บล็อกเชนคืออะไร ? ทำไมต้องใช้
เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain)
เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) คือเทคโนโลยีการบันทึกข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Distributed Ledger Technology: DLT) โดยข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้ในบล็อก (Block) ที่เชื่อมโยงกันในรูปแบบของห่วงโซ่ (Chain) ข้อมูลในบล็อกแต่ละบล็อกจะประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลธุรกรรม ข้อมูลเวลา และข้อมูลการเข้ารหัส ข้อมูลทั้งหมดจะถูกบันทึกและตรวจสอบโดยคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่าย จึงทำให้ข้อมูลมีความโปร่งใสและเชื่อถือได้
เทคโนโลยีบล็อกเชนมีจุดเด่นที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่
- ความโปร่งใส: ข้อมูลทั้งหมดในบล็อกเชนจะเปิดให้ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ ทำให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องและที่มาของข้อมูลได้
- ความน่าเชื่อถือ: ข้อมูลในบล็อกเชนจะถูกบันทึกและตรวจสอบโดยคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่าย ทำให้ยากต่อการแก้ไขหรือปลอมแปลงข้อมูล
- ความปลอดภัย: ข้อมูลในบล็อกเชนจะถูกเข้ารหัสด้วยระบบการเข้ารหัสลับ ทำให้ยากต่อการเข้าถึงและแก้ไขข้อมูลโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต
เทคโนโลยีบล็อกเชนมีศักยภาพที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น
- การเงิน: ใช้ในการบันทึกข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน เช่น การโอนเงิน การลงทุน การทำธุรกรรมซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
- ห่วงโซ่อุปทาน: ใช้ในการติดตามข้อมูลสินค้าและบริการตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
- สุขภาพ: ใช้ในการเก็บข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล เช่น ประวัติการรักษา ผลการวินิจฉัย และประวัติการแพ้ยา
- รัฐบาล: ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลทะเบียนราษฎร ข้อมูลทรัพย์สิน และข้อมูลอื่นๆ ของภาครัฐ
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีบล็อกเชนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการประยุกต์ใช้ แต่มีแนวโน้มที่จะได้รับการพัฒนาและนำมาใช้อย่างแพร่หลายในอนาคต
ล็อกเชนมีความสำคัญเนื่องจากมีศักยภาพที่จะปฏิวัติวิธีการที่เราทำงานและใช้ชีวิตในหลากหลายอุตสาหกรรม เทคโนโลยีบล็อกเชนมีจุดเด่นที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่
- ความโปร่งใส: ข้อมูลทั้งหมดในบล็อกเชนจะเปิดให้ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ ทำให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องและที่มาของข้อมูลได้
- ความน่าเชื่อถือ: ข้อมูลในบล็อกเชนจะถูกบันทึกและตรวจสอบโดยคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่าย ทำให้ยากต่อการแก้ไขหรือปลอมแปลงข้อมูล
- ความปลอดภัย: ข้อมูลในบล็อกเชนจะถูกเข้ารหัสด้วยระบบการเข้ารหัสลับ ทำให้ยากต่อการเข้าถึงและแก้ไขข้อมูลโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต
จุดเด่นเหล่านี้ทำให้บล็อกเชนมีศักยภาพที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น
- การเงิน: ใช้ในการบันทึกข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน เช่น การโอนเงิน การลงทุน การทำธุรกรรมซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
- ห่วงโซ่อุปทาน: ใช้ในการติดตามข้อมูลสินค้าและบริการตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
- สุขภาพ: ใช้ในการเก็บข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล เช่น ประวัติการรักษา ผลการวินิจฉัย และประวัติการแพ้ยา
- รัฐบาล: ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลทะเบียนราษฎร ข้อมูลทรัพย์สิน และข้อมูลอื่นๆ ของภาครัฐ
ตัวอย่างเฉพาะบางส่วนของวิธีที่บล็อกเชนสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อปรับปรุงความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยในอุตสาหกรรมต่างๆ
