แหล่งกำเนิดอารยธรรมอินเดีย (ลุ่มแม่น้ำสินธุ)
แหล่งกำเนิดอารยธรรมในภูมิภาคอินเดีย (ลุ่มแม่น้ำสินธุ) เป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดของอารยธรรมโลกที่สำคัญมาก ซึ่งได้เริ่มก่อตั้งและพัฒนาขึ้นในบริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุและลุ่มแม่น้ำนีล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รวมถึงประเทศอินเดียเองและบริเวณรอบๆ ด้วย
เริ่มต้นเมื่อประมาณ 4,500-5,000 ปีก่อ
นคริสต์ศักราช ประชากรในบริเวณนี้ได้เริ่มทำการเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์เป็นอาหาร นี่เป็นช่วงเวลาที่เรียกว่า "การเกษตรประวัติศาสตร์" ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่สำคัญในการพัฒนาของมนุษย์ การเกษตรช่วยให้มนุษย์สามารถสร้างพลังงานอาหารมากขึ้นและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการอาศัยอยู่ ทำให้มีความจำเป็นต้องสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรและกลุ่มสังคมที่ทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มผลผลิตและความมั่งคั่งของสังคม นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างอารยธรรมที่ซับซ้อนขึ้นในภูมิภาคนี้
ต่อมาเมื่อประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช เกิดการสร้างราชวงศ์และระบบการปกครองที่เรียกว่า "ราชวงศ์" ที่มีการบริหารจัดการทรัพยากรและกำหนดกฎเกณฑ์ในสังคม เช่น ราชาและทาส ศาสนาเริ่มเจริญขึ้นและเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดความเชื่อ และการสร้างสังคมที่มีระบบการแบ่งแยกสายพันธุ์ ในระหว่างช่วงเวลานี้ พบเขตร้อนๆ ในลุ่มแม่น้ำสินธุและลุ่มแม่น้ำนีลเป็นศูนย์กลางการค้าและการแลกเปลี่ยนวัสดุมีค่าต่าง ๆ ซึ่งช่วยกระจายวัสดุและความรู้ทางวัฒนธรรมไปยังพื้นที่อื่น ๆ
ตั้งแต่ประมาณคริสต์ศักราชที่ 6 สู่ทศวรรษที่ 19 ช่วงที่สังคมในภูมิภาคนี้เริ่มเจริญรุ่งเรือง ก่อนที่จะเกิดกระบวนการเข้ารับผลกระทบจากอุตสาหกรรมและการค้ากับชาติตะวันตก การค้าและการสื่อสารกับตะวันตกทำให้พัฒนาการเศรษฐกิจและวัฒนธรรมในภูมิภาคนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อารยธรรมในลุ่มแม่น้ำสินธุจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอารยธรรมโลก ไม่เพียงแต่ในด้านการเกษตรและการประดิษฐ์เครื่องมือ แต่ยังมีความสำคัญในการสร้างสังคมที่ซับซ้อน ระบบการปกครอง ศาสนา ศิลปะ และการค้าข้ามชาติที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ต่อมา
การพบซากเมืองโบราณฮารัปปาและเมืองโมเฮนโจ-ดาโร แสดงให้เห็นว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่ มีอาคารบ้านเรือนก่อด้วยอิฐและดินเผา มีสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา มีป้อมปราการที่เด่นชัด คือ มีการวางผังเมืองอย่างเป็นระเบียบ ด้วยการแยกพื้นที่ใช้งานออกจากกันอย่างชัดเจน เช่น อาคารบ้านเรือน ศาสนสถาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบว่าทุกบ้านจะมีห้องน้ำและท่อระบายน้ำเสียไปสู่ท่อระบายน้ำสร้างด้วยอิฐที่ฝังอยู่ใต้ถนน แสดงให้เห็นถึงการจัดระบบ สุขาภิบาลที่ดี ประชากรพื้นเมืองดั้งเดิมเชื่อว่าเป็นชนเผ่าทราวิท หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ดราวิเดียน โดยประชากรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรปลูกข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวเจ้า และฝ้าย นอกจากนั้นก็มีผู้ประกอบอาชีพทางด้านการผลิตสินค้าและการค้าขาย ช่างฝีมือผลิตเครื่องมือเครื่องใช้และเครื่องประดับจากโลหะ เช่น ทองแดง เงิน ทอง และโลหะผสม เช่น สำริด และใช้เปลือกหอยและงาช้างมาเป็นวัสดุประกอบเครื่องประดับด้วย นอกจากนั้นก็มีการผลิตเครื่องปั้นดินเผาและผ้าฝ้ายสำหรับขาย โดย นักโบราณคดีได้พบตราปิดหีบห่อสินค้าจากฮารัปปาในดินแดนเมโสโปเตเมีย ซึ่งบ่งชี้ว่า ชาวฮารัปปาได้ผลิตสินค้าเพื่อการค้าและมีการค้ากับต่างแดน แต่เนื่องจากนักโบราณคดีไม่พบบันทึกหรือหลักฐานที่เป็นตัวอักษรในซากโบราณคดีของอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ จึงทำให้เราไม่มีความรู้มากนักเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณแห่งนี้
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุเจริญรุ่งเรืองอยู่ราวหนึ่งพันปีก็เสื่อมลง ประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสตศักราช ซึ่งนักประวัติศาสตร์คาดเดาว่าชาวลุ่มแม่น้ำสินธุ อาจพบกับภัยธรรมชาติที่ร้ายแรง เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เนื่องจากพบร่องรอยน้ำท่วม ส่วนที่เมืองโมเฮนโจดา-โร ก็พบว่าประชากรของเมืองนี้อาจจบชีวิตลงด้วยความรุนแรง ซึ่งหมายความว่าอาจถูกผู้รุกรานเข่นฆ่าและทำลายเมือง