หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

โลกคือระบบสุริยะ | บทความ, นิยายวิทยาศาสตร์

เนื้อหาโดย kamonthirak

โลกคือระบบสุริยะ

“จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” (ขออนุญาตเจ้าของคำกล่าวนะครับ) คำกล่าวนี้ผู้เขียนเห็นด้วย แต่เห็นด้วยเพียงครึ่งเดียว เพราะผู้เขียนมีความคิดเห็นส่วนตัวว่า ทั้งจินตนาการและความรู้ มีความสำคัญเท่ากัน จินตนาการทำให้เข้าใจความรู้เดิมที่มีอยู่มากขึ้นและก่อให้เกิดความรู้ใหม่ขึ้นมา ความรู้ทำให้เกิดการกลั่นกรองจินตนาการให้เป็นลำดับขั้นตอน มีเหตุมีผล สามารถเปลี่ยนจากจินตนาการให้เกิดเป็นความรู้ใหม่ๆ ได้ เพราะฉะนั้นทั้งจินตนาการและความรู้สำคัญเท่ากัน

เรามักจะได้ยินคำกล่าวนี้เสมอ “ยังไม่มีผลการสำรวจด้านมืดของดวงจันทร์” คำกล่าวนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนจินตนาการบทความนี้ขึ้นมา เนื่องจากผู้เขียนมีความคิดเห็นส่วนตัวว่า การที่มนุษย์เราสามารถสร้างยานอวกาศที่สามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยสามารถเอาชนะแรงโน้มถ่วงของโลกได้ เหตุใดบนดวงจันทร์ที่แรงโน้มถ่วงน้อยกว่าโลก จึงไม่มียานอวกาศที่จะไปถึงด้านมืดของดวงจันทร์ ทั้งที่ดวงจันทร์ก็มีขนาดเล็กกว่าโลก และโลกของเรายังมีเครื่องบินที่สามารถบินรอบโลกได้ด้วย แล้วเหตุใดจะไม่สามารถบินรอบดวงจันทร์นั้นได้

บทความนี้เป็นจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีการรับรองทางวิชาการแต่อย่างใด และไม่มีเจตนาหักล้างความรู้ การค้นคว้า หรือผลการทดลองทางวิชาการที่มีอยู่ในปัจจุบันแต่อย่างใด แต่ถ้าหากมีส่วนหนึ่งส่วนใดที่มีความเป็นไปได้ ก็อาจนำเอาไปศึกษาค้นคว้าทดลองเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความรู้ทางวิชาการได้

ระบบสุริยะไม่มีอยู่จริง

ถ้าหากระบบสุริยะไม่มีอยู่จริง แต่โลกคือระบบสุริยะ แล้วโลกอยู่ได้ด้วยตัวเองนั้นจะเป็นอย่างไร โลกจะอยู่อย่างไร หากไม่มีดวงอาทิตย์ ไม่มีดวงจันทร์ มีเพียงโลกเท่านั้น โลกที่เคลื่อนที่เป็นลูป (Loop) ไม่มีที่สิ้นสุด

แล้วดวงอาทิตย์ที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ล่ะคืออะไร ถ้าไม่ใช่ดวงอาทิตย์แล้วจะเป็นอะไร ผู้เขียนได้จินตนาการว่าดวงอาทิตย์ที่เราเห็นอยู่นั้น ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ แต่เป็นพลังงานแสงและความร้อนที่เกิดจากการสูญเสียอะตอมหรือจากการเคลื่อนที่ของโลก และถูกแรงดึงดูดของโลกดึงกลับมา

ส่วนดวงจันทร์ที่เราเห็นนั้น เป็นเพียง“รูปภาพ” ซึ่งการที่เราจะเห็นรูปภาพได้นั้นเกิดจากการที่แสงส่องมาถึงดวงตาของเรา แล้วถ้าดวงจันทร์เป็นแค่รูปภาพ จะเป็นรูปภาพของอะไร คำตอบคือ รูปภาพของ“โลก” และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ยังไม่มีผลการสำรวจด้านมืดของดวงจันทร์ก็เป็นได้

