ประวัติความเป็นมาของ ยาทาเล็บและประโยชน์ ผลเสีย ของยาทาเล็บ
ยาทาเล็บ ที่ผู้หญิงใช้ทาเล็บสีต่างๆมีประวัติความเป็นมาอย่างไรเรามีคำตอบมานำเสนอให้คุณ
คุณรู้ไหมว่ายาทาเล็บมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ สำหรับการใช้ในลักษณะยาทาสีเล็บที่แตกต่างกันของผู้หญิง และ คนในยุคก่อน รวมถึงข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ
ยาทาเล็บเช่นผลเสียผลกระทบต่อร่างกายเมื่อใช้ยาทาเล็บ บางทีสิ่งที่มีประโยชน์ก็มักจะมีโทษแอบแฝงไปพร้อมกันเสมอ
ยาทาเล็บ (อังกฤษ: Nail polish; Nail varnish) คือเครื่องสำอางประเภทหนึ่งที่ใช้ตกแต่งเล็บของมนุษย์ ให้มีความสวยงาม
ประวัติ
นักประวัติศาสตร์ได้พบหลักฐานความเป็นมาของยาทาเล็บว่าใน 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ชาวจีนได้ใช้กัมอารบิก, ไข่ขาว, เจลาติน และขี้ผึ้ง เพื่อทำยาทาเล็บ ต่อมาได้พบหลักฐานว่าชาวอียิปต์ใช้เฮนน่ามาทาเล็บ แล้วในช่วงราชวงศ์โจวเล็บจะเป็นการแสดงฐานะทางสังคม เพราะสีนิยมทำเป็นสีทองและสีเงิน และต่อมาพระบรมวงศานุวงศ์จึงได้ใช้ยาทาเล็บตามยศทาเป็นสีดำและสีแดง ยกเว้นผู้หญิงที่ได้รับอนุญาตทาสีอ่อน หากทาเล็บไม่ถูกสีตามยศจะถูกลงโทษ จนมาถึงปัจจุบันยาทาเล็บได้มีการพัฒนาเป็นหลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น
ยาทาเล็บในปัจจุบัน
ยาทาเล็บในปัจจุบันมีการเพิ่มสีสันหลากหลายเฉดสีที่แปลกใหม่ พร้อมกับลูกเล่นในยาทาเล็บเพื่อเพิ่มความสวยงาม เช่น การใส่กากเพชร และมีการพัฒนาคุณสมบัติของยาทาเล็บมายิ่งขึ้น
คาเรน แกรนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส จากบริษัทวิจัยตลาด เอ็นพีดี กรุ๊ป ได้เปิดเผยเกี่ยวกับการพัฒนาของยาทาเล็บในปัจจุบันว่า "สินค้าเกี่ยวกับการตกแต่งเล็บทุกวันนี้มาในทุกรูปแบบและรูปลักษณ์ ทั้งยังกลายเป็นเครื่องประดับที่ขาดไม่ได้สำหรับการแต่งตัว ยาทาเล็บเป็นอุปกรณ์เสริมแฟชั่นที่ช่วยเสริมให้ยอดขายของบรรดาผู้ผลิตเครื่องสำอางกระฉูดขึ้นด้วยเช่นกัน"
ปีเตอร์ ฟิลิปส์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของชาแนล ให้ความเห็นว่าเกี่ยวกับยาทาเล็บกับผู้บริโภคว่า "ผู้บริโภคพร้อมที่จะทดลองยาทาเล็บสีสันและลวดลายใหม่ๆมากขึ้น สำหรับผู้หญิงที่ไม่กล้าย้อมผมสีแดงเจิดจ้าหรือไม่กล้าสวมกระโปรงรัดรูปทรงดินสอ เธอมักจะกล้าลองทาเล็บสีเขียวนีออนหรือลวดลายแปลกๆ เพราะมันอยู่ห่างไกลใบหน้า"
นอกจากยาทาเล็บจะมีการพัฒนามากยิ่งขึ้น ยอดจำหน่ายของยาทาเล็บในปัจจุบันนั้นยังดีขึ้น โดยจากข้อมูลการสำรวจของเอ็นพีดีพบว่า ยาทาเล็บโดยรวมในการค้าของประเทศสหรัฐอเมริกา ทำยอดจำหน่ายถึง 710 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อปี พ.ศ. 2554 มีการเติบโต 67% สำหรับกลุ่มผู้จำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า และโตขึ้น 29% สำหรับกลุ่มผู้จำหน่ายในร้านค้าทั่วไป (เป็นอัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2553)
