โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ภัยร้ายใกล้ตัว ที่ทำคนไทยตายเป็นอันดับ 3
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ภัยร้ายใกล้ตัว ที่ทำคนไทยตายเป็นอันดับ 3
นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันมากที่สุด เป็นอันดับ 3 รองจากอุบัติเหตุและโรคมะเร็ง จากสถิติพบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันรายใหม่ 21,700 รายต่อปี และแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยสาเหตุเกิดจากการรวมตัวกันของไขมันที่เกาะภายในผนังหลอดเลือดหัวใจหนาขึ้น ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัวและหนาตัวขึ้น ร่างกายจึงไม่สามารถส่งเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจได้
ปัจจัยเสี่ยงที่เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ มี 2 กลุ่ม คือ
- กลุ่มที่ปัจจัยควบคุมไม่ได้ ได้แก่ อายุที่มากขึ้น เพศ โดยเพศชายมีโอกาสเกิดโรคหัวใจได้มากกว่าเพศหญิง แต่เมื่อถึงวัยหมดประจำเดือนเพศหญิงมีโอกาสเกิดเท่ากับเพศชาย
- ปัจจัยด้านพันธุกรรม กลุ่มปัจจัยควบคุมได้ ได้แก่ ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน สูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย น้ำหนักเกินมาตรฐาน รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และความเครียด
.
อาการของโรค
ผู้ป่วยสามารถมีอาการ เจ็บที่บริเวณหน้าอกคล้ายของหนักมาทับในขณะพัก และอาจมีอาการร้าวไปที่บริเวณแขน สะบัก ไหล่ หรือ ขากรรไกรด้านซ้ายได้ หรืออาจพบว่ามีอาการร่วมอื่นๆ เช่น อาการหอบเหนื่อย นอนราบไม่ได้ ใจสั่น เหงื่อออกมาก คลื่นไส้อาเจียน หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม หรือ หมดสติ หากมีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรพบแพทย์ที่ใกล้ที่สุดทันที
โรคหัวใจ
โรคหัวใจ (Heart Disease) หมายถึง โรคต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ โดยโรคหัวใจสามารถแบ่งย่อยได้เป็นหลายกลุ่มโรค
เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคลิ้นหัวใจ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ เป็นต้น
อาการของโรคหัวใจ
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในส่วนของหัวใจที่ต่างกัน ทำให้โรคหัวใจมีอาการต่างกันไปในแต่ละชนิด
-โรคหลอดเลือดหัวใจ
-โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
-โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
-โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
-โรคลิ้นหัวใจ
-โรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ
สาเหตุของโรคหัวใจ
เช่นเดียวกันกับอาการ สาเหตุของโรคหัวใจแต่ละชนิดมีที่มาต่างกัน เช่น
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
- โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
- โรคลิ้นหัวใจ
- โรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ
การป้องกันโรคหัวใจ
การป้องกันโรคหัวใจด้วยตนเองทำได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และหมั่นตรวจร่างกายเพื่อควบคุมระดับความดันและไขมันในเลือดเป็นประจำ
การรับประทานอาหารและออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ ควรเน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช ลดปริมาณไขมัน โซเดียม และน้ำตาลให้น้อย
หมั่นออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก หยุดสูบบุหรี่ และความเครียดก็อาจเป็นปัจจัยการเกิดโรคหัวใจได้เช่นกัน
ดั่งนั้น จึงควรพยายามผ่อนคลายจิตใจให้มาก และรักษาสุขอนามัยให้ถูกต้องอยู่เสมอเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ
อ้างอิงจาก: ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: ข่าวจริงประเทศไทย
เพจ https://www.facebook.com/realnewsthailand
https://www.rpchospital.com/knowledge_detail.php?id=145