ถ้าโลกอยู่เพียงลำพัง แล้วโลกเคลื่อนที่ได้อย่างไร

การเคลื่อนที่ของโลกนั้น ผู้เขียนจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ จุดเริ่มต้นของการเคลื่อนที่ และการเคลื่อนที่ที่เป็นอยู่

จุดเริ่มต้นของการเคลื่อนที่ของโลก ผู้เขียนแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้

1. เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ จากการชนกันของมวลที่มีความเร็ว แล้วเกิดการเคลื่อนที่ของอะตอมเป็นลูปและมีความเร็วเท่าแสง ซึ่งการเคลื่อนที่ของอะตอมนั้นได้สร้างแรงดึงดูดเหนี่ยวนำให้สิ่งที่อยู่รอบๆ อะตอมนั้นเคลื่อนที่ตามไปด้วย เกิดการรวมตัวกันและขยายใหญ่ขึ้นจนเกิดเป็นโลกขึ้นมา และยังคงเคลื่อนที่ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด

2. มีมวลบางอย่าง ที่เกิดการสูญเสียอะตอม อาจเกิดเองตามธรรมชาติ หรืออาจถูกเฉี่ยวชนจากมวลอย่างอื่น หรืออาจเป็นโลกที่ถูกเฉี่ยวชน หรือถูกอุกกาบาตพุ่งชนในลักษณะที่ทำให้เกิดการหมุนอย่างรวดเร็วจนเกิดการเคลื่อนที่ของอะตอมเป็นลูป และมีความเร็วเท่าแสง สร้างเส้นแรงแม่เหล็กขึ้นมารอบมวลนั้น ซึ่งการเคลื่อนที่ของอะตอมนั้นได้สร้างแรงดึงดูดเหนี่ยวนำให้สิ่งที่อยู่รอบๆ อะตอมนั้นรวมถึงมวลนั้น เคลื่อนที่ตามไปด้วย เกิดการรวมตัวกันและขยายใหญ่ขึ้นจนเกิดเป็นโลกขึ้นมา และยังคงเคลื่อนที่ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด

การเคลื่อนที่ของโลกที่เป็นอยู่ ผู้เขียนแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้

1. การเคลื่อนที่ของอะตอมที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนที่ ยังคงเคลื่อนที่เป็นลูปตามรูปแบบเดิม แต่มีขนาดใหญ่ขึ้น และยังมีความเร็วเท่าความเร็วแสง เคลื่อนที่อยู่ภายในรูหนอนทะลุผ่านโลก และยังคงเหนี่ยวนำให้อะตอมบางส่วนของโลกที่อยู่ในรูปของพลังงานแสงและความร้อน รวมถึงโลกเคลื่อนที่ตามไปด้วย จนทำให้เกิดกลุ่มพลังงานแสงและความร้อน ที่ถูกเรียกว่าดวงอาทิตย์ ซึ่งถูกดึงดูดกลับโลกด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก และรูปภาพของโลก ที่ถูกเรียกว่าดวงจันทร์

