คนรุ่นใหม่กับคนรุ่นที่ใหม่กว่า...อะไรที่เปลี่ยนไป?
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (เกิด 3 สิงหาคม พ.ศ. 2507) นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 27 ดำรงตำแหน่ง 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 – 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554 (2 ปี 231 วัน) ขณะเป็นนายกฯ อายุ 44 ปี ถือเป็นคนรุ่นใหม่และเป็นนายกฯในขณะที่มีอายุน้อยเป็นอันดับที่ 6 ของประเทศไทย
ก่อนเป็นนายกฯนายอภิสิทธิ์ เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล ชวน หลีกภัย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร 3 สมัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 9 สมัย สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ครั้งอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯนั้นถือเป็นคนรุ่นใหม่ ในระหว่างนั้นมีคำที่ใช้บ่อย จนถือว่าเป็นปรากฏการณ์ในสังคม คือ คำว่า "จิตอาสา"
“จิตอาสา” จึงหมายถึง จิตแห่งการให้ความดีงามทั้งปวงแก่เพื่อนมนุษย์โดยเต็มใจสมัครใจอิ่มใจ ซาบซึ้งใจ ปีติสุข ที่พร้อมจะเสียสละเวลา แรงกาย แรงสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์ในการทำกิจกรรมหรือสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน และมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นจิตที่ไม่นิ่งดูดายเมื่อพบเห็นปัญหาหรือความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นกับผู้คน เป็นจิตที่มีความสุขเมื่อได้ทำความดีและเห็นน้ำตาเปลี่ยนแปลงเป็นรอยยิ้ม เป็นจิตที่เปี่ยมด้วย “บุญ” คือความสงบเยือกเย็น และพลังแห่งความดีอีกทั้งยังช่วยลด “อัตตา” หรือความเป็นตัวตนของตนเองลงได้ *** (อ้างตามท้ายบทความนี้)
ต่อมาในสมัยที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ เกิดมีการชุมชุม ประท้วง เรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ โดยกล่าวหาว่ายุคนี้เป็นยุคเผด็จการ คนรุ่นใหม่กว่ารุ่นนายกฯอภิสิทธิ์ ได้บัญญัติคำใหม่ขึ้นมาใช้ว่า "ภาษีกู"...เพื่อฝังความเกลียดชังเข้าไปในใจเด็ก ๆ ว่าสถาบันฯและรัฐบาลได้นำภาษี ที่เด็ก ๆ เสียแก่รัฐ แล้วเอาไปใช้จ่ายโดยไม่เหมาะสม ไม่สมควร เอื้อประโยชน์แก่สถาบันฯ!!!!
นอกจากนี้ยังเรียกร้องหาสิทธิ...เสรีภาพ...อย่างขาดวินัย...ไร้ความรับผิดชอบ...ไม่คำนึงถึงหน้าที่...ไม่เคารพถึงสิทธิผู้อื่นในสังคม ที่เป็นการเรียกร้องเฉพาะตัวเองและพรรคพวก อย่างเห็นแก่ตัว
ด้วยการชู 3 นิ้ว ตามแบบอย่างในภาพยนตร์ เพื่อเป็นการแสดงถึงการต่อต้านเผด็จการ เรียกร้องประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพ และไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ ที่อ้างว่าความขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล
เหตุใดเมื่อกาลเวลาผ่านไปไม่ถึงทศวรรษ ความคิดของคนรุ่นที่ใหม่กว่า จึงเปลี่ยนไป 180 องศา จากการมีจิตใจที่เสียสละเพื่อสาธารณะมาเป็นการเรียกร้องเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพรรคพวก !!!
หรือจะเป็นเพียงยุทธศาสตร์ ของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและนักการเมืองรุ่นใหม่ เพื่อช่วงชิงมวลชนโดยการสร้างความเกลียดชังและแบ่งแยกประชาชนเท่านั้น!!!
อ้างอิงจาก: https://www.royaloffice.th/จิตอาสา/เรื่องควรรู้/ประวัติความเป็นมา/