คาสโซวารี นกโบราณที่อันตรายที่สุดในโลก
ถ้าพูดถึงนกอันตรายที่สุดในโลกหลายคนน่าจะคิดถึงพวก นกอินทรีย์ เพราะมันเป็นนกนักล่าที่แข็งแกร่งแต่ความอันตรายไม่ได้มาจากการล่าเก่งดัง เช่น ฮิปโป มันอันตรายมากๆเพราะมันเป็นสัตว์ที่ขี้โมโหมากๆ และ นกคาสโซวารี มันก็คล้ายกับฮิปโป มันมีนิสัยขี้หงุดหงิดก้าวร้าว แถมยังตัวใหญ่ด้วย แม้ในตอนนี้ประชากรของพวกมันจะมีไม่มากนัก แต่ก็มีประวัติการทำร้ายมนุษย์จนบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตมาแล้ว และต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของ นกอันตรายที่สุดในโลก
นกที่อันตรายที่สุดในโลกชื่อนี้ไม่ได้มาเล่นๆเพราะมันก็เพิ่งจะเตะคนเลี้ยงในฟลอริด้า ตายไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน แล้วมันก็ได้รับการบันทึกโดย Guinness World Records อย่างเป็นทางการว่า
นกที่ได้ชื่อว่าอันตรายที่สุดในโลก เนื่องจากนกชนิดนี้มีนิสัยขี้หงุดหงิดก้าวร้าวได้ง่ายเมื่อมันโจมตี ผู้บุกรุกมันจะกระโดดถีบอย่างรุนแรง มันมีกรงเล็บที่ยาวและแหลมคมเลยทำให้เหยื่อ ได้รับแผลฉกรรจ์ โดยนกชนิดหนึ่งและเป็นชนิดที่ใหญ่ที่สุดมีความสูงประมาณ 200 ซม มีน้ำหนักประมาณ 85 กิโลกรัม
ลักษณะ
คล้ายกับ วิรอชิร็อบสเตอร์ ซึ่งเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อที่ สูญพันธ์ ไปแล้วมันเป็นนก ขนาดใหญ่มากที่บินไม่ได้และพบได้ใน อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี และทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย ตามข้อมูลนกแคชเชอรีใต้ถูกระบุว่ามีความกังวลน้อยที่จะสูญพันธุ์ในธรรมชาติจำนวนประชากรของนกชนิดนี้ในออสเตรเลียคาดว่าจะมีอยู่ประมาณ 150 ถึง 3,000 ตัวส่วนในสถานที่เลี้ยงในออสเตรเลียมี 40 ตัวนอกนั้นกระจายไปตามสวนสัตว์ต่างๆทั่วโลก
สาเหตุสำคัญที่ทำให้จำนวนประชากรนก ลดลง คือการล่าสัตว์การทำลายป่าโดยในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาคาดว่ามี นกคาสโซวารี หายไปร้อยละ 50
นกที่มีโครงสร้างแบบนกยุคก่อนประวัติศาสตร์
เช่น เดียวกับนกกระจอกเทศ นกอีมู และ นกกีวี มันเป็นนกที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลกรองจากนกกระจอกเทศและนกอีมูเท่านั้น โดยปกติตัวเมียจะใหญ่กว่าตัวผู้เป็นนกที่นิ้วเท้า 43 นิ้วแตกต่างจาก นกกระจอกเทศที่มีอยู่ 2 นิ้ว ทุกนิ้วมีกรงเล็บที่แหลมคมโดยเฉพาะนิ้วกลางที่ยาวได้ถึง 12 เซนติเมตรมันจะใช้เป็นอาวุธด้วยการถีบ อย่างรุนแรงจุดเด่นอีกอย่างคือ หงอนที่ใหญ่บนหัวของมันซึ่งเป็นสารประกอบของ เคราติน ภายในเป็น โพรงกลวง สันนิษฐานว่ามีไว้เพื่อช่วยในการส่งเสียงร้องแบบเดียวกับไดโนเสาร์บังสกุลที่มีหงอนบนหัวเช่นพาราซอโรโรฟัส หรือ ramio sorus เสียงที่น่าจะเป็นเสียงทุ้มต่ำ และเพราะเหตุนี้นกคาสโซวารี
จึงจัดเป็นนกที่มีเสียงร้องต่ำที่สุดในโลก งานวิจัยพบมนุษย์อาจจะเคยเลี้ยงนกชนิดนี้แทนไก่เมื่อประมาณ 18,000 ปีก่อนผู้คนในนิวกินี เคยเลี้ยงลูกนกคาสโซวารี จนโตเต็มวัยซึ่งอาจจะเป็นตัวอย่างแรกสุดที่มนุษย์รู้จักการเพาะเลี้ยงนกตามรายงานที่ตีพิมพ์ใน PNAS ผู้คนกลุ่มแรกที่มาถึงนิวกินี นับย้อนไปได้อย่างน้อย 42,000 ปีก่อน ผู้ตั้งถิ่นฐานเหล่านี้พบป่าดิบชื้น ที่รายล้อมไปด้วยนกคาสโซวารี ขนาดใหญ่ที่ขี้หงุดหงิด
แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ไม่มีทางเลือก จึงต้องหาหนทางเอาพวกมันมาเลี้ยง และ ในที่สุดพวกเขาก็หาวิธีการนำพวกมันมาใช้งานได้ ระหว่างที่นักวิจัยขุดค้นบนเพลิงหินแถบที่ราบสูงทางตะวันออกของเกาะ
ซูซาฮูเบอร์ ผู้ซึ่งเป็นนักโบราณคดีจากนิวซีแลนด์ได้รวบรวมสิ่งประดิษฐ์และซากนกแล้วเอาไปเก็บรักษาที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติและหอศิลป์แห่งปาปัวนิวกินีและในบรรดาซากเหล่านี้มีเปลือกไข่ของนกคาสโซวารี จำนวน 1,190 ชิ้นซึ่งน่าจะมาจากรังในป่าผู้ว่าเขาตั้งข้อสังเกตว่าในขณะที่เปลือกบางชิ้นมีสัญญาณของการทำเป็นอาหารซึ่งมีรูปแบบการไหม้ที่บ่งชี้ว่าถูกปรุงเป็นสุขแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งไข่ที่มีอายุประมาณ 11,000 ปีก่อน มันเป็นไข่ที่ใกล้จะฟักออกมาจากไข่แล้ว
ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามนุษย์อาจจะกินตัวอ่อนด้วย และมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้คนจะฟักไข่เหล่านี้และเลี้ยงงลูกคาสโซวารี จนโตเพื่อสนับสนุนคำกล่าวนี้นักวิจัยชี้ไปที่กลุ่มชนพื้นเมืองบางกลุ่มที่อยู่บนเกาะซึ่งจะใช้เนื้อและขนนกตัวหนึ่งในการทำพิธีกรรมและเพื่อการค้าและจนถึงทุกวันนี้พวกเขายังคงเลี้ยงลูกนกคาสโซวารี จากไข่ที่นำมาจากรังในป่าและแม้ในวัยเด็กนกพวกนี้จะไม่เป็นอันตรายแต่เมื่อมันโตมากขึ้นมันจะเป็นอันตรายมากขึ้นเช่นกันด้วยเหตุนี้จึงไม่พบรายงานว่าชนพื้นเมืองเลี้ยงนกชนิดนี้ในช่วงโตเต็มวัย