2. กรณีนี้คล้ายกับกรณีแรก แต่แตกต่างกันตรงที่กรณีนี้การเคลื่อนที่ของโลกตามการเหนี่ยวนำดังกล่าวข้างต้น ทำให้มีอะตอมบางส่วนหลุดออกจากโลกทางด้านหลัง เกิดเป็นพลังงานความร้อนและพลังงานแสง คล้ายกับเป็นหางของโลก ซึ่งทำให้โลกเสียสมดุล โลกต้องรักษาสมดุลโดยการพยายามดึงดูดอะตอมที่หลุดออกไปทางด้านหลัง แต่โลกเคลื่อนที่ถอยหลังไม่ได้ เพราะแรงดึงดูดของอะตอมที่เป็นจุดเริ่มต้นเหนี่ยวนำให้โลกเคลื่อนที่ไปทางเดียว และอะตอมที่เป็นหางของโลกนั้น บางส่วนอาจหลุดจากแรงดึงดูดของโลก ตามโลกไปไม่ทัน ก็อยู่ตามเส้นทางการเคลื่อนที่ของโลก เป็นกลุ่มก้อนพลังงาน ที่ถูกเรียกว่าดวงอาทิตย์ เมื่อโลกเคลื่อนที่มาถึงเส้นทางการเคลื่อนที่เดิมครบลูป โลกก็ถูกอะตอมเหล่านี้ดึงดูดเข้าหา เสริมกับแรงเหนี่ยวนำของอะตอมเริ่มต้น ทำให้เกิดการเคลื่อนที่เป็นลูปไม่มีที่สิ้นสุด หากไม่มีพลังงานภายนอกมาขัดขวาง และอะตอมที่เป็นจุดเริ่มต้นการเคลื่อนที่ยังเหนี่ยวนำแสงที่สะท้อนจากโลกซึ่งเป็นรูปภาพของโลก กลับมายังโลก และเนื่องจากแสงที่เป็นรูปภาพของโลกเดินทางมาไกล รายละเอียดบางส่วน เช่น สี และสภาพภูมิประเทศ อาจสูญหายไปบ้าง ทำให้มองไม่ชัดว่าเป็นรูปภาพของโลก ภาพที่เห็นจึงถูกเรียกว่าดวงจันทร์

โลกเคลื่อนที่ไปพร้อมกับการหมุนรอบตัวเอง

โลกอาจเคลื่อนที่ไปด้วยแรงเหนี่ยวนำจากอะตอมที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนที่ หรืออาจเกิดจากแรงดึงดูดจากกลุ่มพลังงานแสงและความร้อนที่โลกสูญเสียไปจากการเคลื่อนที่ หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่างเสริมแรงกัน ในขณะที่โลกเคลื่อนที่ไปนั้น โลกก็หมุนรอบตัวเองไปด้วย ทิศทางการเคลื่อนที่ของโลกนั้น ไม่ได้หันเส้นศูนย์สูตรและขั้วของโลกไปทางกลุ่มพลังงานแสงและความร้อนดังกล่าว แต่จะเป็นบริเวณที่อยู่ระหว่างขั้วโลกและเส้นศูนย์สูตร ซึ่งบริเวณที่ได้รับพลังงานแสงและความร้อนมากๆ จะเกิดเป็นทะเลทรายหรือไม่ก็พื้นที่แห้งแล้ง แล้วทะเลทรายหรือพื้นที่แห้งแล้งนั้น มีสิ่งใดหรือนัยสำคัญอะไรที่ต้องเป็นส่วนที่รับพลังงานแสงและความร้อนดังกล่าวมากกว่าบริเวณอื่นๆ อาจเป็นไปได้หรือไม่ว่าบริเวณนั้นมีสสารที่มีปฏิกิริยากับพลังงานแสงและความร้อนเหล่านั้น ในลักษณะที่มีแรงดึงดูดซึ่งกันและกันถ้าหากมีสสารนั้นอยู่จริง เราอาจมียานพาหนะที่ลอยได้ในแสงแดด เหมือนกับเรือที่ลอยอยู่ในน้ำก็เป็นได้

รูปแบบของการเคลื่อนที่ของโลก

โลกไม่ได้เคลื่อนที่ไปเป็นแนวตรงไปเรื่อยๆ ถ้าโลกเคลื่อนที่เป็นแนวตรงเราจะไม่เห็นรูปภาพของโลกที่ถูกเรียกว่าดวงจันทร์ การจะเห็นรูปภาพของโลกจากที่อื่นได้นั้น โลกต้องเคลื่อนที่ในลักษณะที่เป็นลูป แล้วถ้าหากโลกไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน เพียงแต่หมุนรอบตัวเองอยู่กับที่ รูปภาพของโลกที่เราเห็นจะไม่เปลี่ยนตำแหน่งไป คงจะอยู่ตำแหน่งเดิมตลอด

