ก่อเหตุฆาตกรรมเด็ก 4 คนถึงในบ้านอย่างเหี้ยมโหด
ในปี 1979 ที่ประเทศสิงคโปร์ได้เกิดเรื่องสะเทือนขวัญขึ้นกับครอบครัวนึง โดยมีคนร้ายเข้ามาก่อเหตุฆาตกรรมเด็ก 4 คนถึงในบ้านอย่างเหี้ยมโหด และแม้ว่าวันเวลาจะผ่านมานานนับ 40 ปี คดีนี้ก็ยังไม่ถูกคลี่คลาย
ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ในย่านเกลัง บาห์รู ประกอบไปด้วยสองสามีภรรยา แทน คุน-ไฉ่ และภรรยา ลี เหม่ย-อิง พร้อมด้วยลูก ๆ ทั้งสี่ อายุ 10, 8, 6, และ 5 ชวบ สองสามีภรรยาต้องตื่นไปทำงานหาเงินตั้งแต่เช้าตรู่พวกเขาจึงได้จ้างคนขับรถมินิบัสให้มาคอยรับส่งลูก ๆ ไปโรงเรียนในทุกเช้า วันเกิดเหตุ 7 โมงเช้า นางลีได้โทรศัพท์เข้ามาที่บ้านเพื่อปลุกลูก ๆ ให้ตื่นเพื่อไปโรงเรียน แต่โทรอยู่นานก็ไม่มีใครรับสายจนรู้สึกผิดสังเกต ก็เลยโทรไปขอร้องให้เพื่อนบ้านมาช่วยปลุกเด็ก ๆ เพื่อนบ้านพยายามเคาะประตูเรียกแต่ก็ไม่มีการตอบรับจากด้านใน นางลีรีบกลับมาที่บ้านด้วยความร้อนใจแต่แล้วกลับพบร่างของลูก ๆ ทั้ง 4 คนของเธอเรียงซ้อนกันในสภาพที่กลายเป็นศพ แต่ละคนถูกฟันตามร่างกายไม่ต่ำกว่า 20 แผล
ตำรวจไม่พบร่องรอยใด ๆ ของคนร้าย ภายในบ้านไม่มีร่องรอยรื้อค้นใด ๆ ไม่มีของมีค่าสูญหาย อาวุธคาดว่าน่าจะเป็นของที่มีอยู่ในบ้านคนร้ายน่าจะมีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า และจะต้องเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกับครอบครัวนี้เป็นอย่างดีเพราะไม่มีร่องรอยงัดแงะประตู แม้ว่าจะพบคราบเลือดและเส้นผมอยู่ในมือของลูกชายคนโตกแต่ก็น่าเสียดายที่การตรวจ DNA ในปี 1979 ยังไม่มีความก้าวหน้าเท่าในปัจจุบันทำให้ไม่สามารถตรวจหาตัวคนร้ายได้ และแม้ว่าจะมีการเรียกเพื่อนบ้านและพยานมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 ครั้ง แต่ก็ไม่มีข้อมูลใดที่มีน้ำหนักมากพอที่จะเชื่อมโยงไปหาคนร้ายได้เลย
หลักฐานที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งก็คือการ์ดที่นายแทนได้รับหลังจากที่เกิดเหตุประมาณ 2 สัปดาห์ มันเป็นการ์ดอวยพรตรุษจีนมีภาพเด็ก ๆ เล่นหัวเราะร่าเริงอย่างมีความสุข เขียนด้วยลายมือเป็นภาษาจีนกลางว่า ... “ตอนนี้พกคุณไม่สามารถมีลูกไว้สืบสกุลได้อีกแล้ว 5555”... ลงท้ายว่า “ฆาตกร” สิ่งที่เป็นพิรุธก็คือคนร้ายเรียกสองสามีภรรยาคู่นี้ว่า อาไฉ่และอาอิง ซึ่งเป็นชื่อที่คนสนิทใช้เรียกทั้งคู่ นอกจากนี้คนร้ายรู้ได้ยังไงว่านางลีได้ทำหมันหลังจากที่คลอดลูกสาวคนเล็ก เพราะเรื่องนี้มีเพียงคนใกล้ชิดกับครอบครัวเท่านั้นที่รู้ว่าเธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก
มีข้อมูลของพยานคนนึงที่ดูจะมีหนักมากที่สุดซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่ เขาเล่าว่าปรมาณ 8 โมงเช้าวันนั้นได้รับชายอายุ 20 ต้น ๆ คนนึงอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ พอถึงปลายทางตอนที่ลงจากรถชายคนนี้ก็ทำมีดตกลงที่พื้นแล้วเก็บมันขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องสงสัยอีกคนที่มาจากคำบอกเล่าของนายแทนพ่อเด็ก เพื่อนบ้านคนนึงเป็นชายมาเลสนิทกับครอบครัวนี้ไปมาหาสู่แทบทุกวันเพื่อขอใช้โทรศัพท์และเล่นกับเด็กๆ ซึ่งเรียกเขาด้วยความสนิทคุ้นเคยว่า ลุง หลังเรียกมาสอบปากคำและคนขับแท็กซี่ก็ระบุว่าคือคนเดียวกันกับที่รับขึ้นรถไปวันเกิดเหตุ แต่ก็ต้องปล่อยตัวเพราะขาดหลักฐานที่เชื่อมโยงกับคดีนี้
สองสามีภรรยานายแทนและนางลีได้ย้ายออกไปจากแฟลตนั้นแล้วเริ่มต้นทำงานในบริษัทผลิตวัสดุพีวีซี 5 ปีต่อมานางลีได้พยายามที่จะแก้หมันและได้ให้กำเนิดทารกน้อยในวัย 35 ปี
ร่างของเด็ก ๆ ทั้งสี่ถูกฝังไว้ที่สุสาน โชว์ ฉู-คัง โดยยังไม่สามารถนำตัวคนร้ายมาลงโทษได้เนื่องจากขาดหลักฐานสำคัญที่เชื่อมโยงไปหาผู้ต้องสงสัย คดีดังกล่าวเป็นหนึ่งในคดีสะเทือนขวัญของชาวสิงค์โปร์จวบจนกระทั่งปัจจุบัน...