หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

วัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะ V.2

เนื้อหาโดย MaYee

อุกาบาต

        สะเก็ดดาว (Meteoroids) เป็นวัตถุจากดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดเล็กกว่า 1 กิโลเมตร หลังจากนั้นเมื่อสะเก็ดดาวเข้าสู่บรรยากาศโลกและเสียดสีกับอากาศ มันจะถูกเรียกว่า "ดาวตก" หรือ "ผีพุ่งใต้" (Meteor หรือ Shooting star) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สามารถมองเห็นได้ในเวลากลางคืน เป็นทางยาว ดาวตกมีขนาดเล็กๆ เหมือนเม็ดทราย แต่มีความเร็วสูงประมาณ 40 - 70 กิโลเมตรต่อวินาที ทำให้มันเสียดสีกับอากาศและร้อนมากจนเผาไหม้ก่อนที่จะตกลงมาถึงพื้นผิวโลกได้.

   

        แต่ถ้าสะเก็ดดาวขนาดใหญ่กว่า 1 กิโลเมตรตกลงมา, มันอาจจะไม่เผาไหม้หมดในบรรยากาศ และจะเหลือชิ้นส่วนบางส่วนตกลงมาบนพื้นผิวโลก ชิ้นส่วนเหลือนี้ที่ตกลงมาเรียกว่า "อุกกาบาต" (Meteorite) และอาจทำให้เกิดหลุมที่เรียกว่า "หลุมอุกกาบาต" (Meteor crater) หากมีการพุ่งชนอย่างมีปริมาณของสะเก็ดดาวใหญ่. การศึกษาและการสำรวจหลุมอุกกาบาตที่เกิดขึ้นจากการชนของสะเก็ดดาวนี้ช่วยให้เข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติและสมัยก่อนของโลกและระบบสุริยะ.

        นอกจากอุกกาบาตจากสะเก็ดดาวเคราะห์น้อยแล้ว ยังมีอุกกาบาตบนพื้นโลกที่มาจากดวงจันทร์และดาวอังคาร ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อมีดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่พุ่งชนดวงจันทร์ของดาวอังคาร การชนกันนี้จะสร้างแรงระเบิดที่ทำให้สะเก็ดดาวกระเด็นขึ้นสู่อวกาศ โดยทำให้สะเก็ดดาวลอยออกจากดวงจันทร์และดาวอังคารและเข้าสู่อวกาศ ในช่วงนี้เมื่อโลกโคจรผ่านในทิศทางเดียวกัน แรงโน้มถ่วงของโลกจะดึงดูดสะเก็ดดาวนั้นมาที่พื้นโลก และถ้าสะเก็ดดาวลงบนพื้นผิวที่มีสีขาวเช่นแผ่นน้ำแข็ง นักวิทยาศาสตร์สามารถเก็บรวบรวมได้ง่าย 

                                                              เสริมเกร็ดความรู้

ฝนดาวตก

       ฝนดาวตกหมายถึง ปรากฏการณ์ท้องฟ้าที่น่าทึ่ง เมื่อดาวตกจำนวนมากพร้อมกันจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน ฝนดาวตกเกิดขึ้นเมื่อดาวหางโคจรรอบดวงอาทิตย์และปล่อยออกอนุภาคเป็นทางยาวในวงโคจร เราเรียกว่า "ธารอุกกาบาต" (Meteor stream)  ดาวหางที่ใหญ่และกำลังคุกรุ่นจะสร้างธารอุกกาบาตใหญ่ที่มีอนุภาคจำนวนมาก ในทางกลับกัน ดาวหางที่เล็กและเก่าแก่จะสร้างธารอุกกาบาตเล็กที่มีอนุภาคน้อยมาก

สิ่งสำคัญกับธารอุกกาบาตคือการป้องกัน

        มีความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของดาวหางและผลกระทบที่เกิดขึ้นบนโลก ดาวหางบางดวง เช่น ดาวหางฮัลเลย์ มีวงโคจรตัดกับวงโคจรของโลก ถ้าดาวหางผ่านมาพร้อมกับที่โลกโคจรเข้าไปพอไป ดาวหางจะชนโลกทำให้เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตบนโลก ดังเมื่อ 65 ล้านปีมาแล้ว ฝุ่นและแก๊สที่เกิดจากการระเบิดจะปกคลุมพื้นผิวของโลกนานหลายเดือนและทำให้พืชไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ส่งผลให้ระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารถูกทำลาย อย่างไรก็ตาม ถ้าหากโลกโคจรผ่านธารอุกกาบาตขณะที่ดาวหางผ่านไปเร็ว ฝนดาวตกจะมีจำนวนน้อยลงเพราะอนุภาคไม่มีเวลาเตรียมตัวเต็มที่ ดังนั้นการศึกษาและคาดการณ์ธารอุกกาบาตนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันปรากฏการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อโลกในอนาคต

