ทำไมพริกถึงทำให้ท้องเสีย ?
พริกเป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับความนิยมทั่วโลก นิยมนำมาปรุงอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติและความเผ็ดร้อน แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมพริกถึงทำให้ท้องเสียได้
สาเหตุที่พริกทำให้ท้องเสียได้นั้นมาจากสารแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดความรู้สึกเผ็ดร้อน สารแคปไซซินจะไปกระตุ้นตัวรับ TRPV1 (Transient Receptor Potential Vanilloid 1) ซึ่งมีหน้าที่ในการรับรู้อุณหภูมิ ความรู้สึกเจ็บปวด และความรู้สึกคัน เมื่อตัวรับ TRPV1 ถูกกระตุ้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนต่างๆ เช่น ฮอร์โมนอะดรีนาลีน (Adrenaline) และฮอร์โมนโคติโซล (Cortisol) ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะกระตุ้นการขับถ่ายของลำไส้ ทำให้อุจจาระเคลื่อนผ่านลำไส้ได้เร็วขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย
นอกจากนี้ สารแคปไซซินยังอาจทำให้เกิดการอักเสบในระบบทางเดินอาหารได้ ซึ่งการอักเสบจะกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวเร็วขึ้น ทำให้อาหารเคลื่อนผ่านลำไส้เร็วขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม อาการท้องเสียจากการกินพริกมักไม่รุนแรง และหายได้เองภายใน 1-2 วัน หากมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ควรไปพบแพทย์
วิธีป้องกันอาการท้องเสียจากการกินพริก คือ
- กินพริกในปริมาณที่พอเหมาะ
- กินพริกร่วมกับอาหารที่มีไขมันสูง เช่น น้ำมันพืช เนย หรือชีส เพราะไขมันจะช่วยเคลือบกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้สารแคปไซซินดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ช้าลง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันอาการขาดน้ำจากการถ่ายเหลว
- หากมีอาการท้องเสีย ควรพักรับประทานอาหารรสเผ็ดและอาหารที่มีไขมันสูง
นอกจากนี้ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคกระเพาะอาหาร โรคลำไส้อักเสบ ควรหลีกเลี่ยงการกินพริก เพราะอาจทำให้อาการของโรคกำเริบได้
เคล็ดลับในการกินพริกเพื่อไม่ให้ท้องเสีย
ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการกินพริกเพื่อไม่ให้ท้องเสีย
- เลือกกินพริกที่เผ็ดน้อย เช่น พริกขี้หนูสวน พริกขี้หนูแดง พริกชี้ฟ้า
- กินพริกร่วมกับอาหารที่มีไขมันสูง เช่น น้ำมันพืช เนย หรือชีส
- ดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ
- หากมีอาการท้องเสีย ควรหยุดกินพริก และรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย