เหตุผลในการขอสินเชื่อ สัญญาณเตือนว่าถึงเวลาต้องการเงินก้อน
เหตุผลในการขอสินเชื่อ สัญญาณเตือนว่าถึงเวลาต้องการเงินก้อน
อยากรู้ไหม เหตุผลใดที่ทำให้คนส่วนใหญ่ขอสินเชื่อ
ถึงเวลาแล้วหรือยังกับการขอสินเชื่อ ตัวช่วยในยามจำเป็นเรื่องการใช้จ่าย ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องการใช้จ่ายต่าง ๆ นั้นไม่เข้าใครออกใคร แต่ละคนมีความจำเป็นเรื่องของการเงินแตกต่างกัน หลายคนอาจคุ้นเคยกับประโยคที่ว่าการไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ แต่เมื่อถึงยามจำเป็นในเรื่องของค่าใช่จ่ายสำคัญที่เกิดขึ้น และจำเป็นต้องใช้เงินก้อน อาจทำให้เริ่มมองหาตัวช่วยทางด้ายการใช้จ่าย ส่วนจะมีสาเหตุใดบ้างที่เป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาต้องยื่นขอสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อการเงินก้อนมาเสริมสภาพคล่อง
เหตุผลที่ต้องขอสินเชื่อธนาคาร ตัวช่วยทางการเงินที่ไม่ควรมองข้าม
ขาดสภาพคล่องทางการการใช้จ่าย
1. ค่าใช้จ่ายฉุกเฉินในการรักษาพยาบาล
ค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินจำนวนค่อนข้างมากคือ ค่ารักษาพยาบาล ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันการรักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับทางด้านการแพทย์นั้นมีราคาที่สูงขึ้น ถึงแม้จะมีสิทธิต่าง ๆ เข้ามาช่วยดูแลแต่ในบางครั้งอาจไม่เพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาลที่ต่อเนื่อง หรือการรักษาครั้งใหญ่ไปจนถึงการรักษาที่อยู่นอกเหนือสิทธิที่ได้รับ อีกทั้งเรื่องของการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุฉุกเฉินถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นเมื่อถึงยามจำเป็นที่ต้องมองหาเงินก้อนไปไว้ใช้จ่ายในเรื่องของค่าพยาบาลการขอสินเชื่อเงินด่วนต่าง ๆ จึงตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
2. เสริมสภาพคล่องทางการใช้จ่าย
ในบางครั้งหลายคนอาจพบเจอสถานการณ์ที่ต้องใช่เงินแบบฉุกเฉินหรือขาดสภาพคล่องทางด้านการใช้จ่าย เช่น มีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายเกินงบประมาณที่วางไว้ สภาพเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ข้าวของแพง ธุรกิจไม่ราบรื่น ทำให้ต้องมองหาเงินก้อนเข้ามาเสริมสภาพคล่องทางด้านการใช้จ่าย ถือเป็นอีกหนึ่งวงเงินสำรองในยามจำเป็น
3. เพิ่มโอกาสทางการศึกษา
หลายคนมีภาระจำเป็นแตกต่างกันหนึ่งในนั้นคือเรื่องการศึกษาของบุตรหลานหรือของตนเอง ที่ยิ่งเรียนสูงขึ้นค่าใช้จ่ายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นในยามจำเป็นกับเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษา เช่น ค่าเทอม ค่าอุปกรณ์การเรียน หรือค่าใช้จ่ายที่สามารถต่อยอดทางการศึกษาได้ ที่อาจต้องใช้จ่ายเป็นเงินก้อนจำนวนหนึ่งจึงกลายมาเป็นเหตุผลที่หลายคนตัดสินใจเลือกขอสินเชื่อนั่นเอง
4. เริ่มต้นหรือหมุนเวียนในการทำธุรกิจ
เหตุผลหลักที่หลายคนเลือกมองหาผลิตภัณฑ์ทางการเงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน ในการนำมาลงทุนในธุรกิจ ต่อยอดจากธุรกิจเดิม เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรหรือการหมุนเวียนในธุรกิจเพื่อให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าในทุกธุรกิจย่อมต้องมีการลงทุน คุณต้องมีเงินสำรองไว้สำหรับซัพพอร์ตธุรกิจของคุณอยู่เสมอ ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าการขอสินเชื่อถือเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับการทำธุรกิจไม่น้อย
