หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

บั้งไฟพญานาคดวงไฟปริศนา มายังไงไปยังไง?!

เนื้อหาโดย deeda2456

มาจะกล่าวบทไป  ซึ่งใดๆนี้เป็นเรื่องราวที่เล่าขานสู่กันฟังด้วยมุขปาฐะจากพระผู้เฒ่าผู้มีรู้มีญาณ ที่เราก็ได้ยินได้ฟังต่อมานะคะ ฉะนั้น **เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณ** วันนี้หยิบมาเล่าแบ่งปันเป็นสาระบันเทิงเชิงตำนานต่างนิทานปรัมปรา


กล่าวถึงเหตุการณ์ดวงไฟที่พ้นน้ำ ลอยสู่ท้องฟ้า แล้วหายไปในห้วงนภากาศ ที่เกิดขึ้นในวันออกพรรษาของทุกปีเป็นประจำ! ณ แม่น้ำโขงแห่งเดียวในโลกเท่านั้น! สร้างความสงสัยใคร่รู้ให้กับชาวโลกทั้งสองฝั่งลำน้ำ และแม้แต่ชาวโลกจากทั่วโลก! … มหาชนต่างก็สันนิษฐานกันไปต่างๆ นานา

บ้างก็ว่า ... เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ เนื่องจากปฏิกิริยาของแก๊ส ของอากาศ สสารบางอย่างใต้แม่น้ำนั้นทำให้เกิดปรากฎการณ์ดวงไฟลอยขึ้นมาจากลำน้ำ
บ้างก็ว่า ... เป็นการจัดสร้างขึ้นของใครสักคน หรือหลายคนที่เราก็ยังไม่เห็นว่าใครคนนั้นคือใคร?!
ด้านคนเก่าคนแก่เล่าว่า ... นั้นคือ ดวงไฟจากการพ้นของพญานาค ที่อาศัยอยู่ใต้บาดาล ในลำน้ำโขง
และนี่คือหนึ่งทัศนะที่อยากนำมาเล่าสู่กันฟัง ตามที่ได้ยินได้ฟังมา ลองพิจารณา + ลองไปพิสูจน์ก็ยิ่งดี (ใกล้ๆ นี้ กับเทศกาลบั้งไฟพญานาค ระหว่าง วันที่ 28 ตุลาคม – 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 )

--- เรามาฟังตำนานที่เล่าขานกันมาสักหน่อยค่ะ

ย้อนไปเมื่อ 2500 ปี ก่อนวันนี้  เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้อตุระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธองค์ได้เสด็จไปแสดงธรรมเทศนาโปรดพุทธมารดาที่ดาวดึงส์(สวรรค์ชั้นที่ 2ในทั้งหมด6ชั้น) เมื่อโปรดพุทธมารดาแล้ว  ทรงเสด็จกลับจากดาวดึงส์ในเวลารุ่งเช้า มายังโลกมนุษย์  ณ เมืองสังกัสสะ เช้าวันนี้ที่เราเรียกว่า  “วันเทโวโรหนะ”  นั้นเองค่ะ  เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในห้วงเวลานั้น คือ

 

ปรากฎการณ์อัศจรรย์วันนั้น ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนทั้งโลกที่ได้เห็น แต่เห็นเฉพาะมนุษย์ผู้มีบุญที่สังกัสสะนคร ซึ่งห่างจากตัวเมืองสาวัตถี 30 โยชน์  และในรัศมี 36 โยชน์(1โยชน์ = 16 กม.) คือ เขตที่มนุษย์มองเห็น ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า  รู้สึกเฉยๆ และไม่เลื่อมใสก็มี การเห็นก็มีหลากหลาย  เห็นมากก็มี เห็นมั่งก็มี  เห็นตามกำลังความเลื่อมใสที่มีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

 

มุมมองของวันนั้นเป็นอย่างไรไปดูกัน

ตามมุมมองจากสายตามนุษย์ ที่ยืนอยู่ ณ ชมพูทวีป หรือโลกมนุษย์ที่เราอยู่  มองตรงไป จะเห็นจุดตรงกลาง คือ เขาสิเนรุ หรือเขาพระสุเมร  ข้างบน คือ ดาวดึงส์ สวรรค์ชั้นที่ 2  ถัดลงมาข้างล่าง จาตุมหาราชิกา สวรรค์ชั้นที่ 1 ถัดลงมา มีเขาสัตตบรรณ 7 ลูก สลับกับน้ำ ลดลั่นกันลงมาเป็น 7 ชั้น  ข้างล่างเขาสรรตบรรณ คือ เขาตรีกูฏ ตรงกลางหุบเขาตรีกูฏเป็นที่อยู่ของภพอสูร ซึ่งเดิมก็อยู่ดาวดึงส์  แต่พากันกินเหล้าสวรรค์จนเมามายเสียผู้เสียคน  จึงถูกจับเวี่ยงลงมาตรงซอกมุมของเขาตรีกูฏ  เป็นที่อยู่ของเปรต อสูรกาย ถัดใต้เขาตรีกูฏลงมา  เป็นนรกขุมต่างๆ ทั้งหมด 8 ขุมใหญ่ เรียงลำดับลงไปแนวลึก  แต่ละมหานรก  จะมีขุมบริวารเรียก อุสสัททนรก รวมทั้งหมด 456 ขุม

 

มุมเงยขึ้นไปจะเห็นสวรรค์ชั้นต่างๆ ยามา ดุสิตา นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตดี
การเสด็จลงมาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีบันใดเงินยวง ทอดจากดาวดึงส์มาที่ เมืองกัสสะนคร  ปรากฎการณ์เปิดโลกของวันนั้น เมฆที่ครอบอยู่ หายไปจากท้องฟ้า แล้วปรากฎเป็นเหมือนจอภาพ ภาพนั้นถูกดึงเข้ามาให้เห็นด้วยพุทธานุภาพ ทำให้มนุษย์ สวรรค์ เปรต อสุรกาย มองเห็นกันและกันหมด  วิมานในสวรรค์ชั้นต่างๆ ยิ่งสูง ก็ยิ่งสวย ในวันนั้นเทวดามาเต็มทุกชั้น พร้อมเทพบริวาร

ในวันนั้น ใครที่มองเห็นก็ปลื้มปีติในพุทธานุภาพ  และต่างตั้งความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า **ในจำนวนผู้ที่เห็นเหตุการณ์มากมายในวันนั้น พญานาคก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาปีติยินดี  และเกิดแรงบันดาลใจ เกิดความตั้งใจปรารถนาพุทธภูมิด้วย

 

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทุกพรรษา  พญานาคจะขึ้นมาจำศีล ที่ใต้ท้องแม่น้ำโขง เมื่อครบ 3 เดือนออกพรรษา  ก็จะนึกถึงบุญที่ได้บำเพ็ญตนรักษาศีลตลอดพรรษานั้นแล้วอธิษฐานจิตพ้นดวงไฟให้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ถึงปัจจุบันนี้ก็นับเป็นเวลา 2500 กว่าปีแล้ว  ถึง ณ วันนี้  พญานาคก็ยังคงระลึกนึกถึงเหตุการณ์ในวันที่พระพุทธเจ้าเปิดโลกและปลื้มปีติไม่เคยเสื่อมคลาย  และยังคงน้อมถวายดวงไฟเป็นพุทธบูชาเป็นประจำทุกๆ วันออกพรรษา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาไม่เคยขาดแม้สักครั้ง  

ด้วยเหตุที่ดวงไฟนั้นเป็นของจากภพละเอียดคือภพพญานาค ดวงไฟนั้นเป็นของละเอียด เมื่อพ้นน้ำขึ้นมา  น้ำจึงไม่กระเพื่อม พื้นน้ำราบเรียบ  แสงดวงไฟไม่แข็งแยงตาของผู้คนที่ได้เห็น ดวงไฟสว่างนุ่มนวลตา  ทั้งนี้เพราะดวงไฟเกิดจากอำนาจจิตที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธเจ้าของพญานาค ซึ่งเป็นพลังจิตที่ผ่องใส เป็นความดีอันบริสุทธิ์ ด้วยเจตนาอันยิ่งใหญ่ 2 ประการ คือ

  1. เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา
  2. ด้วยความปรารถนาในพุทธภูมิ

นี่คือเรื่องราวของบั้งไฟพญานาคในทัศนะของพระผู้เฒ่าผู้มีรู้มีญาณที่เล่าขานให้ลูกศิษย์ลูกหลานฟัง พร้อมแนะนำเคล็ดลับในการปฏิบัติที่ถูกต้องและถูกใจพญานาคสำหรับลูกหลานหรือนักท่องเที่ยวที่จะไปชมบั้งไฟพญานาคว่าควรปฏิบัติดังนี้

***เปลี่ยนจากการสังสรรค์ เป็นสรรเสริญ คือ พากันสวดมนต์สรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย สรรเสริญพระพุทธคุณ(พระบริสุทธิคุณ พระปัญญาธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ) พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ  เพราะพญานาคท่านศรัทธาพระพุทธเจ้า และยังปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในภายภาคหน้าด้วย ฉะนั้น หากเราลูกหลานทั้งสองฝั่งไทย-ลาว และนักท่องเที่ยวทั้งหลายทำถูกต้องตามครรลองคลองธรรมของท่าน  ท่านก็จะยิ่งปลื้มปีติใจ ชอบใจ ดีใจ ที่ได้เห็นเหล่ามนุษย์ลูกหลาน นักท่องเที่ยวผู้คนจากทั่วทุกทิศมาพร้อมหน้ากันและพร้อมใจกันสวดสรรเสริญพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เรียกว่ามีใจที่เหลื่อมใสศรัทธาเหมือนกับท่าน ... พญานาคก็จะยิ่งมีกำลังใจในการพ้นดวงไฟน้อมถวายเป็นพุทธบูชายิ่งขึ้นไป  

อนึ่ง, การพร้อมใจกันทำความดีด้วยการสวดมนต์สรรเสริญพระรัตนตรัย นับว่าเป็นการทำความดีครบ 3 ทาง คือ ทางกาย:ขณะสวดมนต์เราสำรวมกาย  ทางวาจา:การสรรเสริญคือการกล่าววาจาอันประเสิฐ  ทางใจ:ขณะสวดมนต์ใจเราจะระลึกถึงพระพุทธเจ้า  ความดีที่เกิดขึ้น ก็จะเป็นความดีที่บริสุทธิ์พร้อมทั้งกาย วาจา ใจ

และความดีที่บริสุทธิ์สว่างจากแต่ละดวงใจของแต่ละคนก็จะรวมกันเป็นพลังความดีที่ทับทวีมีอานุภาพที่อาจสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขสภาพดิน ฟ้า อากาศ ปัญหา อุปสรรค โรคภัย เหตุการณ์ร้ายๆ ทั้งหลายที่ทำให้มนุษย์เดือดร้อน ก็จะสามารถคลี่คลายจากหนักเป็นเบา จากร้ายกลายเป็นดีได้ ...

ซึ่งหากเราร่วมแรงร่วมใจกันสามารถปฏิบัติให้เป็นธรรมเนียมประเพณีอันดีงามมั่นคงยั่งยืน เหมือนอย่างที่พญานาคท่านตั้งใจปฏิบัติบูชาตรงต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นเวลากว่า 2500 ปี ... ประเพณีอันดีงามนี้ก็จะสามารถเป็นดังแสงสว่างนำพาผู้คนให้หันกลับมาสนใจศึกษาสิ่งที่เป็นแก่นสารสาระอันแท้จริง อันเป็นพุทธปัญญาที่แท้จริง ซึ่งเป็นหนทางสว่างหนทางพ้นทุกข์ที่แท้จริงตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงชี้ไว้  หนึ่งดวงไฟแห่งศรัทธาก็จะเป็นพลังความดีที่อิมแพคขยายสว่างไสวจากสองฝั่งลำน้ำโขงกว้างไกลไปสู่นานาชาติ  ที่สามารถให้คำตอบแห่งสันติสุขให้แก่มวลมนุษย์ในทั่วทุกมุมโลกได้!

เนื้อหาโดย: deeda2456
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
deeda2456's profile


โพสท์โดย: deeda2456
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
อันตราย 4 โรคต้องห้ามกินทุเรียน..!บิ๊กเซอร์ไพรส์วันแรงงานหนุ่มต่างชาติสุดน่ารัก และอารมณ์ดี..พากันใส่ชุดไทยสตรีเดินชิลเที่ยววัดอรุณฯหนุ่มขอบคุณ นายวิลลิส แคร์เรียร์ "ผู้ประดิษฐ์แอร์เครื่องแรกของโลก" ถ้าไม่มีท่านผมแย่แน่ๆ!?🙏😃10อันดับตัวละครที่มีIQสูงที่สุดในโลก(อนิเมะ)!!เปิดประวัติศาสตร์ 152 ปี เมืองกระบี่ ก่อนเป็นชื่ออำเภออ่าวลึกโรงแรมหนึ่งดาวกับโรงแรมห้าดาว เค้าเอาอะไรมาวัดกัน?อลังการ! มงกุฎนางสาวไทย ๒๕๖๗ ในรูปแบบศิลปะไทย งดงามล้ำค่า โดยกรมศิลปากร
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ชาวเน็ตฮือฮา! ขายที่ดินพร้อมบ้าน 200 ล้าน ติดวิวสภาสัปปายะสภาสถานสุดเท่ครูไพบูลย์เจ้าของค่ายเพลงจ้วดจ้าดโชว์อวดหุ่นสุดเท่รับรองงานนี้สาวๆมีกรี๊ดดดดแต่ก็มีคนบางกลุ่มแซวหุ่นเอาซะเขินกันเลยทีเดียวตำรวจมะกันจับนศ.จำนวนมาก หลังประท้วงหนุนปาเลสไตน์อลังการ! มงกุฎนางสาวไทย ๒๕๖๗ ในรูปแบบศิลปะไทย งดงามล้ำค่า โดยกรมศิลปากร
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
5 เทคนิคลับเฉพาะของเครื่องสำอางแรงงานหญิงบนรถไฟของสหรัฐฯ ในปี 1943การฝึกทหารสหรัฐฯ ที่ฐานทัพทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองอนุสาวรีย์ที่เล็กที่สุดในโลก
ตั้งกระทู้ใหม่