ผลต่อสุขภาพ
ยาทาเล็บมีผลต่อสุขภาพ ต่อไปนี้
กลิ่นของยาทาเล็บมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์โซลเวนต์หรือสารอินทรีย์ระเหยที่ใช้เป็นตัวทำละลายซึ่งช่วยให้ยาทาเล็บแห้งเร็วและเรซินที่ทำให้สีของยาทาเล็บติดทนทาน ไม่ลอกล่อนโดยง่าย
ไดบิวทิล พทาเลต ที่ผสมอยู่ทำให้ก่อเกิดปัจจัยเพิ่มอัตราการเป็นหมันในหญิงและชาย ในระยะยาวจะส่งผลต่อไตและตับ
ไทลูอิน ที่ผสมอยู่ทำให้รบกวนการเจริญเติบโตและระบบสืบพันธุ์แต่ยังสร้างความระคายเคืองต่อผิวหนังและส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้เหนื่อย สับสน และสูญสียความทรงจำ หากสูดดมเข้าไปมาก ๆ จะมีอาการหน้ามืด ตาลาย ปวดศีรษะ
ฟอร์มาลดีไฮด์ ที่ผสมอยู่หากสัมผัสกับผิวหนังจะปรากฏเป็นผ่นแพ้และคัน และถ้าหากสูดดมเข้าไปในระยะสั้นจะสร้างความระคายเคืองในลำคอและไอในระยะยาวทาให้เป็นโรคมะเร็งในระบบทางเดินหายใจได้
อะซิโตน และเอทิลอะซิเตต ที่มีผสมอยู่กับยาทาเล็บส่วนใหญ่จะทำให้ระคายเคืองแก่ดวงตาและระบบทางเดินหายใจ ผิวหนังแห้ง และทำให้ลดทอนความแข็งแรงของเล็บ
สารตะกั่ว ที่มักจะถูกพบในยาทาเล็บตามท้องตลาดอาจทำให้ต้องเสี่ยงกับโรคโลหิตจาง, โรคไตวาย และเนื้อเยื่อถูกทำลาย
รศ. พญ.พรทิพย์ ภูวบัณฑิตสิน สาขาตจวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มาบอกกล่าวเกี่ยวกับโทษของยาทาเล็บเกี่ยวกับการแพ้ของยาทาเล็บ ซึ่งเกิดจากสีที่ผสมในยาทาเล็บจะต้องใช้ชนิดไม่ละลายเข้าในเนื้อเล็บ
ในยาทาเล็บส่วนมากมีสารฟอร์มาลินเจืออยู่ เพื่อเพิ่มความแข็งของเล็บ สารเหล่านี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้ สำหรับยาทาเล็บแบบสีมุก จะผสมด้วยผงกวานีน ซึ่งได้จากเกล็ดปลา อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ในบางราย แต่ส่วนใหญ่การแพ้ยาทาเล็บจะไม่มีผื่นบริเวณรอบเล็บ เพราะในขณะทาเล็บผู้ทาต้องระมัดระวังไม่ให้ยาทาเล็บโดนผิวหนัง ดังนั้นรอยผื่นแพ้ยาทาเล็บมีลักษณะรอยแดงเป็นทางยาวพบในบริเวณใบหน้า หนังตา แก้ม รอบ ๆ ปาก ด้านข้างคอ หรือบริเวณหน้าอก เพราะในขณะรอให้ยาทาเล็บแห้งผู้ทาเล็บอาจขยับทำกิจกรรมต่าง ๆ ยาทาเล็บที่ยังไม่แห้งสนิทจึงสัมผัสผิวหนังในบริเวณดังกล่าว ส่วนยาทาเล็บเมื่อแห้งสนิทจะไม่ทำให้เกิดการแพ้
เป็นผู้หญิงก็อยากสวยอยากงาม เรื่องธรรมชาติ นะครับ
ก็เลยต้องมีอุปกรณ์เครื่องสำอางมาแต่งเติมเสริมแต่งไม่ว่าจะลิปสติกทาปากให้เป็นสีแดงแป๊ดหรือว่ายาทาเล็บทาจนสีแดงแสบลูกตา อย่างไรก็ตามมันก็เป็นความสุขของผู้หญิงที่อยากสวยอยากงามนะครับ
ถ้าสาวๆอยากสวยก็ต้องทนไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีพิษหรือไม่มี..ก็ต้องรู้จักเลือกใช้เลือกดูดีๆนะครับสำหรับการใช้เครื่องสำอางต้องให้มีคุณภาพเพื่อสุขภาพร่างกายของคุณผู้หญิง
อ้างอิงจาก: YouTube,commons.m.wikimedia.org/wiki/