        ฝนดาว เป็นปรากฏการณ์ทางฟ้าที่น่าทึ่งและน่าตื่นเต้นที่ผู้คนทั่วโลกเคยพบเห็นอย่างน้อยครั้งในชีวิต แต่ความรู้เกี่ยวกับมันอาจยังไม่ค่อยเข้าใจในระดับลึกลับมากนัก ในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับฝนดาวและวิธีการเรียกชื่อฝนดาวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนฟ้าโดยให้ความสำคัญกับความแตกต่างระหว่างฝนดาวและดาวตกทั่วไป คำว่า "ฝนดาว" นั้นอาจจะเป็นคำที่คุ้นเคยกันดี แต่มีความแตกต่างสำคัญจากดาวตกทั่วไป ดาวตกทั่วไปมักจะมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับฝนดาว โดยทั่วไปแล้ว ในแต่ละคืนเราอาจจะมองเห็นดาวตกไม่กี่ดวงเท่านั้น และดาวตกเหล่านี้ไม่ได้ตกลงมาจากจุดเดียวกันบนฟ้า คือมีดาวตกเราจะเห็นว่าแต่ละดาวตกลงมาในทิศทางที่แตกต่างกัน.

        แต่ในกรณีของฝนดาวตก จะพบว่ามีการตกลงมาของดาวที่หลายดวงในคืนเดียว อาจมีสิบดวง หรือแม้กระทั่งหลายหมื่นดวง ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของธารอุกกาบาต (Meteoroid Stream) ที่เกี่ยวข้อง. เมื่อดาวตกแต่ละดวงตกลงมาจากฟ้า เราสามารถลากเส้นย้อนกลับไปยังทิศทางที่ดาวตกแต่ละดวงตกลงมา และจะพบว่าเส้นทางเหล่านี้จะตัดกันที่บริเวณบางแห่งบนฟ้า ส่วนบริเวณที่เส้นทางเหล่านี้ตัดกันก็ถือเป็น "เรเดียนท์" (Radiant).

        นอกจากนี้ ฝนดาวตกยังมักถูกตั้งชื่อตามตำแหน่งของเรเดียนท์ในกลุ่มดาว ตัวอย่างเช่น ฝนดาวตกลีโอนิดส์ (Leonids) มีเรเดียนท์อยู่ในกลุ่มดาวสิงห์โต (Leo), ฝนดาวตกเจมินิดส์ (Geminids) มีเรเดียนท์อยู่ในกลุ่มดาวคนคู่ (Gemini), และฝนดาวตกโอไรออนิดส์ (Orionids) มีเรเดียนอยู่ในกลุ่มดาวนายพราน (Orion) ดังนั้น การตั้งชื่อของฝนดาวไม่เพียงแค่อ้างอิงถึงชื่อของดาวตกแต่ละดวง แต่ยังคำนึงถึงตำแหน่งของเรเดียนท์ในกลุ่มดาวด้วย เรื่องนี้ทำให้การตั้งชื่อเป็นสิ่งที่น่าสนใจและสื่อความหมายในทางทฤษฎีและทางวิทยาศาสตร์อีกด้วย.

สรุป

        ฝนดาวตกเกิดจากการดาวหางโคจรรอบดวงอาทิตย์และปล่อยออกอนุภาคเป็นทางยาวในวงโคจร ขนาดของดาวหางมีความสัมพันธ์กับจำนวนอนุภาคที่เกิดขึ้น การส่งผลกระทบบนโลกขึ้นอยู่กับการเข้าถึงของดาวหางและเวลาที่เกิดขึ้น การศึกษาและการคาดการณ์ธารอุกกาบาตเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันผลกระทบต่อโลกในอนาคต เราควรตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกและการเตรียมความพร้อมในกรณีของฝนดาวตกที่อาจมีผลกระทบที่มากขึ้นในอนาคตที่ไม่ใช่เพียงแค่สถานการณ์ท้องฟ้าที่น่าทึ่งแต่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตบนโลกได้อย่างน่าสงสาร

เนื้อหาโดย: MaYee
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
MaYee's profile


โพสท์โดย: MaYee
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: MaYee
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
หนุ่มสงสัย? ทำไมฝรั่งถึงไม่นิยมใส่ทองคำ และของมีค่าเวลาไปเที่ยว!!คอนเสิร์ต AREA 52 "แบมแบม" สุดยิ่งใหญ่ ราชมังแตกเลยจ้ารวมความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการอาบน้ำ บางอย่างเพื่อนๆอาจจะเข้าใจผิดอยู่ก็ได้นะ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เงินดิจิตอล 10,000 บาท ช้อปปิ้งอะไรคุ้ม? เตรียมตัวให้พร้อมก่อนใช้ฮือฮาทั้งโซเชียล พระเอกเกาหลีพูดชื่อเต็มกรุงเทพฯ ชัดมาก "Frankly Speaking พูดตรงๆ คงต้องรัก""แสวง" เลขาฯ กกต. ไม่ห้ามสื่อเสนอข่าว-จัดเวทีฯ ขู่จับตาดูผู้สมัคร ชี้ "ธนาธร" ทำได้ชวนลง สว."แจ็คแฟนฉัน" แจกพัดลมให้พี่น้องชาวไทย300ตัว
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เจ้าจอมคนสุดท้ายรัชกาลที่ 5เงินดิจิตอล 10,000 บาท ช้อปปิ้งอะไรคุ้ม? เตรียมตัวให้พร้อมก่อนใช้Google rewardsวิธีต้มไข่แบบประหยัดไฟและน้ำ"ฉบับญี่ปุ่น"
ตั้งกระทู้ใหม่