ความสำคัญของเสือสาว
ความสำคัญของเสือสาว
วันที่ 29 กรกฎาคม ของทุกปีคือ “วันอนุรักษ์เสือโลก” (International Tiger Day) ซึ่งผู้คนทั่วไปรวมทั้งเหล่านักนิยมไพรทั้งหลายต่างก็รู้ซึ้งกันดีถึงความสำคัญของเสือโคร่งที่มีหลายประการพูดไม่จบในวันเดียว แต่ที่เป็นเรื่องหลักๆก็คือเสือนั้นคือผู้รักษาสมดุลของป่าและเป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของผืนป่าในประเทศรวมทั้งเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของจุดสูงสุดบนห่วงโซ่อาหารที่มีเฉพาะถิ่นในไม่กี่ประเทศทั่วโลกเท่านั้น และน่าทึ่งที่ประเทศไทยของเราเป็นหนึ่งในดินแดนที่มีเสือโคร่งประดับบารมีด้วย
เรื่องน่าสนใจที่ควรรู้เกี่ยวกับเสือคือ เสือตัวเมียนั้นมีความสำคัญระดับสูงสุด เพราะมันเป็นทั้งแม่ผู้ให้กำเนิดทารกเสือและเป็นทั้งครูผู้สอนการเป็นเสือที่สมบูรณ์แบบโดยไม่เกี่ยงว่าลูกเสือนั้นจะเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย เสือที่อยู่ในพื้นที่ป่าจริงๆนั้นจะสอนวิทยายุทธกับลูกเสือต่างจากครอบครัวเสือที่ถูกขังอยู่ในกรงลิบลับ และถ้าชีวิตในป่าของบรรดาทารกเสือหากขาดแม่เสือไปนั้นพวกมันจะต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถทั้งสิ้น
อย่าคิดว่าเสือโคร่งตัวผู้จะสอนอะไรลูก เรื่องจริงก็คือ เสือตัวผู้คือนักล่าผู้โดดเดี่ยว มีหน้าที่ลาดตระเวนคุ้มครองพื้นที่หากิน และมีเส้นทางการเดินตรวจสอบอาณาเขตที่ชัดเจน มีภาระต้องต่อสู้ป้องกันเสือตัวอื่นที่รุกล้ำพื้นที่และต้องต่อสู้ป้องกันตัวหรือทำร้ายอีกฝ่ายชนิดถึงตายโดยไม่มีการออมฝีมือ รวมทั้งทำหน้าที่ผสมพันธุ์กับเสือตัวเมียตามฤดูกาลของมัน(พฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์) และที่ร้ายกว่านั้นก็คือ มันคือตัวการขับไล่ลูกเสือออกไปจากแม่เสือโดยที่แม่เสือก็เป็นใจด้วย ซึ่งเวลานั้นลูกเสืออายุราว 2 ปีแล้วมักจะไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงไล่พวกมันไปโดยหันไปคบกับเสือโคร่งตัวผู้ที่มาป้วนเปี้ยน
ช่วงที่ลูกเสือหย่านม และเริ่มกินเนื้อสัตว์นั้น แม่เสือจะสอนทุกอย่างที่จำเป็นให้กับลูกเสือ ตั้งแต่ความมั่นใจในการกินเหยื่อ การปกป้องเหยื่อและคำรามขู่แม่กับพี่น้องทารกเสือด้วยกัน พวกมันจำเป็นต้องรู้วิธีการครอบครอบเหยื่อที่ล่าได้โดยไม่แบ่งปันตามกระบวนการของเสือ และเมื่อถึงคราวที่ต้องล่าสัตว์ใหญ่นั้นพวกมันต้องใช้เวลาการเรียนกันนานกว่าพวกเสือดาวและมีขั้นตอนที่ซับซ้อนยิ่งกว่า กล่าวคือเสือดาวหรือเสือดำจะเรียนรู้กระบวนการกัดเหยื่อที่หลอดลมจนขาดใจตายและดูดกินเลือดชนิดไม่ให้หยดถึงพื้น แต่พวกเสือโคร่งต้องหัดและทดสอบมากว่านั้นพวกมันต้องเรียนรู้ขั้นตอนการกระโดดเกาะสัตว์ใหญ่และหักคอสัตว์นั้นด้วยพละกำลังและเทคนิกระดับสูงเกินกว่าพวกเสือดาวจะทำได้ เหตุนั้นทำให้มันใช้เวลาเรียนการสังหารนานจนเกือบๆจะอายุสองปี
แม่เสือที่เก่ง และมีประสบการณ์ จะไม่ยินยอมให้ลูกกินนมทุกครั้งตามที่ลูกต้องการ มันจะผสมผสานสำรอกเนื้อให้ลูกเพื่อให้รู้จักรสชาติของเนื้อสัตว์ในระดับอ่อนก่อน.. หรือถ้าลูกกินเนื้อสัตว์เป็นแล้วมันจะไม่ยอมให้ลูกกินจนอิ่มเกินไปเพราะอาจท้องแตกตายได้เสมอ ซึ่งแม่เสือขาดประสบการณ์จะปล่อยให้ลูกท้องแน่นจนตายกลายเป็นศพให้เห็นในป่าได้บ่อย...แม่เสือเก่งๆจะสอนให้ลูกรู้ว่าไม่ควรมาแย่งเหยื่อของแม่ในบางโอกาส การตบ ข่วน และเสียงคำรามหลายแบบบอกให้ลูกเสือรู้ว่าความแตกต่างของเสียงเสือนั้นคืออะไร มีความหมายใดๆบ้าง และเมื่อเสือตัวผู้ล้ำถิ่นเข้ามาในช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์แม่เสือจะยอมตายเพื่อปกป้องลูกเสือ ... การเข้าสังหารเหยื่อต่างขนาด ตลอดจนการลงมือให้ลูกเสือทดลองฆ่าสัตว์นั้นส่งผลให้มีการสังหารเหยื่อคราวละหลายๆตัว ไม่ใช่มันทำเพราะสนุกแต่เพื่อเอาไว้สอนลูกๆตามจำนวนที่มันมี
การมีสัมพันธ์กับเสือตัวผู้ตัวใหม่จะมาถึงเมื่อลูกเสืออายุสองขวบ เมื่อนั้น การตอบสนองจากแม่ที่มีต่อลูกเสือจะเปลี่ยนไป และจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆจนลูกเสือต้องละจากแม่ของมันไปเอง เวลาดังกล่าวแม่เสือจะตัดใจจากลูกพร้อมสร้างครอบครัวใหม่ในขณะที่ลูกๆยังโหยหาความรักจากแม่บ้างสักระยะ ก่อนจะจากกันไป ส่วนจะมีโอกาสได้โคจรมาพบกันอีกในอนาคตหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่ “ไพรลิขิต”....