5 สัตว์แปลกน่าเลี้ยงในปี 2023
Exotic pet คือ สัตว์เลี้ยงแปลกใหม่ เป็นสัตว์ที่ปกติแล้วจะไม่เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านทั่วไป สัตว์เลี้ยงที่ไม่เหมือนใครเหล่านี้สามารถสร้างขึ้นเพื่อเป็นเพื่อนที่คลายเหงาเพราะพวกมันสุดแสนจะน่ารัก แต่สิ่งสำคัญคือต้องทำการวิจัยและทำความเข้าใจความต้องการเฉพาะของสัตว์ที่คุณกำลังพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจเลี้ยง
สัตว์เลี้ยงแปลกใหม่คือสัตว์เลี้ยงที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงตามบ้านทั่วไป เช่น สุนัขหรือแมว เรามาทำความรู้จักสัตว์เลี้ยงสุดแปลกแต่ละประเภทกันเลยดีกว่า
1.เม่นแคระ (hedgehog)
เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนาดเล็ก มีลักษณะทั่วไปคล้ายกับเม่น เป็นสัตว์ที่คนนิยมเลี้ยงกันเนื่องจากเลี้ยงง่าย ราคาไม่สูง นอกจากนี้มันยังน่ารักขี้อ้อนมากอีกด้วย
เม่นต้องการที่อยู่อาศัยที่อบอุ่นและสะดวกสบาย กรงเม่นแคระควรมีขนาดอย่างน้อย 2 ฟุตคูณ 3 สำหรับเม่นหนึ่งตัว ในกรงควรมีที่หลบซ่อน ขวดน้ำ และถ้วยอาหาร นอกจากนี้เม่นแคระก็ต้องการที่ออกกำลังกายเช่นกัน ดังนั้นต้องใส่ล้อวิ่งและขี้กบหรือแคร์เฟรชไว้ในกรงเพื่อเป็นที่นอนให้กับมัน
เม่นเป็นสัตว์กินแมลง ซึ่งหมายความว่าพวกมันกินแมลงและหนอน คุณสามารถให้อาหารเม่นแคระที่มีจำหน่ายในท้องเม่นของคุณ ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ หรือคุณจะให้อาหารพวกหนอนใยอาหาร จิ้งหรีด หรือแว็กซ์เวิร์มก็ได้ สิ่งสำคัญคือต้องจัดหาแหล่งแคลเซียม เช่น เปลือกไข่บดหรือกระดูกปลาหมึก หลีกเลี่ยงการให้อาหารผักและผลไม้เม่น เพราะพวกมันย่อยได้ไม่ดี
เม่นมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและจำเป็นต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น คุณสามารถใช้ตัวปล่อยความร้อนแบบเซรามิกหรือโคมไฟให้ความร้อนเพื่อให้ความร้อนแก่เม่นของคุณ อย่าลืมว่าเม่นก็ต้องการพื้นที่เย็นในกรงเช่นกัน เพื่อที่พวกมันจะได้ควบคุมอุณหภูมิร่างกายของมัน
เม่นยังต้องการแหล่งกำเนิดแสงเพื่อจำลองวงจรกลางวันและกลางคืนตามธรรมชาติ คุณสามารถใช้หลอดไฟแบบเต็มสเปกตรัมหรือแสง UVB เพื่อให้แสงแก่เม่นของคุณ โปรดทราบว่าเม่นต้องการความมืดอย่างน้อย 12 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นอย่าลืมปิดไฟในตอนกลางคืน
สิ่งสำคัญคือต้องพาเม่นไปหาสัตว์แพทย์เพื่อตรวจร่างกายเป็นประจำ วิธีนี้จะช่วยให้แน่ใจว่าเม่นของคุณมีสุขภาพแข็งแรงและปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจะถูกตรวจพบแต่เนิ่นๆ
2.ชูการ์ไกลเดอร์ (Sugar glider)
ชูการ์ไกลเดอร์ มีลักษณะนิสัยไม่ก้าวร้าว ขี้เล่น แสนรู้ และติดเจ้าของมากๆ หากใส่ใจและเล่นด้วยบ่อยๆ ตากลมโตใส ขี้อ้อน ดมหน้า เลียหน้า เอาหัวมาซุก บางครั้งส่งเสียงเรียกคล้ายเสียงสุนัขขนาดเล็กเห่า แสนรู้ขนาดเรียกให้มาก็มาหาอย่างง่ายดาย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนของผู้เลี้ยงด้วย
ช่วงวัยแรกเกิด - 4 เดือนควรกินนมแม่ หรือ นมทดแทนนมแม่ อย่างเช่น นมชูก้าร์ นมแพะ เป็นต้น ป้อนนมวันละ 2-3 มื้อ ส่วนใหญ่ชอบกินมากช่วงกลางคืน สักสามเดือนสามารถเสริมผลไม้ กล้วยน้ำว้าสุก แอปเปิ้ล รสหวานๆ
วัย 4 เดือนขึ้นไป กำลังโตสามารถเริ่มทานแมลงได้ เนื้อสัตว์หรือ อาหารอื่นๆที่เสริมโปรตีน ชูก้าร์ที่โตเต็มวัยเป็นพ่อแม่พันธุ์คือช่วงอายุเฉลี่ย 1 ปี ตัวผู้อาจมีรูปร่างที่เปลี่ยนไปคือขนบริเวณศีรษะจะร่วง เราต้องหมั่นเอาสำลีชุปน้ำเช็ดทำความสะอาดบริเวณต่อมกลิ่นที่ศีรษะเสมอ จะช่วยบรรเทากลิ่นได้
3.ทารันทูล่า (Tarantula)
