หอมแดงหอมแขกต่างกันอย่างไร ?
หอมแดง หอมแขก สรรพคุณและประโยชน์เหมือนกัน ต่างกันที่อะไร
หอมแดงและหอมแขกเป็นพืชผักชนิดหนึ่งทีมีรสฉุน นิยมนำมาประกอบอาหารต่างๆ มากมาย ทั้งสองชนิดมีสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างที่สำคัญคือลักษณะภายนอกและรสชาติ
ลักษณะภายนอก
หอมแดงมีหัวขนาดเล็กกว่า เปลือกสีขาวหรือสีม่วง กลีบภายในมีสีขาวหรือสีม่วง และรสชาติเผ็ดร้อน ส่วนหอมแขกมีหัวขนาดใหญ่กว่า เปลือกสีแดงหรือสีแดงเข้ม กลีบภายในมีสีม่วงแดง และรสชาติเผ็ดร้อนน้อยกว่ามาก
ลักษณะ | หอมแดง | หอมแขก |
---|---|---|
หัว | หัวทรงกลมหรือทรงรี เปลือกสีขาวหรือสีม่วง | หัวกลมใหญ่ เปลือกสีแดงหรือสีแดงเข้ม |
กลีบ | กลีบภายในมีสีขาวหรือสีม่วง | กลีบภายในมีสีม่วงแดง |
กลิ่น | กลิ่นฉุนมาก | กลิ่นฉุนน้อยกว่ามาก |
รสชาติ | รสชาติเผ็ดร้อน | รสชาติเผ็ดร้อนน้อยกว่ามาก |
คุณลักษณะทางเคมีของหอมแขก
หอมแขกมีสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ดังนี้
- วิตามินซี
- วิตามินบี1
- วิตามินบี2
- วิตามินบี3
- วิตามินบี6
- วิตามินอี
- วิตามินเค
- แคลเซียม
- ฟอสฟอรัส
- โพแทสเซียม
- โซเดียม
- แมกนีเซียม
- เหล็ก
- ทองแดง
- สังกะสี
- สารเควอซิทิน
- สารอัลลิลิกไดซัลไฟด์
- สารฟลาโวนอยด์
- สารแอนติออกซิแดนท์
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
หอมแดงและหอมแขกมีสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเหมือนกัน ดังนี้
- ช่วยบำรุงสมอง หอมแดงและหอมแขกมีสารเควอซิทิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติช่วยป้องกันเซลล์สมองเสื่อมและช่วยชะลอความแก่ของเซลล์สมอง
- ช่วยป้องกันโรคหัวใจ หอมแดงและหอมแขกมีสารอัลลิลิกไดซัลไฟด์ ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง หอมแดงและหอมแขกมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น เควอซิทิน ฟลาโวนอยด์ และแอนติออกซิแดนท์ มีคุณสมบัติช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ซึ่งอนุมูลอิสระเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งหลายชนิด
- ช่วยย่อยอาหาร หอมแดงและหอมแขกมีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้และช่วยให้อาหารย่อยได้ง่ายขึ้น
- ช่วยขับลม หอมแดงและหอมแขกมีฤทธิ์ช่วยขับลมและช่วยบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
- ช่วยรักษาโรคหวัด หอมแดงและหอมแขกมีน้ำมันหอมระเหยที่มีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อและลดการอักเสบ จึงช่วยบรรเทาอาการหวัดและคัดจมูกได้
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ หอมแดงและหอมแขกมีวิตามินซีสูง จึงช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
ความแตกต่างด้านสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ
นอกจากลักษณะภายนอกและรสชาติที่แตกต่างกันแล้ว หอมแขกยังมีสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระบางชนิดที่หอมแดงไม่มี เช่น เบตาแคโรทีน ลูทีน และซีแซนทีน ซึ่งสารเหล่านี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตา
วิธีรับประทานหอมแดงและหอมแขกให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด
วิธีรับประทานหอมแดงและหอมแขกให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด คือ รับประทานสดๆ หรือนำไปปรุงอาหารแบบไม่ผ่านความร้อนมากเกินไป เนื่องจากความร้อนอาจทำลายสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระในหอมแดงและหอมแขกได้
เมนูอาหารที่ใช้หอมแดงและหอมแขก เช่น สลัด ยำ ลาบ แกง ทอด ย่าง ฯลฯ
หอมแดงและหอมแขกเป็นพืชผักที่รับประทานได้ทั่วไป แต่ก็มีบางข้อควรระวังในการรับประทาน ดังนี้
- ไม่ควรรับประทานมากเกินไป การรับประทานหอมแดงและหอมแขกมากเกินไปอาจทำให้มีอาการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น
- ไม่ควรรับประทานหากมีอาการแพ้ บางคนอาจมีอาการแพ้หอมแดงและหอมแขก เช่น ผื่นคัน บวม หายใจลำบาก เป็นต้น หากมีอาการแพ้ควรหยุดรับประทานทันที
- ไม่ควรรับประทานหากมีปัญหาสุขภาพบางประการ ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหาร โรคกรดไหลย้อน และโรคตับ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานหอมแดงและหอมแขก เนื่องจากสารเคมีในหอมแดงและหอมแขกอาจทำให้อาการของโรคเหล่านี้รุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ หอมแดงและหอมแขกมีสารเคมีบางชนิดที่อาจทำให้ระคายเคืองต่อดวงตาและผิวหนังได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำตาหรือน้ำมูกที่ปนเปื้อนด้วยสารเคมีจากหอมแดงและหอมแขก
โดยสรุป หอมแดงและหอมกเป็นผักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมและระวังอาการแพ้หากมีประวัติแพ้พืชผักชนิดนี้
อ้างอิงจาก: เว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข
เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย
เว็บไซต์ของสมาคมโภชนาการ
เว็บไซต์ของสถาบันวิจัย
หนังสือวิชาการ
วารสารวิชาการ