ความรักไม่ใช่การครอบครอง
ประเด็นของการครอบครอง ทุกคนต้องการครอบครองคนรัก และเมื่อได้ครอบครองแล้ว ความเบื่อหน่ายย่อมเกิดขึ้น ความเบื่อหน่ายเกิดขึ้นเสมอเมื่อครอบครองได้สำเร็จ เมื่อหนุ่มสาวสองคนกลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว เราจะเจอแต่สามีบ้าอำนาจและภรรยาขี้บ่น นั่นเพราะเขาแต่งงานกันแล้วทุกอย่างจึงเข้าสู่ภาวะเบื่อหน่าย นี่คือปลายทางของความรักที่ขับเคลื่อนด้วยราคะ เมื่อได้ครอบครองกันและกันแล้ว ความน่าตื่นเต้นที่เคยมีก็หมดลงไป หนทางเดียวที่จะทำให้ความรักไม่น่าเบื่อ คือ ความเมตตา เราต้องเมตตาคนรักของเรา เพราะเมตตา ทำให้เราไม่ต้องการครอบครอง ยิ่งเมตตาคนรักมากเท่าไร ความต้องการที่จะครอบครองเขาก็มีน้อยเท่านั้น เมื่อเราไม่เคยครอบครองเขา เขาย่อมเป็นคนที่น่าสนใจสำหรับเราเสมอ เขาย่อมเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงในสายตาของเราตลอดไป
เราไม่ได้พบกันเพราะความบังเอิญ
เรื่องนี้เป็นความจริงที่สุด ไม่มีความบังเอิญในโลกใบนี้ ในชีวิตหนึ่ง เราอาจพบใครบางคนที่รู้สึกว่าคุ้นเคยกันมานาน โปรดจงรู้เอาไว้ว่า นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย เพราะความบังเอิญไม่มีอยู่จริง คู่ชีวิตที่ผู้คนตามหาจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญเช่นกัน หากแต่เกิดจากผลกรรมทั้งปัจจุบันและอดีตที่ส่งกระแสผ่านคนสองคน ให้เกิดเป็นแรงดึงดูดซึ่งกันและกันเราอาจรู้สึกกระวนกระวายใจเมื่อไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียงของเขา ประสาทสัมผัสของเราจะมีประสิทธิภาพมากกว่าธรรมดาเมื่ออยู่กับเขา กิเลสที่มีจะถาโถมเข้ามาอย่างง่ายดายเมื่อเราพบคนคนนั้น ช่วงเวลานี้เองเป็นเวลาของความอันตราย หนทางเดียวที่จะประคับประคองจิตวิญญาณของเราให้มีความเข้มแข็งอยู่ได้ คือ การมีสติระลึกรู้อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด
อย่าไล่ล่าหาความรัก
ขอให้ลองคิดสักนิดว่า เมื่อคนไล่ล่าความรักสองคนมาเจอกัน ความสัมพันธ์นั้นจะเป็นรักแท้ได้อย่างไรในเมื่อทั้งคู่คิดแต่จะตักตวงผลประโยชน์จากอีกฝ่ายตั้งแต่แรก ยังไม่ทันรู้จักกันด้วยซ้ำก็หวังไว้แล้วว่าจะได้รับความรักจากอีกฝ่ายจนถึงที่สุด จะต้องมีใครสักคนเดินเข้ามาในชีวิตเพื่อให้ และให้ในสิ่งที่พวกเขาขาด คนคนนั้นจะต้องเข้าใจทุกอย่าง อภัยให้เสมอ แสนดีตลอดเวลา ยอมรับข้อผิดพลาดที่ผ่านมาได้ทั้งหมดเรามักใช้คำว่า “ใครสักคนที่พร้อมจะรักและเข้าใจในแบบที่ฉันเป็น” ดูเป็นประโยคที่แสนจะง่ายดาย แต่หารู้ไม่ว่าเพียงคำนี้คำเดียวมันได้กินชีวิตของคนคนหนึ่งไปจนหมดสิ้น เขาตกเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ของเราโดยที่ยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ความคิดเช่นนี้ไม่ใช่ความคิดของนักบุญ แต่เป็นความคิดที่มีลักษณะเดียวกับขอทาน สิ่งนี้คือความเห็นแก่ตัว ไม่ใช่รักแท้ รักคือการให้ซึ่งเป็นสิ่งสวยงาม แล้วจะเริ่มต้นด้วยความน่าเกลียดได้อย่างไร
อยากพบรักแท้ต้องเตรียมตัวให้พร้อม
รักแท้ไม่ใช่เรื่องของการตามหา แต่เป็นเรื่องของการเตรียมความพร้อมให้ตัวเอง เหมือนการจัดบ้านสวย ๆ เอาไว้เพื่อรอรับแขก ไม่ว่าจะมีแขกหรือไม่ ท่านก็ต้องจัดบ้านของท่านเตรียมไว้ก่อน ผู้ที่มีสิทธิ์ครอบครองรักแท้จะต้องเป็นผู้ที่มีความรักแม้จะอยู่คนเดียวก็ตาม เขาจะยืน เดิน นั่ง นอน และตื่นมาด้วยความรัก กระทำต่อผู้คนรอบข้างด้วยความรัก จะต้องเป็นผู้ที่มีความดีและความรักอยู่แล้วในตัวเอง คือ เป็นผู้เต็มพร้อมอยู่แล้ว ไม่ใช่ผู้ขาดแคลน
ราคะจะมากกว่าความรัก
ความรักของคนส่วนใหญ่ปนเปื้อนด้วยราคะ แม้มีเมตตาผสมอยู่แต่สัดส่วนของมันก็น้อยจนไม่สามารถจะต่อสู้กับพลังของราคะได้ รักที่มีราคะคือรักที่ต้องการครอบครอง มีเพศรสเป็นแรงดึงดูด เป็นความรักที่ต้องการบางสิ่งบางอย่างจากอีกฝ่ายเสมอหลายคนคิดว่า “ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาเลยนอกจากความรัก” ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ความต้องการให้เขารักตอบนั่นแหละ คือความต้องการที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้าต้องการความรักจากเขา นั่นแปลว่าต้องการจิตวิญญาณของเขา
ระวังพลังของความคิดถึง
กระแสแห่งความคิดถึงเป็นพลังงานที่มีทั้งความเหงา ความเศร้า และความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน มันเป็นพลังงานที่สร้างมโนภาพให้ชัดเจนแม้มองไม่เห็น ทำให้รู้สึกถึงสัมผัสอันอ่อนโยนแม้ระยะทางห่างไกล มันเรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากอันบอบบาง และเรียกน้ำตาจากดวงตากลมโต มันดึงเราจากความเป็นปัจจุบันไปสู่อดีตอันล่วงเลยและอนาคตที่ไม่เคยปรากฏ หากเรามีมุมมองความรักในแง่ความคิดถึงอย่างถูกต้อง ความคิดถึงก็จะเป็นพลังที่ดีให้เรา แต่ถ้าคิดถึงมากเกินไป ก็กลับจะเป็นผลร้ายต่อความรัก
มุมมองความรักดีๆนี้ย่อมทำให้เราเข้าใจความรัก มีความรักที่ดีและมีความสุขมากขึ้น
โพสท์โดย: jer่jer
อ้างอิงจาก: เรียบเรียงจากหนังสือ ปาฏิหาริย์แห่งการหยุดคิด โดย พศิน อินทรวงค์