ข้อควรระวังผู้ประกอบการไทยที่สั่งสินค้าจากจีน
ปฎิเสธไม่ได้ว่า หลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย พึ่งพาอาศัยสินค้าจากประเทศจีนเป็นอย่างมาก จนแทบจะเรียกได้ว่าแทบจะทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเราเต็มไปด้วยสินค้าที่ผลิตจากประเทศจีน มีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยในประเทศไทยที่นำเข้าสินค้าจากประเทศจีนเพื่อขายในตลาดบ้านเรา สิ่งที่ผู้ประกอบการไทยจำนวนไม่น้อยต้องปวดเศียรเวียนเกล้าก็เพราะความสม่ำเสมอของมาตรฐานสินค้าจากประเทศจีน ตัวอย่างเช่นเจ้าของร้านทุกอย่าง 20 บาท ที่สต็อกสินค้าจากโรงงานจีน ยกตัวอย่างสินค้าเช่นปากกา ช่วงแรกๆปากกาที่นำเข้ามาคุณภาพดีมากแถมยังราคาถูก โดยที่หัวปากกานั้นมีลูกบอลที่มีขนาดใหญ่ในการทำให้น้ำหมึกไหลออกมาโดยสะดวกเวลาเขียน ทำให้ช่วงแรกๆปากกาตัวนี้ขายดีมากๆจนแทบสั่งของมาสต๊อกไม่ทัน แต่พอผ่านไปสักระยะหนึ่งประมาณ 1-2 เดือนกลับปรากฎว่าปากกาจากโรงงานจีนเดียวกัน รุ่นและยี่ห้อเดียวกัน กลับกลายเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพเขียนแทบไม่ได้ น้ำหมึกไม่ออกเลย เมื่อสำรวจตัวปากกาดูพบว่าลูกกลิ้งตรงปลายปากกามีขนาดเล็กลงอย่างมาก และคุณภาพน้ำหมึกนั้นก็แย่ลงมากหนืดจนแทบจะไม่ไหลเมื่อเทียบกับปากกาล็อตแรกๆ เหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ไม่ได้เกิดกับ ร้านทุกอย่าง 20 บาท ที่สต๊อกสินค้าจากโรงงานจีนเท่านั้น ยังเกิดกับผลิตภัณฑ์อีกหลายประเภท เช่นเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ Electronic เครื่องยนตร์ที่ผลิตจากประเทศจีน
สาเหตุที่เกิดปัญหากับผู้ประกอบการไทยในลักษณะดังกล่าวก็เพราะว่า ในช่วงแรกๆนั้นทางโรงงานจีนได้ใช้วัสดุชิ้นส่วน อุปกรณ์ ที่มีคุณภาพอย่างดี และเมื่อผ่านไประยะหนึ่งที่ผู้ประกอบการคนไทยตายใจสั่งสินค้าจากโรงงานจีนเป็นล็อตใหญ่ๆอย่างต่อเนื่องแล้ว ทางโรงงานจีนได้แอบลดเสป็คลง ทั้งคุณภาพของส่วนประกอบ ชิ้นส่วน วัสดุ อุปกรณ์ที่คุณภาพแย่ลง เพื่อลดต้นทุนของทางโรงงาน เพื่อให้ทางโรงงานได้กำไรมากขึ้นโดยไม่มีการแจ้งหรือบอกกล่าวผู้ประกอบการไทยแต่อย่างใด นี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นชั้นเชิงทางธุรกิจที่โรงงานจีนเอาเปรียบคนไทย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางออกเลยเสียทีเดียว ในเมื่อประเทศไทยเราทุกวันนี้ต้องพี่งพาสินค้าจากจีนเป็นอย่างมาก และจีนเองก็มองประเทศไทยเป็นที่ระบายสินค้าเป็นอย่างดี ในเมื่อยอดส่งออกไปยังอเมริกาและยุโรปลดลง ข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการไทยที่สั่งสินค้าจากโรงงานจีนตามความเห็นของผมมีดังนี้ครับ
- คอยสุ่ม QC สินค้าที่ได้รับในแต่ละล็อต นี่ก็น่าจะเป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยให้เราป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของร้านค้าหรือบริษัทของเราได้วิธีหนึ่ง เมื่อพบว่าสินค้าล็อตนั้นๆมีปัญหา ให้รีบติดต่อโรงงานจีนเพื่อสอบถามและหาวิธีแก้ไขในทันที หากโรงงานจีนบ่ายเบี่ยง ผู้ประกอบการก็น่าจะค่อยๆหาวิธีการที่จะ Fade ตัวเองออกมาจากโรงงานนั้นแล้วไปหาโรงงานอื่นจะดีกว่าครับ
- เราต้องรู้จริงในสินค้านั้นๆทุกรายละเอียดของทุกขั้นตอนการผลิตและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต นี่ก็จะเป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่จะทำให้เราวินิจฉัยได้เพิ่มเติมมากขึ้นจากข้อแนะนำข้อแรกครับ เมื่อรู้ว่าสินค้ามีปัญหาเราจะรู้ได้ทันทีว่ามันมีปัญหาที่ตรงไหน ทำให้เรามีข้อมูลที่แข็งแรงมากขึ้นเพียงพอในการเจรจากับทางโรงงานครับ หากโรงงานบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ ผมแนะนำว่า ค่อยๆ Fade ตัวเองออกจากโรงงานไม่ดีเหล่านั้นแล้วไปหาโรงงานอื่นดีกว่าครับ
ทั้งนี้โรงงานในประเทศจีนไม่ใช่ว่าจะไม่ดีไปเสียทั้งหมด ที่ดีๆนั้นก็มีอยู่เพียงแต่โรงงานในประเทศจีนที่ขี้โกง จ้องเอารัดเอาเปรียบคนไทยลับหลังก็มีไม่น้อย กว่าจะลองผิดลองถูกหาโรงงานที่ดีจนเจอก็อาจต้องเสียเวลาสำหรับผู้ประกอบการไทยบางรายพอสมควร ในปัจจุบันได้มีบริษัทที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการสั่งสินค้าจากโรงงานในประเทศจีน ซึ่งอาจเป็นบริษัทที่เปิดอยู่ในประเทศจีนอยู่แล้ว บางบริษัทก็มาเปิดให้คำปรึกษาในไทยด้วย ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจครับ เผื่อจ่ายค่าปรึกษาครั้งเดียว แต่ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับโรงงานจีนที่ไม่ดีเหล่านั้นก็เป็นได้ครับ