การเคลื่อนที่ของโลกที่มีลักษณะเป็นลูปนั้นมีการซ้ำตำแหน่งเดิม โดยรอบการซ้ำตำแหน่งเดิมคงสังเกตได้จากฝนดาวตกกลุ่มดาวนายพราน จากที่มีการบันทึกไว้คือเกิดขึ้นทุก 33 ปี แสดงว่าทุก 33 ปี โลกจะเคลื่อนที่มาซ้ำลูปเดิม และนี่ก็คงเป็นเหตุผลว่าทำไมถ้าเราทำให้โลกเกิดมลภาวะ ในอีก 20 – 30 ปี ข้างหน้าดวงอาทิตย์จะร้อนขึ้นและโลกจะร้อนขึ้นจากมลภาวะที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ส่วนลูปการเคลื่อนที่ที่ยังไม่ถึง 33 ปี ผู้เขียนมีความคิดเห็นว่าคงไม่ซ้ำลูปเดิม อาจจะมีการคลาดเคลื่อนกันบ้าง แต่จะคาดเคลื่อนมากหรือน้อยผู้เขียนสุดที่จะจินตนาการได้ การที่จะได้คำตอบในเรื่องนี้ก็คงต้องทำการทิ้งทุ่นอวกาศไว้ แล้วลักษณะลูปการเคลื่อนที่ของโลกนั้นเป็นอย่างไร ก็จะสังเกตได้จากทุ่นอวกาศที่กลับเข้ามายังโลก แต่ผู้เขียนเชื่อว่าคงมีผู้ที่ได้คำตอบเรื่องรูปแบบของการเคลื่อนที่ของโลกแล้ว

ปรากฏการณ์รูหนอน

รูหนอนคืออุโมงค์ที่มีพลังงานสูงคล้ายกับหลุมดำ แม้แต่พลังงานแสงยังถูกดึงดูดด้วยรูหนอน ให้เคลื่อนที่ไปตามทิศทางของรูหนอน แสงที่เป็นรูปภาพของโลกจึงถูกดึงดูดกลับมาให้เราเห็นบนโลกก็เพราะมีรูหนอน ที่อาจจะเป็นเส้นทางการเคลื่อนที่ของอะตอมที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนที่ของโลก ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับโลกจึงเคลื่อนที่ไปในเส้นทางเดียวกันไม่มีจบสิ้น เพราะถูกแรงดึงดูดของรูหนอนยึดเหนี่ยวไว้ ผู้เขียนมีความคิดเห็นส่วนตัวว่าเราอาจเคยเห็นรูหนอนกันแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นรูหนอน นั่นก็คือ “สุริยุปราคา”

การเดินทางไปดวงจันทร์

การที่ดวงจันทร์เป็นเพียงรูปภาพของโลก เหตุใดจึงยังมีผู้คนพยายามเดินทางไปดวงจันทร์อยู่ นั่นก็อาจเป็นเพราะการเดินทางไปดวงจันทร์นั้นเป็นการเดินทางเข้าหาโลกที่โลกเองก็เดินทางเข้าหาเรา เป็นการเพิ่มความเร็วของการเดินทางเข้าหาวัตถุ โดยอาศัยความเร็วของวัตถุ แต่ไม่ต้องเพิ่มความเร็วของตัวเอง อาจจะเป็นความเร็วใกล้เคียงหรือเท่ากับความเร็วแสงก็เป็นไปได้ เมื่อเดินทางได้ใกล้เคียงหรือเท่ากับความเร็วแสง สิ่งที่เป็นผลโดยตรงก็คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับเวลา อาจจะเป็นความพยายามเดินทางไปอนาคตก็เป็นไปได้