ทารันทูล่าเป็นกลุ่มแมงมุมขนขนาดใหญ่ที่อยู่ในตระกูลเทอราโฟซิเด พวกมันมีแปดขา สองส่วนของร่างกาย (ส่วนเซฟาโลทอแรกซ์และส่วนท้อง) และก้านดอก 1 คู่ ซึ่งใช้สำหรับตรวจจับสภาพแวดล้อมและจัดการกับเหยื่อทารันทูล่ามีสปินเนอร์ที่ส่วนหลังของส่วนท้อง ซึ่งใช้ในการผลิตผ้าไหมเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ รวมถึงการสร้างที่หลบภัยและซับในโพรงของพวกมัน
เราควรเลือกสวนขวดโหลหรือภาชนะพลาสติกที่ปลอดภัยและมีขนาดเหมาะสมเพื่อเป็นที่อยู่ให้แก่มัน วางวัสดุพิมพ์ประมาณ 2-3 นิ้วในตู้ เช่น ขุยมะพร้าวหรือพีทมอส เพื่อรักษาความชื้นที่เหมาะสมและปล่อยให้แมงมุมทารันทูล่าขุดโพรง นอกจากนี้ในที่อยู่จะต้องมีที่หลบซ่อนให้พวกมันด้วย
ทารันทูล่าเป็นสัตว์กินเนื้อและต้องการอาหารของเหยื่อที่มีชีวิต จัดหาแมลงที่มีไส้ในท้องให้หลากหลาย เช่น จิ้งหรีด หนอนใยอาหาร หรือแมลงสาบ เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับอาหารที่สมดุล ให้อาหารทารันทูล่าสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง ปรับความถี่ในการให้อาหารตามขนาด อายุ และสายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยง นำเหยื่อที่ไม่ได้กินออกภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันความเครียด
4.งูข้าวโพด (corn snake)
Corn Snake หรืองูข้าวโพด เป็นงูที่มีต้นกำเนิดจากทวีปอเมริกา โดยเฉพาะในช่วงอเมริกาเหนือ ตลอดจนถึงอเมริกากลาง พวกมันถูกวิวัฒนาการทางสายพันธุ์ให้มีความอ่อนโยน จนกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงในทุก ๆ วันนี้ มีนิสัยที่น่ารัก เข้ากับคนได้ง่ายอย่างเป็นมิตร จึงทำให้เหมาะกับมือใหม่ที่เพิ่งหัดเลี้ยงงูเป็นอย่างยิ่ง
โดยส่วนใหญ่ผู้คนจะเลี้ยงงูในกล่องสี่เหลี่ยมที่มีขนาดเหมาะสม จะต้องพิจารณาเลือกกล่องที่ไม่มีความทึบ มีอากาศถ่ายเทอย่างปลอดโปร่ง และจะต้องไม่ปล่อยให้พวกมันอยู่ข้างนอกอย่างลำพัง เพราะอาจเลื้อยออกข้างนอกบ้านได้
พวกมันจะบริโภคหนูเป็นอาหารหลัก เนื่องจากมีสารอาหารที่เพียงพอ โดยปกติจะนิยมบริโภคเป็นหนูไมซ์ โดยให้เพียง 5 ถึง 7 วันต่อครั้ง ซึ่งเราสามารถหาได้ตามตลาดทั่วไป ส่วนใหญ่จะนิยมขายเป็นหนูไมซ์แช่แข็ง เพื่อความสะดวกสบาย และรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถบริโภคลูกเจี๊ยบ กิ้งก่า และงูต่างสายพันธุ์ได้
5.งู Ball python
Ball Python โดยธรรมชาติของงูสายพันธุ์นี้จะมีลักษณะนิสัยที่ค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ดุร้าย หรือพิษภัยอันตรายใด ๆ กับมนุษย์ แทบจะ 100 % เลยก็ว่าได้ อีกทั้งในเวลาที่มีสิ่งเร้ามารบกวน หรือทำให้พวกเขาตกใจ งูเหล่านี้จะไม่มีการแสดงท่าทีขู่ หรือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว แต่จะขดตัวเองให้มิดชิด ลักษณะคล้าย ๆ ลูกบอลกลม ๆ
โดยพวกมันจะกินหนูแช่แข็งเป็นอาหาร ส่วนความถี่ในการกินก็ขึ้นอยู่กับงูแต่ละตัว
ที่อยู่อาศัยสามารถใช้เพียงแค่กล่องสีเหลี่ยม หรือภาชนะอะไรก็ได้ที่มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยม ที่ซึ่งมีความยาว และความกว้างเหมาะเจาะกับขนาดของตัว แต่ต้องไม่ลืมวัสดุรองพื้น เพื่อไม่ให้วัสดุของภาชนะซึ่งเป็นที่อยู่สัมผัสกับผิวหนังของพวกมันโดยตรง เนื่องจากอาจเกิดการเสียดสี ที่นำมาซึ่งบาดแผล โดยเราสามารถใช้วัสดุได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น กระดาษหนังสือพิมพ์ ขี้เลื่อยสำหรับงูโดยเฉพาะ หรือแม้กระทั่ง แผ่นรองฉี่สุนัข ก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน เพียงแค่เท่านี้ก็สามารถหายห่วงเรื่องสถานที่เลี้ยงไปได้ง่าย ๆ แล้ว แต่เราจำเป็นต้องดูแลความสะอาดเป็นประจำเท่านั้นเอง
สัตว์เหล่านี้อาจแตกต่างจากสัตว์เลี้ยงทั่วไปในแง่ของการดูแล อาหาร และพฤติกรรม และสิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้ก่อนที่จะตัดสินใจเลี้ยง