องค์หญิงมณฑาทิพย์จอมขมังเวทย์แห่งกรุงศรีอยุธยา
องค์หญิงมณฑาทิพย์จอมขมังเวทย์แห่งกรุงศรีอยุธยา
เรื่องจริงหรือตำนานที่เล่าสืบกันมาองค์หญิงผู้หาญกล้าทรงช่วยพระเจ้าตากรบกับพม่าเมื่อคราวศึกบางกุ้ง
องค์หญิงมณฑาทิพย์หรือที่เรียกกันในนามองค์หญิงจันทร์เจ้าประสูติเมื่อ ปีพ.ศ.2291ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเป็นพระธิดาของกรมหมื่นพิทักษ์ภูเบศร์กับหม่อมสไบทองมีพระเชษฐา นามว่า พระองค์เจ้าชายไม้เทศ หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสวรรคต พระเจ้าเอกทัศน์ขึ้นครองราชต่อจากพระบิดาทั้งที่ ๆ
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมีต้องการให้พระเจ้าอุทุมพรขึ้นครองราชย์ต่อจากตนเองเพราะทรงเล็งเห็นว่าหากเจ้าฟ้าเอกทัศน์ขึ้นครองราชย์ อยุธยาจะถึงกาลอวสานเพราะพระราชโอรรสองค์นี้ขลาดเขลาปัญญา มั่วเมาสุราและนารีไม่สนใจกิจการงานเมือง ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ทรงคิดไว้ ส่วนพระเจ้าอุทุมพรตัดสินใจผนวชเพื่อยุติปัญหาทุกอย่าง
พระเจ้าเอกทัศน์ปกครองจนมาถึงปีพ.ศ.2310 บ้านเมืองในยามนี้ไม่ค่อยสู้ดีนักอีกทั้งพม่ายังยกกองทัพมาทำศึกกับอยุธยา พระเจ้าเอกทัศน์หาได้สนใจในการศึกยังมั่วเมาสุรานารี บ้านเมืองในยามนั้นระสำระส่ายเกิดความวุ่นวายในราชสำนัก ฉ้อราษบังหลวง ขุนนางต้องการอำนาจเพื่อความเป็นใหญ่ของจนเอง หากใครเป็นที่รักของเจ้านายหรือใช้วิธีการใด ๆ ก็ตามให้เจ้านายรักเมตตาเอ็นดูก็จะสามารถขึ้นมาเป็นใหญ่ก็จะทำให้มียศถาบรรดาศักดิ์ในเวลาอันรวดเร็วโยไม่จำเป็นต้องมีความสมารถอันใดทำให้ราชสำนักขาดคนดีมีฝืมือมาช่วยบริหารกิจการงานเมือง
ส่วนพระเจ้าแผ่นดินยังทรงลุมหลงมั่วเมาน้ำจัณฑ์เสพเมถุนไม่สนใจกิจการบ้านเมืองปล่อยให้คนนางชั่วเป็นคนดูแลกิจการบ้านเมือง หากวันใดพระเจ้าแผ่นดินต้องการลูกสาวของใครผู้เป็นพ่อและแม่ต้องรีบนำตัวมาถวายภายในเร็ววันถ้าไม่ทำตามพระราชประสงคฺจะถูกประหารชีวิต พระเจ้าแผ่นดินไร้ซึ่งทศพิธราชธรรมในการปกครองบ้านเมืองทำให้อาณาประชาราษเดือดร้อนไปทั่วทุกหนแห่ง ลำบากแร้นแค้น ข้าวยากหมากแพง อีกทั้งพวกพม่ายกทัพมาทำศึกกับอยุธยาแต่ไม่มีผู้ใดสนใจที่ทำศึกรับมือกองทัพของพม่า
กรมหมื่นพิทักษ์ภูเบศร์ทรงเล็งเห็นแล้วว่าสถานการณ์บ้านเมืองในยามนี้ไม่มีความเป็นปรกสุขเกรงว่าจะมีภัยมาถึงพระองค์หญิงจันทร์เจ้า พระองค์ทรงให้พระองค์หญิงแต่งฉลองพระองค์เป็นบุรุษ พระองค์ยังทรงให้พระองค์หญิงศึกษาพระคาถาต่าง ๆไว้ใช้ป้องกันตัวเมื่อมีภัยและยังทรงให้พระองค์หญิงศึกษาตำราพิชัยสงครามตลอดจนการศิลปะการต่อสู้แขนงต่าง ๆ จนชำนาญทำให้พระองค์หญิงมีความรู้ทางด้านการต่อสู้และพระคาถาต่าง ๆ เป็นอย่างมากยากที่จะมีผู้ใดเสมอเหมือน
เมื่อกองทัพของพม่าเดินทัพจวนจะถึงพระนคร กรมหมื่นพิทักษ์ภูเษศร์ทรงมีรับสั่งให้บ่าวไพร่ต่อเรือขนาดใหญ่จำนวนสามสิบลำ เรือเร็วสิบลำและเรือแจวอีกยี่สิบลำพร้อมทั้งจัดเสบียงอาหารตลอดจนอาวุธต่าง ๆ บรรจุลงในลำเรือพร้อมทั้งจัดเรือคุ้มกันพาองค์หญิงหนีออกจากพระนครในช่วงกลางคืนและยังทรงกำชับให้พระองค์หญิงแต่งฉลองพระองค์เยี่ยงชายชาวบ้านธรรมดาส่วนพระองค์ยังคงอยู่ในพระนคร
กองเรือของพระองค์หญิงล่องมาตามแม่น้ำเป็นวันที่สามทำให้พบกับกองเรือของพม่าที่ภายในลำเรือบรรจุกระสุนดินดำจนเต็มลำเรือ พระองค์หญิงเข้าโจมตีกองเรือของพม่ามนช่วงเวลากลางคืนอาศัยในช่วงจังหวะที่พวกพม่ากำลังหลับเพราะฤทธิ์ของสุราเผาทำลายกระสุนดินดำเหล่านั้นจนหมดสิ้นเกิดเป็นเปลวไฟลุกโชติช่วงไปทั่วทั้งคุ้งน้ำ
เช้าวันรุ่งขึ้นพม่าเมื่อรู้ข่าวว่ากองเรือของตนเองถูกพระองค์หญิงทำลายจนหมดสิ้นสั่งกำลังพลติดตามตัวพระองค์หญิงในทันที กำลังพลของพม่าที่ติดตามพระองค์หญิงมามีจำนวนคนที่มากกว่ากำลังพลของพระองค์หญิงหลายเท่าตัว พระองค์หญิงมีรับสั่งให้กำลังคนของตัวเองหลบตามแนวชายป่าพร้อมทั้งร่ายคาถากำบังไม่ให้พวกพม่าเห็นแล้วค่อย ๆ ลองเรือหนีออกไปอย่างปลอดภัย
หลังจากพวกพม่าพระองค์หญิงได้ทรงหาทำเลสร้างเมืองเล็ก ๆ เป็นที่อยู่อาศัยของตนเองและพรรคพวกตราบสิ้นชั่วอายุขัย นอกจากนี้พระองค์ยังทรงช่วยพระเจ้าตากรบกับกองทัพของพม่าเมื่อคราวศึกบางกุ้งจนกองทัพของพม่าแตกพ่าย