ตำนานจระเข้ยักษ์กินคนในจังหวัดนครสวรรค์
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ ต.เกยชัย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เล่ากันว่ามีจระเข้ยักษ์นิสัยดุร้ายและใหญ่เป็นอันดับต้นในประเทศไทย อาศัยอยู่ที่ตำบลเกยชัยแห่งนี้ ชาวบ้านตั้งชื่อให้มันว่า "ไอ้ด่างเกยชัย"
เมื่อก่อน ต.เกยชัย มีปากแม่น้ำที่มีความลึกมาก และมีจระเข้ชุกชุมเรียกว่า "วังตะเข้"
ชาวบ้านในสมัยนั้นจะลงอาบน้ำต้องหาไม้ไว้ปักทำรั้วเพื่อป้องกันจระเข้ และ"ไอ้ด่าง"เป็นจระเข้ยักษ์ตัวหนึ่งที่ชาวเกยชัยรู้จักเป็นอย่างดี เพราะมันมักลอบทำร้ายชาวบ้านที่สัญจรไปมาเป็นประจำและกินชาวบ้านหลายรายเป็นอาหาร
ลำตัวของมันยาวเท่าความกว้างของแม่น้ำ ลักษณะเปรียบได้กับเรือข้ามฟากของศาลเจ้าพ่อจุ๊ย(ศาลตรงบริเวณปากคลอง)
จากนั้นมีชาวบ้านขี้เมาขี่เรือไหหลำ เป็นเรือไม้ท้องแหลม บนเรือบรรทุกข้าว ชาวเรือได้ท้าทายไอ้ด่าง ไอ้ด่างจึงว่ายตามมาจนคว่ำได้สำเร็จ พอได้โอกาสชาวเรือจึงใช้ไม้สามง่ามแทงตามท้องจนเป็นแผลฉกรรจ์ ไอ้ด่างจึงเอาหัวไปเกยหาดหน้าวังตะกอน จึงถูกชาวบ้านยิงซ้ำจนตาย
ชาวบ้านได้ผ่าท้องไอ้ด่าง พบของมีค่ามากมาย หัวไอ้ด่างจึงถูกนำไปไว้ที่ศาลเจ้าพ่อจุ๊ยจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้เรื่องราวของไอ้ด่างเป็นเพียงตำนานที่ถูกเล่ากันมาปากต่อปากเท่านั้น มีเพียงหลักฐานที่ถูกบันทึกไว้ 2 บรรทัดในสมุดบันทึกของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
มีใจความว่า
"ที่นี่มีศีรษะของจระเข้ใหญ่ เป็นจระเข้กินคน ชาวบ้านเล่าลือกันว่าเป็นจระเข้เจ้า มีพระยาคนหนึ่งได้นำเอาศีรษะจระเข้นี้เข้ากรุงเทพ ฯ และได้ขายต่อให้ชาวต่างชาติไป เป็นอันจบกันสำหรับเรื่องราวของศีรษะจระเข้ใหญ่"