5. ต่อเติมบ้านหรือที่อยู่อาศัย
บ้านหรือที่อยู่อาศัยสิ่งสำคัญที่มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ การซ่อมแซมบ้าน หรือการต่อเติมบ้านให้เหมาะกับผู้อยู่อาศัย เช่น การต่อเติมครัว การต่อเติมห้องนอนสำหรับเด็ก การต่อเติมห้องนอน หรือติดตั้งอุปกรณ์สำหรับเป็นตัวช่วยให้แก่ผู้สูงอายุ ในการต่อเติมบ้านแต่ละครั้งคุณอาจต้องมีวงเงินสำรองอยู่ประมาณหนึ่ง เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายที่อาจเกินงบประมาณที่วางไว้ อย่างที่ทราบกันดีว่าการต่อเติมบ้านแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นการขอสินเชื่อจึงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยม
6. นำไปชำระหนี้
อีกหนึ่งเหตุผลหลักที่หลายคนนิยมเลือกขอสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน คือ การนำวงเงินที่ได้รับอนุมัติไปใช้หนี้อื่น ๆ เพื่อให้เหลือยอดหนี้เพียงยอดเดียว ทั้งยังไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหลายต่อ นอกจากนี้วงเงินที่เหลือจากการชำระหนี้แล้วยังสามารถนำมาใช้เป็นเงินสำรองไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉินได้อีกด้วย
ขอสินเชื่อที่ไหนดี
สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาการปล่อยสินเชื่อของธนาคารและสถาบันการเงินที่ผู้กู้ควรรู้ก่อน มีดังนี้
- สถานะของบัญชีธนาคาร หลักเกณฑ์สำคัญอันดับแรกที่ธนาคารจะพิจารณาปล่อยกู้ให้หรือไม่ก็คือเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ ซึ่งก็คือดูจากรายได้นั่นเอง เอกสารที่ธนาคารจะพิจารณาเรื่องรายได้ก็คือบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่สามารถเห็นได้ทั้งจำนวนเงินรายได้และความสม่ำเสมอของรายได้ที่เข้ามา บัญชีธนาคารที่มีเงินหมุนเวียนเข้าออกเป็นสิ่งที่แสดงถึงศักยภาพในการหารายได้ของผู้กู้ได้ดีที่สุด
- ความน่าเชื่อถือของผู้กู้ ธนาคารจะดูว่าผู้กู้มีความน่าเชื่อถือหรือไม่จากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น รายได้ อาชีพ และสถานภาพ ถ้าเป็นเจ้าของกิจการก็จะดูจากอุปนิสัย ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจที่ผ่านมา ความซื่อสัตย์และตั้งใจจริงที่จะดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงเรื่องนโยบายและประวัติในการชำระหนี้ด้วย
- ติดแบล็กลิสต์หรือไม่ ประวัติในการชำระหนี้ที่ผ่านมาของผู้กู้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ธนาคารจะพิจารณาว่าจะอนุมัติเงินกู้ให้หรือไม่ ถ้ามีประวัติติดแบล็กลิสต์หรือมีประวัติค้างชำระหนี้ ธนาคารก็อาจปฏิเสธเงินกู้ของเราด้วยเหตุผลนี้ได้ทันที
- อายุและประวัติการทำงาน ธนาคารจะกำหนดเกณฑ์อายุในการสมัครสินเชื่อไว้อย่างชัดเจน เช่น ผู้กู้ต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และต้องมีอายุไม่เกินกว่า 60 ปีเมื่อรวมระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้แล้ว ประวัติการทำงานก็สำคัญ เพราะธนาคารมักดูว่าอาชีพที่ผู้กู้ทำอยู่นั้นเป็นหลักแหล่งและมั่นคงหรือไม่ ดังนั้นก่อนทำการกู้ ผู้กู้ควรพิจารณาด้วยตัวเองก่อนว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดไว้หรือไม่
แน่นอนว่าผู้ขอสินเชื่อหรือผู้กู้ทุกคนก็ย่อมอยากให้ธนาคารอนุมัติเงินกู้ให้ทั้งนั้น สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่เราจะสร้างเครดิตการเงินที่ดีได้อย่างไร เพื่อขอสินเชื่อให้ผ่านฉลุย เรามีคำแนะนำ ดังนี้ค่ะ
