ทำไมรถยนต์ Rolls-Royce ถึงมีราคาแพง!?
เมื่อเราพูดถึงรถยนต์หรู หลายคนอาจจะนึกถึง Lamborghini Ferrari หรือ McLaren
แต่อีกหนึ่งแบรนด์ที่มีความหรูหราและไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คือ Rolls-Royce
ราคา Rolls-Royce รุ่นที่แพงที่สุดในตอนนี้มีราคาสูงถึง 407 ล้านบาท
ซึ่งราคานี้แพงกว่าเครื่องบินส่วนตัวบางลำด้วยซ้ำ
แล้วเราเคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมรถยนต์คันหนึ่งมันถึงแพงขนาดนี้?
จริงๆ แล้ว Rolls-Royce ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดอย่างหนึ่งที่ใครๆ ก็ใช้ได้
แต่ว่าใช้แล้วจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้เท่าไร
ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสินค้า วัสดุ หรือตัวแบรนด์
และดูเหมือนว่า Rolls-Royce จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการใช้กลยุทธ์นี้
กลยุทธ์ที่ว่าก็คือ Customization
หรือก็คือการให้ลูกค้าเลือกปรับแต่งสเป็กสินค้าได้ตามต้องการ
ซึ่งการ Customize ของลูกค้าจะทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ไม่เหมือนใคร และมีเพียงชิ้นเดียวบนโลก
Rolls-Royce ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการปรับแต่ง
รวมถึงสร้างเอกลักษณ์ให้กับรถของตัวเองในหลายๆ จุด
และแน่นอนว่าการ Customize ในแต่ละจุด
ก็จะทำให้มูลค่ารถนั้นแพงขึ้นไปด้วย
สมมติถ้าเราจะซื้อรถ Rolls-Royce สักคัน
เราจะสามารถปรับแต่งอะไรได้บ้าง?
แค่เลือกสีรถเราก็อาจจะปวดหัวแล้ว
เพราะ Rolls-Royce มีสีรถให้เลือกมากกว่า 44,000 สี
แต่ลูกค้าก็สามารถสั่งทำสีเฉพาะของตัวเองขึ้นมาใหม่ก็ได้
และจะได้สิทธิ์ในการตั้งชื่อและใช้สีนั้นแต่เพียงผู้เดียว
การลงสีของรถยนต์ Rolls-Royce นั้นจะลงสีอย่างน้อย 7 ชั้น
และลูกค้าสามารถเลือกลงสีได้สูงสุดถึง 23 ชั้น
ซึ่งการลงสีรถนั้นจะใช้คนเพียงคนเดียวเท่านั้นในการทาสีรถทั้งคัน
แต่ลูกค้าบางรายก็ยังรู้สึกว่ามันธรรมดาไป..
มีลูกค้าคนหนึ่งนำเพชรกว่า 1,000 เม็ดมาให้ Rolls-Royce อัดและผสมเข้ากับสีรถ
เพื่อให้ได้รถที่มีความแวววาวรอบคัน
ในส่วนของรูปปั้นสาวที่โบยบินอยู่หน้ารถที่เรียกว่า Spirit of Ecstasy นั้น
ลูกค้าก็สามารถปรับแต่งให้ทำมาจากทองคำก็ได้
ปกติแล้วโลโก้ตรงล้อของรถยนต์ทั่วไปก็หมุนไปตามล้อ
แต่สำหรับ Rolls-Royce นั้น
โลโก้ RR จะตั้งตรงอยู่เสมอด้วยกลไกที่ออกแบบมาเฉพาะ แม้ล้อจะหมุนอยู่
รู้หรือไม่ ว่าเบาะหนังในรถยนต์ของ Rolls-Royce นั้นล้วนทำมาจากหนังวัวกระทิง
การเย็บหนังเหล่านี้ใช้ความประณีตสูงมาก จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่มิลลิเมตรเดียว
โดยการผลิตรถยนต์ Rolls-Royce 1 คัน จะต้องใช้หนังของวัวกระทิงอย่างน้อย 8 ตัว!
ไม้ที่ใช้ภายในรถนั้นต้องมาจากต้นเดียวกันเท่านั้น
เพื่อรักษาความสมมาตรและสีของลายไม้ภายในรถ
หรือถ้าคอนโซลหน้ารถที่ทำจากลายไม้มันดูธรรมดาไป
ลูกค้าก็อาจจะเปลี่ยนเป็นคอนโซลที่ทำมาจากทองคำก็ย่อมได้
และเมื่อเราเงยหน้ามองเพดานรถเราจะเห็นดวงดาวที่ระยิบระยับกว่า 1,340 ดวง
แน่นอนว่าลูกค้าก็สามารถจัดเรียงดวงดาวพวกนี้ได้ตามต้องการ
โดยอาจจะเป็นรูปแบบการเรียงตัวของดาวในวันที่เราเกิดก็ได้
ที่สำคัญที่สุดคือ ห้องโดยสารที่เงียบมาก เงียบจนเราแทบจะไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์
เพราะเสียงเครื่องยนต์ Rolls-Royce จะดังเท่ากับเสียงลมหายใจของเราเท่านั้น
ความลับของ Rolls-Royce ก็คือฉนวนกันเสียงทั้งห้องโดยสาร
ซึ่งเฉพาะฉนวนที่ว่านี่ก็หนักร่วม 137 กิโลกรัมเข้าไปแล้ว
ส่วนยางรถยนต์ก็ผลิตมาแบบพิเศษเพื่อลดเสียงที่เกิดจากการเสียดสีกับท้องถนน
รถยนต์ทุกคันของ Rolls-Royce นั้นประกอบด้วยมืออย่างประณีตทุกขั้นตอน
ความใส่ใจในรายละเอียดตรงนี้เอง ที่ทำให้มันมีมูลค่าสูงขึ้นไปอีก
สำหรับใครที่อยากจะเป็นเจ้าของ Rolls-Royce นั้น
อาจจะต้องอดทนรอพอสมควรกว่าจะได้รถในแบบของตัวเอง
เพราะการผลิตรถยนต์ Rolls-Royce 1 คันนั้นใช้เวลานานถึง 6 เดือน
ที่ต้องใช้เวลานานมากนั้นเป็นเพราะว่าอาศัยความพิถีพิถันในการผลิตทุกขั้นตอน
ให้สมกับราคารถเฉลี่ยประมาณ 50 ล้านบาท
ซึ่งยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้า
ถึงแม้ว่ารถยนต์ยี่ห้อนี้จะเป็นรถที่แพงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
แต่ยอดขายในปี 2019 ยังคงเติบโตถึง 25% และมียอดสั่งซื้อถึง 5,152 คัน ซึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้บริษัทมีรายได้หลักแสนล้านบาท
สำหรับรถหรูยี่ห้ออื่นก็อาจจะมีจุดเด่นในเรื่องความเร็ว ดีไซน์ หรือสมรรถนะ
แต่สำหรับ Rolls-Royce แล้ว ดูเหมือนว่าจุดขายที่เด่นที่สุดคงจะเป็น “ความหรูหรา” นั่นเอง