4ตำนาน"วันไหว้พระจันทร์"ที่คุณอาจไม่รู้!?
"วันไหว้พระจันทร์" เป็นเทศกาลที่มีความสำคัญสำหรับคนจีนมากเป็นอันดับสองรองจากเทศกาลตรุษจีน ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ของทุกปี โดยจะตรงกับเดือนกันยายน วันที่ 29 ของปีนี้ ซึ่งอยู่ในช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง ชาวจีนจึงเรียกว่า จงชิว แปลว่า กลางฤดูใบไม้ร่วง เป็นประเพณีที่ชาวจีนถือปฏิบัติสืบต่อกันมานับพันปี ซึ่งมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับวันไหว้พระจันทร์ต่างๆ มากมาย โดยมี 4 ตำนานด้วยกัน
1. ตำนานเทพธิดาฉางเอ๋อเหินสู่ดวงจันทร์
- เมื่อครั้งสมัยก่อนโบราณกาลนั้น โลกของเรามีดวงอาทิตย์อยู่ถึงสิบดวง ทำให้โลกมนุษย์เกิดภัยพิบัติไปทั่ว แผ่นดินร้อนระอุ น้ำเหือดแห้ง ผู้คนไม่มีที่หลบซ่อนอาศัย ต่อมาได้ปรากฏวีรบุรุษนามว่า "โฮ่วอี้" เป็นผู้ที่มีฝีมือในการยิงธนูได้แม่นยำอย่างมาก โดยสามารถยิงธนูขึ้นสู่ฟ้าเพียงดอกเดียว ถูกดวงอาทิตย์ถึงเก้าดวง ทำให้เหลือดวงอาทิตย์อยู่เพียงดวงเดียว เป็นการขจัดความทุกข์ให้กับประชาชนทั่วไป จึงได้รับการยกย่องให้เป็นกษัตริย์ แต่เมื่อโฮ่วอี้ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ก็ลุแก่อำนาจ ลุ่มหลงในสุรานารี ฆ่าฟันผู้คนตามอำเภอใจ ทำให้ราษฎรโกรธแค้นชิงชังเขาเป็นที่สุด เมื่อโฮ่วอี้รู้ตัวดังนั้นจึงเดินทางไปที่ภูเขาคุนหลุน เพื่อขอยาอายุวัฒนะจากเจ้าแม่หวังหมู่มากิน แต่ "ฉางเอ๋อ" ผู้เป็นภรรยากลัวว่า ถ้าสามีของนางมีอายุยืนนาน อาจจะนำพาเอาความเดือดร้อนมาสู่ประชาชนเป็นแน่แท้ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจแอบขโมยยาอายุวัฒนะนั้นมากินเสียเอง เมื่อกินเข้าไปแล้ว ร่างของฉางเอ๋อก็เบาหวิว และลอยขึ้นไปสู่ดวงจันทร์ นับแต่นั้นมา บนดวงจันทร์ก็ปรากฏภาพเทพธิดา ที่เชื่อกันว่าเป็นฉางเอ๋อนี้เอง
- บางตำนานกล่าวว่า การที่โฮวอี้ ยิงดวงอาทิตย์นั้น เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนบัญชาสวรรค์ จึงโดนลงทัณฑ์ให้ไปใช้ชีวิตธรรมดาเช่นมนุษย์ทั่วไปบนโลกมนุษย์กับฉางเอ๋อ แต่แล้วโฮวอี้ก็ถูกคนสนิททรยศฆ่าตาย ส่วนฉางเอ๋อนางได้ดื่มน้ำอมฤตเพื่อที่จะมีชีวิตอมตะ แล้วเหาะกลับไปยังดวงจันทร์อีกครั้งตามลำพังด้วยความเศร้า
- ส่วนอีกตำนานกล่าวว่า โชคร้ายที่พระอาทิตย์ทั้งเก้าดวงนั้นเป็นบุตรขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ จักรพรรดิแห่งสวรรค์ ทรงกริ้วและเสียพระทัยมากจึงได้สั่งให้นางกำนัลชื่อว่า ฉางเอ๋อ นำยาพิษไปให้โฮ่วอี้ โดยให้หลอกว่าเป็นยาอายุวัฒนะ แต่เมื่อทั้งสองได้พบกันก็เกิดความรัก ฉางเอ๋อรู้สึกเห็นใจโฮ่วอี้ซึ่งเป็นคนรักจึงได้บอกไปว่า ยานี้จะยังไม่สามารถกินได้จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 โดยหวังว่าตนจะสามารถหาวิธีช่วยคนรักได้ แต่เมื่อวันนั้นมาถึง ฉางเอ๋อก็ยังไม่สามารถหาวิธีได้ จึงตัดสินใจกินยาพิษแทนที่จะตาย ฉางเอ๋อกลับรู้สึกว่าตัวเริ่มเบาและลอยขึ้นไปถึงพระจันทร์ ความตื่นตระหนกทำให้ฉางเอ๋อหายใจไม่ออกและเผลอไอทำให้ยาหลุดออกมาจากลำคอ ฉางเอ๋อไม่สามารถลอยไปที่ไหนได้อีกจึงจำต้องอยู่ในพระจันทร์ เฝ้ามองโฮ่วอี้เหมือนพระจันทร์ที่อยู่คู่กับโลกไปตลอดกาล ชาวบ้านที่ได้ฟังเรื่องราวก็รู้สึกศรัทธาในความรักอันมั่นคง จึงได้นำขนมมาเซ่นไหว้และกราบขอพรให้ฉางเอ๋อช่วยคุ้มครองให้มีชีวิตที่เป็นสุข และช่วยให้หญิงสาวได้มีรูปโฉมงดงามเช่นเดียวกับนาง