- บัญชีมีหลักฐานมายาวนาน บัญชีเงินฝากธนาคารที่แสดงถึงรายได้เป็นสิ่งสำคัญที่ธนาคารจะพิจารณา ยิ่งมีเงินรายได้เข้าสม่ำเสมอและยาวนานก็ยิ่งมีโอกาสได้รับอนุมัติมากขึ้น พนักงานประจำหรือผู้ที่รับรายได้ผ่านบัญชีเงินเดือนมักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้ แต่ถ้ามีรายได้เป็นเงินสดหรือเป็นเจ้าของกิจการ ควรต้องนำเงินรายได้เข้าบัญชีเป็นประจำก่อนเบิกถอนออกไปใช้จ่าย เพื่อให้มีหลักฐานเป็นบัญชีหมุนเวียนแสดงรายได้เมื่อต้องการกู้นั่นเอง
- ทำงานมั่นคงไม่เปลี่ยนงานบ่อย หลายธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้กู้ที่มีอายุงานน้อยกว่า 6 เดือน เพราะมองว่าอาชีพและรายได้ยังไม่มั่นคงเพียงพอ คนที่ชอบเปลี่ยนงานบ่อย ๆ อาจไม่รู้ว่าวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่เราต้องกู้เงิน ประวัติการทำงานของเรานี่แหละที่ธนาคารจะใช้ในการพิจารณาด้วย และเราอาจไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้เพราะเปลี่ยนงานบ่อย
- มีประวัติผ่อนบ้าง คนที่ไม่เคยเป็นหนี้เลย ธนาคารก็ไม่มีประวัติการชำระหนี้ให้ตรวจสอบ ทำให้อาจเกิดความลังเลในการปล่อยสินเชื่อให้ได้ แต่หากผู้กู้มีประวัติในการใช้บัตรเครดิต ใช้บัตรผ่อนสินค้า หรือผ่อนรถยนต์อยู่ และมีประวัติในการชำระหนี้ที่ดีมาตลอด โอกาสที่ธนาคารจะอนุมัติเงินกู้ให้ก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย
- ไม่มีหนี้ก้อนใหญ่ ภาระหนี้เป็นอีกเรื่องที่ธนาคารจะต้องดู หากเรามีหนี้ก้อนใหญ่ เช่น หนี้บ้านที่ต้องจ่ายทุกเดือน ธนาคารอาจปฏิเสธคำขอสินเชื่อเพราะกังวลถึงความสามารถในชำระหนี้ที่มีมากในอนาคตได้ ดังนั้นถ้าอยากได้รับอนุมัติสินเชื่อก็ต้องแน่ใจว่าเราไม่มีหนี้ก้อนใหญ่ที่เป็นภาระอยู่ด้วย
- หมั่นเช็คเครดิตตัวเอง ผู้กู้ควรหมั่นเช็คเครดิตของตัวเองอยู่เสมอ หากต้องการให้ธนาคารอนุมัติเงินกู้ต้องมั่นใจว่าไม่มีประวัติค้างชำระหนี้ในช่วง 6 เดือนล่าสุดก่อนทำการกู้
ถ้าเรายังกังวลว่าจะไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อนำเงินมาใช้ตามความจำเป็นได้ กลัวว่าธนาคารจะไม่อนุมัติแล้วต้องรอนานอีก 6 เดือนกว่าจะยื่นเรื่องได้ใหม่ งั้นลองมาเตรียมตัวให้พร้อมด้วยการสร้างเครดิตให้ดีก่อนการกู้เงิน เช่น ชำระค่าบัตรเครดิต/ หนี้ ให้ตรงเวลา , ควบคุมสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ประจำ แต่บางคนเลือกจ่ายขั้นต่ำของบัตรเครดิตเพื่อรักษาประวัติ อาจจะพบปัญหาดอกเบี้ยแพงถึงร้อยละ 18% ขึ้นไป
สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อประกอบการยื่นขอสินเชื่อ มีรายละเอียดดังนี้
- สำเนาบัตรประชาชน (กรณีใช้สำเนาบัตรข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจให้แนบสำเนาทะเบียนบ้านด้วย)
- สำเนาสมุดเงินฝากบัญชีออมทรัพย์หน้าแรก เพื่อใช้โอนเงินกู้
- กรณีเป็นพนักงานประจำ ให้เตรียมเอกสารแสดงรายได้ อย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้
- สลิปเงินเดือนตัวจริง ย้อนหลังไม่เกิน 2 เดือน และสำเนาบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
- สลิปเงินเดือนที่พิมพ์จากคอมพิวเตอร์เดือนล่าสุด และสำเนาบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
- หนังสือรับรองเงินเดือนตัวจริง ย้อนหลังไม่เกิน 2 เดือน และสำเนาบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน