"ริว จิตสัมผัส" ลั่น..ไม่ไหว้ "ซาตาน"

              จากกระแสข่าว "ครูกายแก้ว" รูปปั้นที่ติดสะพานลอย กำลังเป็นที่พูดถึงกันในวงกว้าง  โดยได้กล่าวอ้างว่าเป็นอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้ขมังเวทย์ให้โชคลาภ  แต่ก็มีอีกหลาย ๆ คนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของครูกายแก้ว ที่ดูค่อนข้างที่จะน่ากลัว ลักษณะ ตัวดำ ตาแดง เล็บยาวสีแดง เขี้ยวสีทอง มีปัก หลายคนบอกว่า คล้ายซาตาน ,นกออก, กองกอย สมควรหรือไม่ที่จะทำการเคารพกราบไหว้

               โดยล่าสุดนั้น หมอดูชื่อดัง "ริว จิตสัมผัส" ก็ได้ออกมาไลฟ์สด พูดถึงกระแสของ "ครูกายแก้ว" ว่าสมควรจะกราบไหว้หรือเปล่า โดยริวเอง ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า “ มีคนถามพี่ริวว่า คิดยังไงกับครูกายแก้ว มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แล้วแต่ใครจะเชื่อ แต่ตามความเชื่อของพี่ริว พี่ริวเน้นไหว้พระ ทำบุญ ก็พอแล้ว ส่วนศาสตร์ความเชื่ออะไรที่มันผิดแปลกแหวกแนวออกไปนั้น ก็ไปคิดกันเอาเองก็แล้วกัน ตัวพี่ริวก็คงไม่ได้กราบไหว้ เรื่องนี้พี่ริวรู้มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยอาจารย์ท่านยังอยู่ มีคนใกล้ตัวพี่ริวได้ไปเชิญมา ปรากฎว่าพี่ริวเป็นอันนี้ก็บอกเขาไปว่าเอาออกเถอะแล้วชีวิตเขาจะดีขึ้น เขาก็เอาออกจริงๆ แล้วชีวิตเขาก็ดีขึ้น"

               “พี่ริวรู้สึกว่า ทำไมถึงเอาเข้ามาอยู่ในใจกลางเมือง สัญลักษณ์แบบนี้ใครดูใครเห็น ชาวต่างชาติคงไม่คิดเหมือนเรา เขาคงคิดว่าเราไหว้ซาตาน ถึงแม้ว่าในบ้านเราจะเรียกครูก็ตาม  เขาอาจจะเข้าใจไปได้ว่าคนไทยเดี๋ยวนี้หันมาไหว้เคารพนับถือซาตานแล้วหรือ ควรปั้นให้เป็นฤาษีจะดีไหม เพราะมีการกล่าวอ้างว่าท่านเป็นฤาษีในยุคสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7  ถึงท่านจะมาเข้าฝันในรูปแบบไหนก็ตาม เราก็ควรปั้นในลักษณะรูปลักษณ์ที่ให้คนควรแก่การกราบไหว้ ทำไมไม่สร้างท่านที่ทรงกายเป็นฤาษี เพื่อมาตั้งแล้วให้คนมองแล้วรู้สึกท่านน่ากราบไหว้ ไม่เกิดข้อโต้แย้งของสังคม พี่ริวไม่เห็นด้วย ก็รอดูกันไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่คิดว่าไม่น่าจะดีเท่าไหร่ในความเชื่อ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว สัญลักษณ์แบบนี้ อัตลักษณ์แบบนี้ มันมักจะเกี่ยวกับซาตาน”

              "อะไรก็ตามที่ไม่ใช่พุทธลักษณะที่ควรไหว้ อย่าเอาเข้าบ้านเลย ไม่ดีเปล่าๆ เขาเรียกว่าขอได้ไหว้คืนนะครับ ได้จริงนะ เขาบอกขอพระ ขอเจ้าได้ช้า เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประธานให้ตามบุญวาสนาที่ทำมา แต่ขอผี ไหว้ผีหรือว่าไหว้ซาตาน จะได้เร็ว แต่สิ่งที่คุณอาจจะต้องแลกมาโดยที่คุณไม่รู้ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร อาจจะต้องแลกคนที่คุณรัก แลกด้วยชีวิต อะไรที่คุณได้มาเขาเรียกว่าขอได้ไหว้คืนนะครับ ถ้ามาถามเกี่ยวกับ ครูกายแก้ว พี่ริวก็พูดได้ประมาณนี้ ไม่ได้โจมตีหรือว่าใครนะครับ พี่ริวรู้เรื่องนี้มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยอาจารย์ท่านยังอยู่"