2. ตำนานกระต่ายบนดวงจันทร์
ตำนานกล่าวว่า มีอยู่ปีหนึ่งในเมืองปักกิ่งเกิดโรคอหิวาระบาดหนัก เมื่อเทพธิดาฉางเอ๋อซึ่งอยู่บนดวงจันทร์ได้มองลงมาเห็น ก็ทำให้รู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก จึงได้ส่งกระต่ายหยกข้างกายที่ปกติตำยาอยู่บนดวงจันทร์ ให้ลงมารักษาโรคชาวบ้าน กระต่ายหยกแปลงกายเป็นหญิงสาวไปรักษาผู้คนหายจากโรค ชาวบ้านรู้สึกซาบซึ้งใจในความช่วยเหลือ จึงได้ตอบแทนด้วยการให้สิ่งของ แต่กระต่ายหยกก็ไม่ยอมรับสิ่งใดเลย เพียงแค่ขอยืมชุดชาวบ้านใส่เท่านั้น ไปถึงไหนก็จะเปลี่ยนชุดไปเรื่อย บางทีก็เห็นแต่งกายเป็นคนขายน้ำมัน บ้างก็เป็นหมอดูดวง บ้างแต่งกายเป็นชาย บ้างแต่งเป็นหญิง และเพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากขึ้น กระต่ายหยกจะขี่ม้าบ้าง กวางบ้าง สิงโตบ้าง หลังจากกำจัดโรคภัยให้ชาวเมืองเสร็จเรียบร้อย กระต่ายหยกก็กลับขึ้นไปยังดวงจันทร์ นับแต่นั้นมาชาวบ้านจึงได้กราบไหว้บูชาเทพเจ้ากระต่ายในวันไหว้พระจันทร์ด้วย
3. ตำนานกอบกู้บ้านเมือง
เริ่มต้นเมื่อประมาณ 600 ปีก่อน สมัยปลายราชวงศ์หยวน เจงกิสข่าน จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งมองโกล เข้ายึดครองแผ่นดินใหญ่และปกครองชาวจีนอย่างเผด็จการ จนกลุ่มชาวจีนตั้งกลุ่มปฏิวัติ โดยเริ่มวางแผนสร้างกลอุบายจัดงานไหว้พระจันทร์ขึ้น และคิดค้นวิธี คือ ให้นำกระดาษเขียนข้อความ แล้วสอดไส้ไว้ในขนม เป็นการส่งสารให้แก่หมู่ชาวจีนด้วยกัน เรียกร้องให้ชาวจีนทุกคนลงมือสังหารทหารมองโกลที่ประจำอยู่ในบ้านของตน เพื่อก่อการปฏิวัติโดยพร้อมเพรียงกัน ณ วันเพ็ญเดือนแปด ทำให้สามารถโค่นล้มอำนาจการปกครองของมองโกลในที่สุด ชาวจีนจึงถือว่าวันเพ็ญเดือน 8 เป็นวันไหว้พระจันทร์และระลึกวีรชนท่กอบกู้ชาติเรื่อยมา
4. ตำนานความฝันของกษัตริย์
ตำนานนี้กล่าวว่าจริงๆแล้วประเพณีไหว้พระจันทร์ เกิดจากความฝันของกษัตริย์ถังหมิงหวง เมื่อกลางดึกของคืนเดือนเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 กษัตริย์ถังหมิงหวงบรรทมหลับไปแล้วทรงพระสุบินว่า พระองค์ลอยขึ้นไปเที่ยวชมพระราชวังบนดวงจันทร์ และได้พบเทพธิดากำลังร่ายรำอยู่อย่างงดงาม จนเมื่อตืนขึ้นอยากให้ความฝันนั้นเป็นจริง จึงมีรับสั่งให้นางสนมแต่งตัวและร่ายรำเลียนแบบเทพธิดาในฝัน ตั้งแต่นั้นมาทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 พระองค์ก็รับสั่งให้จัดเครื่องเซ่นไหว้พระจันทร์ และทอดพระเนตรความงามของพระจันทร์ไปพร้อมกับการร่ายรำของนางสนมด้วย
โดยตำนานที่เป็นที่รู้จัก และกล่าวถึงจะเป็นตำนานที่ 1 กับ 2 และชื่อของ "ฉางเอ๋อ" กับ "กระต่ายหยก" ยังได้รับเกียรติตั้งเป็นชื่อยานสำรวจดวงจันทร์ของจีนอีกด้วย ส่วนประเพณีไหว้พระจันทร์นั้น จะเริ่มต้นตอนหัวค่ำซึ่งดวงจันทร์เริ่มปรากฏบนท้องฟ้า พิธีการจะดำเนินต่อไปจนถึงประมาณ 4-5 ทุ่ม บางบ้านอาจจะไหว้พระจันทร์ที่ลานหน้าบ้าน ดาดฟ้า โดยมีการตั้งโต๊ะ ทำซุ้มต้นอ้อย มีธูปเทียน กระดาษเงินกระดาษทองที่พับเป็น เงินตราจีน โคมไฟ และสิ่งของเซ่นไหว้ หลังเสร็จพิธีทุกคนในครอบครัวจะตั้งวงแบ่งกันกินขนมไหว้พระจันทร์ โดยขนมต้องนำมาหั่นแบ่งให้เท่ากับจำนวนคนในครอบครัว ห้ามเกินหรือขาด และแต่ละชิ้นต้องมีขนาดที่เท่ากัน ขนมไหว้พระจันทร์จึงเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี ความกลมเกลียวคนในครอบครัว ดังนั้น รูปลักษณะของขนมไหว้พระจันทร์ จะต้องทำเป็นก้อนวงกลมเท่านั้น