จากการจินตนาการของผู้เขียน ถ้ารูปแบบการเคลื่อนที่ของโลกในลักษณะนี้มีความเป็นไปได้ ก็อาจจะจำลองรูปแบบการเคลื่อนที่ของโลก แล้วสร้างพลังงานแสงและความร้อนที่เราเรียกว่าดวงอาทิตย์ ให้เป็นดวงอาทิตย์เทียม โลกของเราอาจได้ใช้พลังงานที่ไม่มีวันหมดก็อาจจะเป็นไปได้. 71-4

เนื้อหาโดย: kamonthirak
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
kamonthirak's profile


โพสท์โดย: kamonthirak
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
‘ขนม ศศิกานต์’ เลิก ‘ครูเต้ย อภิวัฒน์’ ทั้งที่เพิ่งคลอดลูก คนที่ 2 จากกันด้วยดี ไม่มีมือที่ 3ฝรั่งเผยชีวิตไทยสุดชิล! ไม่คิดกลับอเมริกา แถมซึ้งใจเมืองพุทธจนใจละลายอันตราย! คนจีนจ้างแพ็คอาหารเสริมปลอม ขายผ่านออนไลน์ในไทยหน้าชื่นอกตรม ภาวะโรคยิ้มซึมเศร้า Smiling Depression ยิ้มง่ายแต่ภายในแตกสลายพบภาพปริศนาลึกลับขนาดใหญ่ บนพื้นหินที่อินเดียว อายุมากกว่าหมื่นปี นักวิทย์ยังตกลงไม่ได้ ว่าคือภาพอะไรช็อกกลางงาน! ทหารโสมเหนือปฏิเสธจับมือ "คิมจองอึน" ผู้นำยืนเก้อนางเอกดังสุดเศร้า กับการสูญเสียครั้งใหญ่ โพสต์อาลัยรักสุดหัวใจเศร้า นักท่องเที่ยวสาวต่างชาติ เสียชีวิตแล้วที่ไทย หลังดื่มเหล้าเถื่อนปลอมที่ลาวอะไรจะเกิดขึ้น หากปล่อยให้น้ำตาลในเลือดสูงล่าแม่มดทริบูร์: ความกลัวที่ทำให้ชีวิตกลายเป็นเพียงเงาในประวัติศาสตร์"จุดจบของทุกมื้ออาหาร สาวคนหนึ่งถามว่า ทำไมถึงมี “กลิ่นแปลก” ที่น้ำตก เมื่อได้รู้ที่ตั้งแล้วกลับรู้สึกขนลุก!วิธีสร้างบ้านสวยด้วยต้นไม้: การออกแบบสวนในบ้านที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม"
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
1 ใน 8 ของนักเรียนร.ร.รัฐในนิวยอร์ก'ไร้บ้าน'!ตำรวจ ตามรวบจนครบ 3 โจ๋เหิมเกริม ใช้มีดฟันคู่อริ กลางสถานี BTSอันตราย! คนจีนจ้างแพ็คอาหารเสริมปลอม ขายผ่านออนไลน์ในไทย"ช็อกแป๊บ! เจอ 'หลวงพี่เท่งตัวจริง' เดินบิณฑบาต คนถามหนังหรือชีวิตจริง"ล่าแม่มดทริบูร์: ความกลัวที่ทำให้ชีวิตกลายเป็นเพียงเงาในประวัติศาสตร์"
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
ล่าแม่มดทริบูร์: ความกลัวที่ทำให้ชีวิตกลายเป็นเพียงเงาในประวัติศาสตร์"นิยายวาย : เดิมพันรักนักพนันแจ็คเดอะริปเปอร์: ฆาตกรที่โหดที่สุดในประวัติศาสตร์อีกมุมของ "ยายสา" ตำนานแม่มดแห่งสมิหลา กับความลึกลับที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย"
ตั้งกระทู้ใหม่