ดาวเคราะห์แคระ
ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีทางด้านกล้องโทรทรรศน์ได้ทำความก้าวหน้าอย่างมาก กล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่บนโลกได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีการส่งกล้องโทรทรรศน์ขึ้นอวกาศเพื่อให้ได้ภาพชัดและปลอดจากอุปสรรคทางอากาศ นอกจากนี้, กล้องโทรทรรศน์อินฟราเรดก็ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตรวจจับวัตถุขนาดเล็กที่มีอุณหภูมิต่ำ นี่เป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นที่สำคัญในการค้นพบวัตถุในแถบคอยเปอร์ที่มีขนาดใกล้เคียงกับดาวพลูโต เช่น เซนนา เอริส เซดนา และวารูนา เป็นต้น การค้นพบวัตถุเหล่านี้ได้เป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความเข้าใจของเราเกี่ยวกับระบบสุริยะของเราอย่างมาก
ในปี พ.ศ. 2549 สมาพันธ์ดาราศาสตร์สากล (International Astronomical Union) ได้ประกาศนิยามใหม่เกี่ยวกับดาวเคราะห์และวัตถุที่เกี่ยวข้อง นิยามเหล่านี้ได้รับการกำหนดใหม่เพื่อรวมรวมความรู้ใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับอวกาศและดาราศาสตร์ ทำให้เราสามารถมองความเป็นดาวเคราะห์ของวัตถุเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน ระบบสุริยะของเราถูกสร้างขึ้นด้วยดาวเคราะห์จำนวนมาก ๆ มากขึ้นจากที่เคยคิด เนื่องจากการค้นพบเหล่านี้และการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งขึ้น นี่เป็นบทเรียนที่ทำให้เราเข้าใจโลกและที่อยู่ของเราในจักรวาลอันกว้างไกลอย่างลึกซึ้งมากขึ้น การค้นพบใหม่นี้เป็นการขยายความรู้และความเข้าใจของเราเกี่ยวกับจักรวาลและอวกาศให้กว้างขึ้นอีกอย่างหนึ่ง
1. ดาวเคราะห์ (Planet)ดาวเคราะห์หมายถึง เทหวัตถุที่มีลักษณะดังต่อไปนี้:
- โคจรรอบดวงอาทิตย์
- มีมวลมากพอที่จะสร้างแรงโน้มถ่วงที่เพียงพอในการเอาชนะความแข็งของเนื้อดาว นั่นส่งผลให้ดาวมีรูปร่างที่เรียกว่า "สมดุลไฮโดรสแตติก" (hydrostatic equilibrium) เช่น ทรงกลมหรือเกือบทรงกลม
- มีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ที่ชัดเจน
- ไม่เป็นบริวารของดาวเคราะห์ดวงอื่น
2. ดาวเคราะห์แคระ (Dwarf Planet) ดาวเคราะห์แคระหมายถึง เทหวัตถุที่มีลักษณะดังต่อไปนี้:
- โคจรรอบดวงอาทิตย์
- มีมวลมากพอที่จะสร้างแรงโน้มถ่วงที่เพียงพอในการเอาชนะความแข็งของเนื้อดาว นั่นส่งผลให้ดาวมีรูปร่างที่เรียกว่า "สมดุลไฮโดรสแตติก" (hydrostatic equilibrium) เช่น ทรงกลมหรือเกือบทรงกลม
- มีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ที่ไม่ชัดเจน
- ไม่เป็นบริวารของดาวเคราะห์ดวงอื่น
3. วัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะ (Small Solar-System Bodies)
วัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะหมายถึง เทหวัตถุที่ไม่ตรงตามคุณสมบัติด้านขนาดและการโคจรของดาวเคราะห์หรือดาวเคราะห์แคระ ซึ่งอาจรวมถึงดาวหาง (comets) และดาวตก (asteroids) รวมถึงวัตถุอื่น ๆ ที่อาจอยู่นอกเหนือจากที่ได้กล่าวถึงในบทความนี้
โดยสรุปแล้ว ดาวเคราะห์มีคุณสมบัติเป็นดาวที่แตกต่างจากดาวเคราะห์แคระและวัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะในเรื่องของความชัดเจนในวงโคจรรอบดวงอาทิตย์และการเป็นบริวารของดาวเคราะห์ดวงอื่น และมีรูปร่างที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงให้เป็นสมดุลไฮโดรสแตติก (hydrostatic equilibrium) ในขณะที่วัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ในระดับเดียวกันกับดาวเคราะห์และดาวเคราะห์แคระทั้งสอง แต่มีลักษณะอื่น ๆ ที่แตกต่างออกไปซึ่งอาจรวมถึงดาวหางและดาวตกอื่น ๆ ในระบบสุริยะเช่นกันและเป็นสิ่งที่น่าสนใจในการศึกษาความหลากหลายในอวกาศ.
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดาวพลูโต ถูกลดระดับให้เป็นดาวเคราะห์แคระ เนื่องจากมีวงโคจรเป็นรูปวงรีบางส่วน ซ้อนทับวงโคจรของดาวเนปจูน ส่วนดาวเคราะห์น้อยที่ใหญ่ที่สุดคือดาวซีรีสถูกยกระดับให้เป็นดาวเคราะห์แคระ เพราะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีรูปร่างทรงกลม
หากพิจารณาดูเรื่องนี้อย่างละเอียด จะพบว่ามี 2 ประเภทของดาวเคราะห์แคระตามนิยามใหม่ ดังนี้:
-
ดาวเคราะห์แคระที่เป็นดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ เช่น ซีรีส เวสตา และพัลลาส มีวงโคจรอยู่ในแถบเข็มขัดของดาวเคราะห์น้อย ระหว่างวงโคจรของดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี คุณลักษณะเฉพาะของดาวเคราะห์แคระประเภทนี้คือขนาดใหญ่และอยู่ในแถบโคจรที่เข้มข้นและเข้าใกล้ดาวใหญ่ทั้งสองดาวเหล่านี้.
-
ดาวเคราะห์แคระที่เป็นวัตถุไคเปอร์ซึ่งถูกค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ มีขนาดใกล้เคียงกับดาวพลูโต และมีวงโคจรถัดจากดาวเนปจูนออกไป. การค้นพบดาวเคราะห์แคระประเภทนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจและเปิดโอกาสให้เราศึกษาและเข้าใจดาวเคราะห์ในระบบสุริยะอย่างลึกซึ้งมากขึ้น.
ในทางที่สนับสนุนการวิจัยดาวเคราะห์แคระและทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะที่แตกต่างกันระหว่างประเภทของดาวเคราะห์แคระทั้งสอง นี่เป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับการศึกษาและการวิจัยดาวเคราะห์ในอวกาศ.