ไก่ย่างตาแป๊ะ ตำนานไก่ย่างวิเชียรบุรีแสน อร่อยของเมืองไทย
ไก่ย่างตาแป๊ะ ตำนานไก่ย่างวิเชียรบุรีแสน อร่อยของเมืองไทย
หากกล่าวถึงไก่ย่างยอดนิยมของเมืองไทย ดูเอเซียคงต้องยกให้ ไก่ย่างวิเชียรบุรีอย่างไม่มีข้อสงสัยครับเพราะไม่ว่าจะเดินทางไปแห่งหนตำบลใดเราก็มักพบกับร้านไก่ย่างวิเชียรบุรีอยู่เป็นของคู่กับส้มตำและตลาดแทบทุกแห่งหรือแม้แต่ข้างทางที่ขับรถผ่านก็มักจะพบร้านขายไก่ย่างวิเชียรบุรีอยู่เสมอ ๆ จนเป็นไก่ย่างที่มีขายอยู่แทบทุกภูมิภาคของไทยเรา จนทำให้เกิดข้อสงสัยในใจขึ้นมาว่า แล้วต้นกำเนิดหรือร้านแรกที่ขายไก่ย่างวิเชียรบุรีนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่ ทริปนี้ดูเอเซีย พาไปค้นหาตำนานไก่ย่างวิเชียรบุรีไก่ย่างยอดนิยมกันถึง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เพื่อให้หายข้อสงสัย และ ก็จะได้ชิมลิ้มลองกับรสชาติของไก่ย่างวิเชียรบุรี ต้นตำหรับแท้ ๆว่าเป็นยังไง หลังจากที่เคยกินมานานหลายสิบปี ไปกันเลยครับมุ่งตรงไปยัง อ.วิเชียรบุรี
ไก่ย่างวิเชียรบุรี เกิดขึ้นจากตาแป๊ะลูกผู้ชายหัวใจแกร่งท่านนี้ ชื่อจริง ๆ คือนายทรวง ซึ่งจ่าย เรารู้จักกันดีในนามว่า “ตาแป๊ะ” ดั้งเดิมแล้วเป็นคนเชื้อสายจีน เดิมนามสกุล “แซ่โง้ว” ได้อพยพถิ่นฐานบ้านเกิดจากในประเทศจีน และได้พายเรือล่องตามแม่น้ำเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย หาทำงานรับจ้างอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก ได้ทำงานรับจ้างทั่วไปอยู่เรื่อยมา จนมาเป็นพ่อค้าขายกาแฟอยู่ที่โรงเลื่อย อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวเพราะตอนนั้นยังไม่เก่งด้านภาษาไทยเท่าใดนักยังสื่อสารกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง จนกระทั่งได้มารู้จักกับนางคำเบ้า จันทร์ขัน จนทั้งสองได้ตกลงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นสามี-ภรรยาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตาแป๊ะและนางคำเบ้ามีบุตรด้วยกันรวม 5 คน เมื่อได้แต่งงานกันแล้วทั้งคู่ก็ยังคงประกอบอาชีพขายกาแฟและขายข้าวแกง หลังจากที่ขายข้าวแกงได้ประมาณปีเศษๆ มีรายได้ไม่พอเลี้ยงดูครอบครัว ตาแป๊ะและนางคำเบ้าได้ชวนกันย้ายถิ่นฐานจากอำเภอหล่มสัก มาหาที่ทำกินที่สามแยกวิเชียรบุรี อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ เริ่มต้นจากการปลูกผักขายที่ตลาด อีกทั้งยังเลี้ยงไก่ไทยส่งขายด้วย ตาแป๊ะจึงได้มีความคิดที่จะนำไก่ที่เลี้ยงไว้มาทำเป็นไก่ย่างขาย เพราะในขณะนั้นร้านขายไก่ย่างยังไม่มี นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทั้งคู่ก็ได้ใช้อาชีพนี้เป็นหลัก โดยมีลูกๆคอยช่วยกันทำงานอีกแรง