- การเงิน: บล็อกเชนสามารถใช้ในการปรับปรุงความโปร่งใสของธุรกรรมทางการเงิน เช่น การโอนเงินระหว่างประเทศ การระดมทุนแบบคราวด์ฟันดิง การทำธุรกรรมซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นต้น
- ห่วงโซ่อุปทาน: บล็อกเชนสามารถใช้ในการติดตามข้อมูลสินค้าและบริการตลอดห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของห่วงโซ่อุปทาน
- สุขภาพ: บล็อกเชนสามารถใช้ในการเก็บข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมข้อมูลสุขภาพของตนเองได้อย่างปลอดภัย
- รัฐบาล: บล็อกเชนสามารถใช้ในการจัดเก็บข้อมูลทะเบียนราษฎร ข้อมูลทรัพย์สิน และข้อมูลอื่นๆ ของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของข้อมูลภาครัฐ
เทคโนโลยีบล็อกเชนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการประยุกต์ใช้ แต่มีแนวโน้มที่จะได้รับการพัฒนาและนำมาใช้อย่างแพร่หลายในอนาคต บล็อกเชนมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการที่เราทำงานและใช้ชีวิตในหลากหลายอุตสาหกรรม
โคงการเงินดิจิตอล (Cryptocurrency) จำเป็นต้องใช้บล็อกเชนเพราะบล็อกเชนช่วยให้โคงการเงินดิจิตอลมีความโปร่งใส ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ
บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีการบันทึกข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Distributed Ledger Technology: DLT) โดยข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้ในบล็อก (Block) ที่เชื่อมโยงกันในรูปแบบของห่วงโซ่ (Chain) ข้อมูลในบล็อกแต่ละบล็อกจะประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลธุรกรรม ข้อมูลเวลา และข้อมูลการเข้ารหัส ข้อมูลทั้งหมดจะถูกบันทึกและตรวจสอบโดยคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่าย จึงทำให้ข้อมูลมีความโปร่งใสและเชื่อถือได้
สำหรับโคงการเงินดิจิตอล บล็อกเชนมีประโยชน์ดังต่อไปนี้
- ความโปร่งใส: ข้อมูลธุรกรรมของโคงการเงินดิจิตอลทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้ในบล็อกเชน ทำให้ทุกคนสามารถตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมได้
- ความปลอดภัย: ข้อมูลธุรกรรมของโคงการเงินดิจิตอลจะถูกเข้ารหัสด้วยระบบการเข้ารหัสลับ ทำให้ยากต่อการปลอมแปลงหรือแก้ไขข้อมูล
- ความน่าเชื่อถือ: ข้อมูลธุรกรรมของโคงการเงินดิจิตอลจะถูกบันทึกและตรวจสอบโดยคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่าย ทำให้ยากต่อการฉ้อโกงหรือทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ บล็อกเชนยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการธุรกรรมของโคงการเงินดิจิตอล เนื่องจากไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการดำเนินการธุรกรรม เช่น ธนาคารหรือสถาบันการเงิน
ดังนั้น โคงการเงินดิจิตอลจำเป็นต้องใช้บล็อกเชนเพื่อให้มีความโปร่งใส ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ ส่งผลให้โคงการเงินดิจิตอลมีศักยภาพที่จะปฏิวัติระบบการเงินแบบเดิม
บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพที่จะปฏิวัติวิธีการที่เราทำงานและใช้ชีวิตในหลากหลายอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม บล็อกเชนยังมีข้อเสียบางประการที่ต้องพิจารณาก่อนนำไปใช้
ข้อเสียของบล็อกเชน ได้แก่
- ประสิทธิภาพ: บล็อกเชนอาจมีประสิทธิภาพต่ำในการประมวลผลธุรกรรมจำนวนมาก เนื่องจากต้องตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมโดยคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่าย
- การใช้พลังงาน: บล็อกเชนต้องใช้พลังงานในการประมวลผลธุรกรรมจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ความปลอดภัย: บล็อกเชนอาจถูกโจมตีด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การโจมตีแบบ 51% หรือการใช้พลังการประมวลผลสูงเพื่อควบคุมเครือข่าย
- ความเป็นส่วนตัว: ข้อมูลในบล็อกเชนนั้นมีความโปร่งใส ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้อาจถูกเปิดเผยได้
- ความซับซ้อน: บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อน ซึ่งอาจทำให้ยากต่อการเข้าใจและนำไปใช้
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างเฉพาะบางส่วนของข้อเสียของบล็อกเชน
- ประสิทธิภาพ: บล็อกเชนอาจมีประสิทธิภาพต่ำในการประมวลผลธุรกรรมจำนวนมาก เช่น การโอนเงินระหว่างประเทศ การระดมทุนแบบคราวด์ฟันดิง การทำธุรกรรมซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นต้น
- การใช้พลังงาน: บล็อกเชนต้องใช้พลังงานในการประมวลผลธุรกรรมจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ภาวะโลกร้อน
- ความปลอดภัย: บล็อกเชนอาจถูกโจมตีด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การโจมตีแบบ 51% ซึ่งอาจทำให้เครือข่ายล่มได้ หรือการใช้พลังการประมวลผลสูงเพื่อควบคุมเครือข่าย ซึ่งอาจทำให้เครือข่ายถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมาย
- ความเป็นส่วนตัว: ข้อมูลในบล็อกเชนนั้นมีความโปร่งใส ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้อาจถูกเปิดเผยได้ เช่น ประวัติการทำธุรกรรมทางการเงิน
- ความซับซ้อน: บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อน ซึ่งอาจทำให้ยากต่อการเข้าใจและนำไปใช้ เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชันบนบล็อกเชน
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีบล็อกเชนยังอยู่ในช่วงพัฒนา และมีความเป็นไปได้ที่ข้อเสียเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขหรือปรับปรุงในอนาคต
ความพร้อมของคนไทยในการใช้บล็อกเชนนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ระดับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบล็อกเชน ทัศนคติที่มีต่อเทคโนโลยีใหม่ และความสะดวกในการใช้งาน
จากการศึกษาของศูนย์วิจัยกสิกรไทยในปี 2565 พบว่าคนไทยส่วนใหญ่มีความเข้าใจเกี่ยวกับบล็อกเชนในระดับปานกลาง ส่วนใหญ่มองว่าบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพที่จะปฏิวัติระบบต่างๆ ในโลก แต่ยังมีบางส่วนที่กังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของบล็อกเชน เช่น ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และต้นทุนในการดำเนินการ
นอกจากนี้ คนไทยยังมองว่าบล็อกเชนยังไม่สะดวกในการใช้งานมากนัก เนื่องจากต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในระดับหนึ่ง และไม่สามารถใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท
อย่างไรก็ตาม คนไทยมีความสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับบล็อกเชนมากขึ้น โดย 40% ของคนไทยระบุว่าต้องการที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับบล็อกเชน และ 20% ของคนไทยระบุว่าต้องการที่จะลงทุนในบล็อกเชน
โดยรวมแล้ว คนไทยมีความพร้อมที่จะใช้บล็อกเชนในระดับหนึ่ง แต่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาความรู้ความเข้าใจ และปรับปรุงความสะดวกในการใช้งาน เพื่อให้บล็อกเชนสามารถแพร่หลายในสังคมไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ต่อไปนี้เป็นปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมความพร้อมของคนไทยในการใช้บล็อกเชน
- การส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบล็อกเชน: ภาครัฐและภาคเอกชนควรส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบล็อกเชนให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าใจถึงประโยชน์และความเสี่ยงของบล็อกเชนได้อย่างถูกต้อง
- การพัฒนาแอปพลิเคชันบนบล็อกเชนที่ใช้งานง่าย: การพัฒนาแอปพลิเคชันบนบล็อกเชนที่ใช้งานง่ายจะช่วยให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงและใช้งานบล็อกเชนได้สะดวกยิ่งขึ้น
- การสนับสนุนจากภาครัฐ: ภาครัฐควรสนับสนุนการพัฒนาและการนำบล็อกเชนมาใช้อย่างแพร่หลายในสังคมไทย เพื่อให้บล็อกเชนสามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
หากปัจจัยเหล่านี้ได้รับการส่งเสริมอย่างเหมาะสมแล้ว ประเทศไทยจะมีความพร้อมที่จะใช้บล็อกเชนอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
PixNapping ภัยคุกคามใหม่สำหรับ Android ที่ 'ลึก' กว่าเดิม ขโมยข้อมูลได้แม้กระทั่งในอดีต!
X Processor 5 ในร่างเล็ก พลัง AF และ Video ที่มาพร้อมกับ Fujifilm X-T30 III
หลุดพ้นจากภาระ Fujifilm XF 23mm F2.8 R WR เลนส์ที่เบาจนคุณแทบไม่รู้สึกว่าพกอยู่
ฟีเจอร์ใหม่จาก LINE ยกเลิกข้อความแบบเนียน ๆ ไม่ส่งแจ้งเตือนถึงอีกฝั่ง .


