จริงแล้วบนซูชิไม่ใช่ไข่กุ้ง เเต่คือสิ่งนี้
ไข่กุ้ง ที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ในเมนูอาหารญี่ปุ่น หรือ เมนูฟิวชั่นต่างๆ ความจริงแล้วไม่ได้ใช้ไข่กุ้งจริงๆมาทำครับ หลายท่านคงทราบกันดีอยู่แล้ว ว่ามันไม่ใช่ไข่ของกุ้ง แต่มันเป็นไข่ของปลาชนิดหนึ่ง แต่ว่าเป็นไข่ปลาอะไรนี่สิ หลายท่านก็ยังไม่ทราบแน่ชัด และก็มีการพูดไปต่างๆนาๆ บ้างก็บอกว่าทำมาจากเจลาตินผสมซอส เพราะไม่คิดว่าไข่ปลาจะมีความเงาโปร่งใสได้ เพราะฉะนั้น วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ ที่มาของ "ไข่กุ้ง" ว่าตกลงแล้วมันมาจากอะไรกันแน่
จริงๆแล้วมันคือไข่ของปลาโดยมาจากปลา 2 ชนิดด้วยกัน เริ่มจากปลาชนิดแรกที่มีชื่อว่า
- ปลานกกระจอก,ปลาบิน(Flying Fish) ในภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า โทบิอุโอะ (Tobiuo) ปลานกกระจอกนั้นจะพบตามชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นครับ มีขนาดความยาวประมาณ 1 ฟุต เป็นปลาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆโดยเฉพาะครีบอก ที่มีลักษณะพิเศษคล้ายกับปีกของนกซึ่งเป็นที่มาของชื่อปลานกกระจอกนั่นเอง
โดยเจ้าปลา Tobiuo นี้เป็นปลาที่พบตามชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น มีความยาวประมาณ 35 ซม. มีจุดเด่นอยู่ที่ครีบอกขนาดใหญ่ และยาวออกมามีลักษณ์คล้ายคลึงกับปีกของนก หรือปีกของผีเสื้อ และเมื่อว่ายน้ำด้วยความเร็วสูงแล้วกางครีบอกออก ก็จะทำให้เจ้า Tobiuo พุ่งขึ้นเหนือน้ำได้ดูเหมือนกับว่าเป็นปลาที่บินได้ โดยสามารถร่อนเลียบผิวน้ำไปได้ระยะไกลพอสมควร เมื่อเทียบกับปลาชนิดอื่นๆ ซึ่งการร่อนของเจ้า Tobiuo นี้ขึ้นอยู่กับ ขนาดของตัวปลา ขนาดของปีก และจังหวะในการร่อน
2. ปลาแคปลิน(Capelin) ชาวญี่ปุ่นจะเรียกว่า ชิชะโมะ(Shishamo) ส่วนคนไทยเราเรียกว่าปลาไข่นั่นเองครับ และไข่ของมันจะถูกเรียกว่ามาซาโกะ(Masako)ซึ่งไข่จะมีขนาดเล็กกว่าไข่ของปลานกกระจอกอยู่ประมาณ 1 เท่าครับ
ปลาแคปลินเป็นปลาน้ำเค็มที่มีสายพันธุ์พัฒนา มาจากปลาน้ำจืด มีขนาดโตเต็มที่ไม่เกิน 20 ซม. จะชอบอาศัยอยู่ในน้ำเย็น ในมหาสมุทรอาร์คติค และ แปซิฟิค ปลาแคปลินนั้นถึงแม้จะมีไข่อยู่เต็มท้อง ก็สามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องของความอ้วนเลยครับ เนื่องจากไม่มีกรดไขมันอิ่มตัวอยู่เลย
นี่คือเรื่องที่แอดได้รวบรวมมาเล่าให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะแอดเคยทราบมาจากตอนที่แอด เรียนวิชาเสรี อาหารเเละเครื่องดื่มค่ะ หวังว่าจะพอเป็นเกล็ดความรู้เล็กๆน้อยๆให้แก่เพื่อนๆที่เข้ามาอ่านนะคะ