วัฒนธรรมตัดนิ้วมือของชนเผ่า Dani ในอินโดนีเซีย
วัฒนธรรมตัดนิ้วมือของชนเผ่า Dani ในอินโดนีเซีย
ชนเผ่า Dani เป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในเขตปาปัวตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย ชนเผ่านี้มีวัฒนธรรมที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่งคือการตัดนิ้วมือเมื่อมีการเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัว วัฒนธรรมนี้เรียกว่า "อิกิปาลิน" (Ikipalin)
ตามความเชื่อของชนเผ่า Dani การตัดนิ้วมือเป็นสัญลักษณ์ของความสูญเสียและความเศร้าโศก ผู้หญิงในครอบครัวจะต้องตัดข้อบนของนิ้วก้อยหรือนิ้วนางออกเพื่อไว้ทุกข์ให้แก่สมาชิกในครอบครัวที่จากไป การตัดนิ้วมือจะกระทำโดยหมอผีหรือผู้ที่มีประสบการณ์ในการตัดนิ้วมือ
ก่อนทำการตัดนิ้วมือ นิ้วจะถูกพันด้วยเชือกเป็นเวลา 30 นาที การทำเช่นนี้จะทำให้นิ้วเกิดอาการชาชั่วคราว ทำให้อาการเจ็บปวดนั้นลดลง จากนั้นหมอผีหรือผู้ที่มีประสบการณ์ในการตัดนิ้วมือก็จะใช้มีดหรือหินแหลมคมตัดนิ้วออก
หลังจากตัดนิ้วมือแล้ว จะใช้ไม้หรือใบไม้พันรอบแผลเพื่อห้ามเลือดและป้องกันการติดเชื้อ ผู้หญิงที่ตัดนิ้วมือจะต้องใช้เวลาหลายเดือนในการฟื้นตัวจากบาดแผล
ในปัจจุบัน รัฐบาลอินโดนีเซียได้พยายามห้ามวัฒนธรรมตัดนิ้วมือของชนเผ่า Dani เนื่องจากมองว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายและละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตาม วัฒนธรรมนี้ยังคงปฏิบัติกันอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของชนเผ่า Dani
ผลกระทบของวัฒนธรรมตัดนิ้วมือ
วัฒนธรรมตัดนิ้วมือของชนเผ่า Dani ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงในหลายด้าน ดังนี้
เป็นการสูญเสียทางร่างกายและจิตใจ ผู้หญิงที่ตัดนิ้วมือจะต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บปวดและเสียโฉม
เป็นการจำกัดโอกาสในการทำงานและการเข้าสังคม ผู้หญิงที่ตัดนิ้วมืออาจถูกมองว่าเป็นคนพิการและไม่สามารถทำงานหนักได้
เป็นการตอกย้ำบทบาททางเพศแบบดั้งเดิม วัฒนธรรมนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อที่ว่าผู้หญิงต้องเป็นผู้แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียมากกว่าผู้ชาย
การอนุรักษ์วัฒนธรรม
แม้รัฐบาลอินโดนีเซียจะพยายามห้ามวัฒนธรรมตัดนิ้วมือของชนเผ่า Dani แต่วัฒนธรรมนี้ยังคงปฏิบัติกันอยู่ในพื้นที่ห่างไกล สาเหตุหลักมาจากการที่ชนเผ่า Dani เชื่อว่าวัฒนธรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของพวกเขา
ปัจจุบัน มีการพยายามอนุรักษ์วัฒนธรรมตัดนิ้วมือของชนเผ่า Dani ในรูปแบบที่ปลอดภัยและลดผลกระทบต่อผู้หญิง ตัวอย่างเช่น มีการรณรงค์ให้ใช้มีดผ่าตัดแทนมีดหรือหินแหลมคมในการตัดนิ้วมือ และมีการส่งเสริมให้ผู้หญิงได้รับการดูแลหลังการตัดนิ้วมืออย่างเหมาะสม
การอนุรักษ์วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญกว่าคือการเคารพสิทธิมนุษยชนของทุกคน วัฒนธรรมใดก็ตามที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนควรได้รับการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลง

