ตาแป๊ะได้เริ่มจากการขายเป็นไก่ย่าง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2505 (นับดูกี่ปีนี่) โดยขายไม้ๆละ 5 บาท และขายเป็นตัวๆละ 20 บาท โดยเริ่มจากการหาบเร่ตามป้ายรถเมล์ และริมถนน ตาแป๊ะเป็นผู้หาบเร่เองและได้ให้นางคำเบ้าเป็นคนย่างไก่รออยู่ที่บ้าน ซึ่งสมัยก่อนนั้นถนนยังเป็นแบบลูกรังขรุขระอยู่ หรือแม้แต่เข้าไปขายตามทุ่งนาของชาวบ้านท่านก็ไปมาแล้ว หาบเร่อยู่ประมาณ 2 ปี มีเงินเก็บเพียงพอที่จะมาทำร้านแบบมีโต๊ะนั่งรับประทานได้ จึงได้สร้างเป็นร้านตั้งอยู่ตรงสามแยก ทางเลี้ยวเข้าไปทางอำเภอวิเชียรบุรี ขายอยู่ริมถนนทางซ้ายมือซึ่งในขณะนี้ก็ยังตั้งและขายอยู่ที่เดิม ต่อมาในปีพ.ศ. 2509 ไก่ไทยมีราคาเพิ่มมากขึ้นจากเดิม จึงทำให้ราคาขายไก่ย่างจากเดิมที่ขายเป็นไม้ๆละ 5 บาท มาเป็น 15 บาท จากที่เป็นตัวๆละ 20 บาท มาเป็น 50 บาท เนื่องจากนายทรวงเป็นคนเชื้อสายจีนเลยใช้ชื่อร้านว่า ร้านไก่ย่างตาแป๊ะ นับแต่นั้นมาจนเป็นที่รู้จักกันดีของชาวบ้านใน อ.วิเชียรบุรี เรียกว่าขายตั้งแต่หนุ่มจนแก่กันเลยทีเดียว เป็นยอดนักสู้อีกท่านหนึ่ง สุดยอดไปเลยตาแป๊ะ
ไก่ย่างตาแป๊ะเริ่มมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักขึ้นมา เมื่อประมาณ พ.ศ. 2525 โดย คุณสันติ จากแม่ช้อยนางรำ ได้มารับประทานไก่ย่างที่ร้านตาแป๊ะเกิดความชื่นชอบถูกอกถูกใจในรสชาติของไก่ย่าง ที่มีรสชาติดีหอมเครื่องเทศและน้ำจิ้มกระเทียมรสเด็ด คุณสันติ จึงได้มอบป้าย เปิปพิสดาร ให้ไว้เพื่อยืนยันในรสชาติที่อร่อยถูกใจให้กับ นายทรวง ซึ่งจ่าย (ตาแป๊ะ) ตั้งแต่นั้นมา และเริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป จนไก่ย่างตาแป๊ะกลายเป็นต้นแบบให้กับร้านไก่ย่างอื่นๆ ที่สามแยกวิเชียรบุรีมีชื่อเสียงและมีแม่ค้าหลายรายนำไปประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้ครอบครัวและทำให้ร้านไก่ย่างมีชื่อเสียงไปทั่วเกือบทุกจังหวัดของประเทศไทยเลยก็ว่าได้
