง
ส่วนสามีของย่านากนั้นมีนามว่า มาก แต่ในหนังสือได้ระบุบชื่อไว้ว่า นายชุ่ม ซึ่งก็ต่างจากที่เคยได้ยินมาเหมือน
กัน ซึงต่างมากจากที่ได้รับรู้มา จากที่เราๆรับรู้กันคือ สามีของ ย่านาก นั้นเป็นทหารรับใช้ชาติโดนเรียกตัวออก
ไปทำรบในสงครามเพื่อปกป้องบ้านเมือง แต่ในหนังสือได้ระบุบไว้แบบนี้ว่า นายชุ่ม นั้นเป็นเศรษฐี ร่ำรวย
เป็นเรื่องราวความรักของหญิงสาวและชายหนุ่มในสมัยนั้น
ซึ่งเป็นเรื่องราวความรักที่มีเวลาได้ใช้ชีวิตครองคู่กันได้ไม่นานมากนัก หลังจากที่ นางนาก และนายมาก นั้นได้
ครองคู่รักกันในบ้านริมน้ำใช้ชีวิตครองรักผัวเมียได้ไม่นานมาก นางนากก็ได้ท้องลูก แต่ในสมัยนั้นประเทศสยาม
หรือประเทศไทยของเราเกิดมีสงคราม ระหว่าง ไทย และ พม่า
จึงทำให้เกิดเป็นตำนานของความรักมาจนถึงทุกวันนี้
ในชีวิตอันสงบสุขของคู่ผัวเมียก็ต้องมีอันได้พลัดพลากจากกันเมื่อมีจดหมายเลขตัวนายนากให้เข้าประจำการ
ทหาร
จึงได้สั่งลาเมียรักไว้ว่าให้รอตนนั้นกลับมา ละวันเวลาก็ได้ผ่านพ้นไป นานนับวันนับคืน นางนากนั้นก็ได้แต่ไปยืน
รอค่อยสามีที่ท่าน้ำทุกวัน แต่ไรวี่แววของสามีที่จะกลับมาแต่สงครามในแต่ละวันได้แต่ค่อยและหวังว่าสามีตน
นั้นจะปลอดภัยและรอบกลับมาหาตนและลูกได้ วันแล้ววันเล่าก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาจนกระทั้งครรภ์ในท้องนั้น
ถึงกำหนดที่จะคลอดแล้ว เพื่อนบ้านแถวนั้นเห็นว่านางนั้นจะคลอดแล้วจึงทำการตามหมอตำแย่มาครอบแต่ทว่า
เด็กไม่ยอมกลับหัวจึงทำให้นางนากนั้นแบ่งจนสุดแรงของนางแล้ว ภาวนาให้ลุกนั้นออกมาอย่างปลอดภัยทั้งใจ
นันก็นึกถึงสามีในสนามรบถ้าหากว่าสามีอยู่ด้วยตอนคลอดก็คงจะดี แต่ไม่ว่าจะแบ่งแค่ไหนลูกน้อยก็ไม่ออกมา
จนสุดท้ายแรงและลมหายใจสุดท้ายก็ได้หมดลง สร้างความตกใจให้หมอตำแย่และเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก
และญาติของนางนากนั้นก็ได้นำศพของนางนากมาฝังไว้ที่วัดมหาบุตร จึงได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของตำนาน
รักมาจนถึงทุกวันนี้
ญาติได้นำร่างของย่านากนั้นไปฝังไว้ที่ต้นตะเกียงในป่าช้าของวัดมหาบุตรโดยฝังไว้ระหว่างต้นตะเกียงสองต้น
และยังมีคนเคยเล่าว่ามีกลุ่มคนไม่ดีชอบลองของไปนำร่างของย่านากขึ้นมาเพื่อจะเอาทำมันพรายไปใช้ในการ
ทำเสน่ห์ยาแฝดและยังไม่คนไปทำกริยาไม่ดีต่อหลุมศพของย่านาก และแล้ววันเวลาที่นายมากปลดประจำการก็
มาถึงนายมากดีใจมากที่จะได้กลับไปหาลูกเมีย พอกลับมาก็ไม่มีใครแจ้งข่าวการเสียชีวิตให้นายมากฟังเพราะ
ทุกคนนั้นต่างพากันหวาดกลัววิญญาณหญิงสาวท้องกลมนั้นเอง ต่อมาได้มีการเล่าถึงว่ามีคนมาแจ้งให้นายมาก
นั้นได้รู้นายมากนั้นรักมากแต่ก็ไม่อยากให้แม่นากนั้นยึดติดกับตนเพราะว่าอยู่กันคนละภพชาติแล้ว พอนางนาก
นั้นได้รู้ว่ามีคนมาบอกสามีตนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของตนนั้นจึงได้โกรธคิดว่าจะมีคนมาพลากสามีของตนไปอีก
วันและเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันนั้นช่างมีน้อยมากเสียจริงต่อมาได้มีคนเล่าว่านางนากนั้นได้ออกอาละวาดทำให้ผู้คน
นั้นหวาดกลัว เรื่องรู้เข้าถึงหูสมเด็จพระอาจารย์โต จนท่านั้นได้นั่งเรือไปยังวัดมหาบุตรเพื่อทำการสะกดดวงวิ
ญาณและได้ทำการเจาะเอากระโหลกศีรษะไป หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีใครเห็นวิญาณอีกเลย
แต่ไม่ว่าตำนานของย่านากจะเป็นแบบไหนก็ตามแต่ย่านากนั้นมีตัวตนที่เกิดขึ้นจริงในสมัยรัชการที่๓ที่๔
และไม่ว่าใครจะว่านางนั้นดุร้ายหรือยังไงก็ตามเรามองว่าย่านากนั้นเป็นคนที่รักสามียิ่งรักและห่วงสามีรอค่อย
สามีอุ้มท้องรอสามีทุกวันที่ท่าน้ำเวลาผ่านไปนานนันนานนางก็ยังคงรอสามีและอุ้มลูกน้อยรอสามีที่ท่าน้ำทุกวัน
และไม่ว่าตำนานจะเป็นมายังไงก็ตามแต่ในปัจจุบันนี้ศาลของย่านาคได้ถูกตั้งไว้ในวัดมหาบุตร
มีต้นตะเกียนและมีเรือด้วยทุกคนสามารถเข้าไปกราบไหว้ได้ทุกวัน
ซึ่งเราก็มีโอกาสได้แวะไปเป็นบางครั้งซึ่งตอนนี้ถูกจัดทำขึ้นมาใหม่ไม่น่ากลัวเหมือนในแต่อดีต
อาจจะเป็นเพราะว่าคนนั้นไปกราบไหว้ย่านากกันมากทางวัดจึงได้ทำให้เป็นคล้ายๆสถานที่ท่องเที่ยวให้คนได้
ไปกราบไหวเราคนหนึ่งที่ไปตั้งแต่วัดมหาบุตรยังไม่มีอะไรจนตอนนี้วัดมหาบุตรนั้นน่าไปมากสวยงามมีของขาย
เต็มไปหมดและผู้คนก็ไปกราบไหว้ย่านากกันแน่นทุกวัน
สิ่งที่เรานำมาแชร์เราก็รู้แค่นี้ละค่ะ ถ้าใครจะแวะไปกราบไหว้ย่านากก็ไปได้ทุกวันค่ะ
ที่วัดมหาบุตร คนเยอะทุกครั้งที่ไป