              "อาจารย์สุชาติท่านปรารถนาดี อยากให้ลูกศิษย์ดี จริงๆ แล้วท่านดังเรื่องพระพิฆเนศ พระตรีมูรติ เป็นคนที่มีจิตใจดี แต่อยู่ๆ ที่มีการสร้างองค์นี้ขึ้นมา พี่ริวไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไรที่แท้จริง หรืออาจจะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่ชอบสายมู ตรงนั้นน่าจะทำพระพิฆเนศปางลีลามากกว่า ถ้าเป็นพี่ริวก็ไม่ไหว้ครับ แต่ไม่สบายใจที่เอารูปปั้นนี้มาตั้งใจกลางเมือง มนุษย์เราถ้าจิตใจสูงก็จะไม่เป็นซาตานครับ แต่ถ้าจิตใจต่ำ จิตใจแย่ก็จะเป็นซาตาน เราจะเป็นอะไรก็อยู่ที่ตัวเราด้วย”

              ต้นฉบับเอาตามรูปปั้นก็ดำเนอะ องค์ดำหมดเลย ฉะนั้นตามนั้นครับ องค์ดำ ตาแดงก็คงไม่ได้มองอะไรเป็นปกติ องค์ดำ ตาแดง จากความเชื่อ ส่วนใหญ่จะเป็นท่านท้าวยมบาลที่ดึงดวงวิญญาณ ผู้คุมดวงวิญญาณก็จะมีร่างใหญ่ ตาแดง วิญญาณของซาตานทั้งหลายที่ปรากฎในหนังก็ดี ตัวก็จะสีดำ ตาแดง ฉะนั้นพี่ริวก็ไม่เห็นด้วย ในมุมมองส่วนตัวของพี่ริว”

              ในอดีตคนที่เคยกราบไหว้สิ่งเหล่านี้เขาได้จริงครับ สิ่งเหล่านี้เขาต้องการลาภสักการะเพื่อแลกกับอะไรบางอย่างที่จะต้องอยู่ภายใต้อาณัติของเขา ตามความเชื่อคือคุณก็ต้องอยู่ภายใต้อาณัติของเขา เมื่อคุณได้ คุณสมปรารถนาแต่คุณอาจจะต้องแลกด้วยสิ่งที่คุณรักที่สุด แลกด้วยสิ่งต่างๆ ที่คุณจะต้องสูญเสียไป

              "กรุงเทพฯ เรามีพระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมืองปกป้องคุมครองประเทศไทยอยู่ แต่อยู่ดีๆ เหมือนเราเปิดประตูดึงหัวหน้าบางอย่าง เอาพญาซาตานเข้ามาอยู่ในเมือง ก็ลองคิดดูว่าต่อไปอะไรจะตามเข้ามา อันนี้ต้องระวังนะครับ มันต้องสืบประวัติกันก่อนจะทำอะไรขึ้นมา ถ้าเป็นรูปลักษณ์อื่น พี่ริวเชื่อว่าครูกายแก้วคนรับได้ แต่มาในรูปลักษณ์ของซาตานแบบนี้คิดว่าคนคิดไม่เหมือนกัน มันเหมือนเราไหว้ซาตาน ต้องทำให้คนเก็ตนะว่าเรากำลังไหว้ครู ไม่ได้ไหว้ผีนะ เรากำลังไหว้สิ่งที่เรียกว่ามงคลนะ แล้วถ้าตั้งอยู่นานๆ มันอาจจะก้ำกึ่ง ถูกมองว่าเราเป็นเมืองแห่งการเล่นของ”

                “ตอนบวงสรวงมีพายุ ตามความเชื่อคือรางร้าย เราพูดในมุมของคนที่มีความรู้มา ความเชื่อมาตั้งแต่โบราณตามที่ผมศึกษาจากครูบาอาจารย์ ในแง่ของประวัติศาสตร์ เขาเชื่อกันว่าการประกอบพิธีกรรมใดถ้ามีฟ้าผ่าลงกลางโบสถ์ กลางอุโบสถถ้าเป็นคนโบราณ เขาจะถือว่าเป็นอาเพส ถ้าพิธีบวงสรวงเกิดลม ถ้าเป็นลมแห่งความร่มเย็นไม่เป็นไร ถ้าเกิดเป็นลมใหญ่ที่พัดแม้กระทั้งเครื่องบวงสรวงล้ม เขาจะทำนายไว้เลยว่ามาเตือนเรื่องเลวร้ายอะไรบ้าง"

              "การที่จู่ๆ ลมพัดใหญ่จนเครื่องบวงสรวงล้มแบบนั้นมันก็อาจจะแสดงถึงการเตือนอะไรบางอย่างไหม เขาเชื่อกันว่านั่นคือลางสังหรณ์หรือลางเตือนที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ กำลังจะเกิดสิ่งอาเพสเข้ามาในชีวิต ก็อยากจะเตือนทุกคนที่อาจจะต้องเจอการขอได้ไหว้คืน ควรระมัดระวังให้มากๆ มันคือการนับถือเฉพาะกลุ่ม แต่พอเอามาอยู่ในกลุ่มคนหมู่มาก พี่ริวว่าควรพึงระวัง พี่ริวบอกตรงนี้คนเราจะก้มกราบอะไรต้องก้มกราบสิ่งที่สูงกว่า”

              ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความคิดเห็นจาก "ริว จิตสัมผัส" ทั้งนี้ก็ต้องใช้วิจารณญาณกันด้วยน่ะ