ไก่ย่างตาแป๊ะเขาจะใส่ไม้หนีบย่างกันแบบเป็นตัว ๆเอาเครื่องในออกทั้งหมด เน้นที่ความสดสะอาดของไก่แต่ละตัว ไก่ย่างที่นำมาย่างนั้นจะมีอยู่สองชนิดด้วยกัน คือ ไก่ไทย หรือเรียกอีกอย่างว่า ไก่บ้าน และ ไก่พันธุ์ หรือเรียกว่าไก่ฟาร์ม ไก่ไทยจะมีมันน้อยกว่าไก่เนื้อเวลาย่างสุกแล้ว จึงทำให้ดูตัวเล็กลงกว่าไก่เนื้อ แต่เมื่อย่างออกมาก็อร่อยทั้งสองแบบครับทุกท่าน ชอบแบบไหนก็สั่งได้เลย จะเอาย่างแบบแห้ง และไม่แห้ง เลือกได้ตามใจชอบ ในการย่างการใช้ไฟถ่านนี่สำคัญมาก เพราะต้องใช้ไฟที่สม่ำเสมอพอสมควรครับ เพราะเป็นการย่างทั้งตัว ต้องควบคุมไฟอยู่ตลอด การย่างแต่ละตัวก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เรียกว่ากว่าจะได้ไก่ย่างแต่ละตัวก็ใช้เวลานานพอสมควรครับ เคล็ดลับความอร่อยนั้น สูตรเด็ดที่ใช้หมักนั้นเป็นสูตรที่คิดค้นปรุงแต่งขึ้นมาเองเฉพาะตัว และกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่ใช้หมักไก่ บวกกับน้ำจิ้มรสเด็ดที่แตกต่างจากที่อื่นๆ คือน้ำจิ้มกระเทียม ตัวนี้แหละครับ เวลาทานจิ้มน้ำจิ้มกระเทียมแล้ว มันเข้ากันกลมกล่อมดีมาก ๆ ไก่เนื้อนุ่มพอดี มีมันเยิ้มเล็กน้อย อร่อยจนบอกไม่ถูกต้องมาชิมเอง
อ้างอิงจาก: dooasia - worldorgs
ประธานกรรมการสิทธิฯ เขมร เย้ยกองทัพไทย ต้องพึ่งเครื่องบินรบ ถ้าไม่มี F-16 ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้เขมร
สถานทูตไทยทั่วโลก เปิด "สมรภูมิโซเชียล" ขย้ำ ฮุน เซน
ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติด
อวสานตั๋วผี "ขายรถจำนำทอง" กว้านซื้อบัตรคอนเสิร์ต เจ๊งเหยียบ 1 ล้าน
แฉเรือทุนไทยขายน้ำมันให้เขมร อดีต สว ประกาศ เตือน ทัพเรือสั่ง 'จมเรือ' ได้ทันที เพราะประกาศกฎอัยการศึก
สื่อมาเลย์ แฉยับ ทหารเขมรทิ้งขีปนาวุธให้ไทยยึดฟรี เพราะใช้ไม่เป็น ขายขี้หน้าทั้งประเทศ
บิ๊กเล็ก ยันชัด จีนไม่ขอคืนจรวด GAM-102 ของเขมร ที่ไทยยึดมาได้
ประธานสมาคม ตามไปตำหนินักกีฬา ถึงกับร้องไห้โฮ ในซีเกมส์ครั้งที่ 33
วิเคราะห์หวย AI น่าจะออกรางวัลงวด 16 ธันวาคม 2568
นั่งนานเกินไป โรคหัวใจอาจถามหา
เฉลยแล้ว บักบอย เป็นใครกันแน่ ใช่สายลับหรือไม่
Grab เผยที่สุดแห่งปี 2025 ปรากฏการณ์สายมูทำ "ห้วยขวาง" แตก! พร้อม "ชาไทย" ขึ้นแท่นเครื่องดื่มเบอร์หนึ่ง
ประธานกรรมการสิทธิฯ เขมร เย้ยกองทัพไทย ต้องพึ่งเครื่องบินรบ ถ้าไม่มี F-16 ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้เขมร
สถานทูตไทยทั่วโลก เปิด "สมรภูมิโซเชียล" ขย้ำ ฮุน เซน
สิ่งของที่ไม่ควรใส่ ไม่ควรซัก ในเครื่องซักผ้า
รีวิวหนังดัง NATIONAL TREASURE ปฏิบัติการเดือด ล่าขุมทรัพย์สุดขอบโลก
ความสัมพันธ์ที่ได้ไปต่อในปี 2026
เปิดเคล็ดลับงานบ้านที่หลายคนมองข้าม ขจัดคราบดำขอบซิลิโคน คืนความสะอาดห้องน้ำ โดยไม่ต้องขูด ไม่ต้องรื้อเปลี่ยนใหม่








