ผีกระสือ
ประวัติศาสตร์ไทย สมัยอดีต ประเทศไทยเคยได้มีกฎหมาย ที่น่าสนใจ เกี่ยวข้องกับผีกระสือบันทึกไว้ ซึ่งระบุ บทลงโทษของผู้ที่เป็นกระสือ ในประมวลกฎหมายตราสามดวง ที่ใช้ปกครองคนไทยในยุคสมัยของรัชกาลที่ 1 ซึ่งในยุคนั้น ผีกระสือเป็นสิ่งที่มีอำนาจและน่ากลัวเป็นอย่างมาก โดยระบุโทษของการใช้คุณไสยในทางไม่ชอบ ที่เกี่ยวกับการเป็นกระสือ หรือ ใช้กระสือไปทำร้ายคนอื่น ซึ่งถ้าหากจับได้ บทลงโทษ ก็คือการประหารและยึดทรัพย์เข้าหลวงเท่านั้น ซึ่งกฏหมายนี้ระบุไว้ในมาตรา 137 เกี่ยวกับการควบคุมหมอยา หมอว่าน หมอผี หรือที่เรียกว่าจะกละ ซึ่งหมอเหล่านี้จะทำการเลี้ยงผีไว้ เพื่อที่จะเอาไปทำร้ายศัตรู หรือให้เกิดการล้มป่วย บาดเจ็บ สร้างความแตกแยก เกลียดชั่ง ใส่ร้าย และสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น
การปราบหรือการกำราบผีกระสือนั้น เป็นไปได้ยาก เพราะไม่สามารถไล่ผีที่มาสิงสู่ออกจากร่างเหยื่อได้ ว่ากันว่าดวงวิญญาณร้ายนั้น ได้หยั่งลึกลงในใจของคนๆนั้นไปแล้ว ซึ่งสังเกตได้ว่า เป็นการหยั่งลึกในขั้นที่วิญญาณหรือกายทิพย์ สามารถบังคับให้ร่างกายหรือกายหยาบ ของผู้ถูกสิงนั้นได้ ซึ่งทำให้อยู่ในสภาพที่วิปลาส ผิดธรรมชาติได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่นการถอดหัวและอวัยวะภายในให้หลุดออกมาจากร่างกาย รวมถึงการลอยตัวอยู่ในอากาศ ฉะนั้น ร่างกายของคนๆนั้น เมื่อถูกวิญญาณร้ายบังคับให้ทำในสิ่งที่ หากมนุษย์ธรรมดาทำแล้วเสียชีวิต ก็เท่ากับว่ากายนั้นเป็นร่างกายที่ไร้สิ้นซึ่งความเป็นมนุษย์ เป็นร่างกายที่เสียหายและยังคงมีชีวิตอยู่ได้ ด้วยอำนาจของวิญญาณ ภูติกระสือที่อยู่ในร่างเท่านั้น ถึงแม้กระสือ จะถูกไล่ออกจากร่างไปแล้ว แต่ร่างกายนั้น ก็ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างคนปกติ
ดังนั้น การปราบผีกระสือก็เท่ากับต้องฆ่าคนๆนั้นไปด้วยเลย บางท้องที่ก็มีการเล่าว่า กระสือชรา เมื่อมีการถ่ายทอดความเป็นกระสือสู่ลูกหลานรุ่นต่อไปแล้ว ตนเองจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน ก่อนจะเสียชีวิตในสภาพที่หัวกับอวัยวะ ภายในหลุดออกมาจากตัว ซึ่งเป็นผลพวงจากการถูกวิญญาณร้ายบังคับให้แยกออกไปหากินเมื่อครั้งยังมีกระสืออยู่ในร่าง เมื่อถ่ายทอดกระสือออกจากร่างไปแล้ว หัวกับตัวก็จะไม่สามารถต่อติดเชื่อมกันอีกต่อไปได้
ในหลักวิทยาศาสตร์
เนื้อเยื่อในร่างกาย ที่ทำหน้าที่ค้ำจุนอวัยวะ ถ้าผีกระสือถอดหัวออกมาได้จริง ระบบเลือดที่ติดกับเนื้อเยื่อ ก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ เนื่องจากระบบร่างกายของเราเชื่อมโยงต่อกัน ไม่ได้แยกกันทำงาน และเนื้อเยื่อในร่างกายเอง ก็ไม่ใช่ตัวต่อเลโก้ที่จะสามารถถอดเข้าออกได้ โดยไม่กระทบต่อระบบการทำงานส่วนอื่นของร่างกาย ฉะนั้นตามหลักวิทยาศาสตร์ ยังคงแท็ปเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าตามหลักไสยศาสตร์แล้ว ก็ไม่แน่
ซึ่งหลักฐานการพบเจอผีกระสือนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คลิปวีดีโอถ่ายติดผีกระสือ หรือรายการต่างที่ออกมาพูดถึงเรื่องราวของผีกระสือ แต่ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ผีกระสือนั้นมีจริงหรือไม่
ในทางทฏษฎีการพบเจอผีกระสือ มีค่อนข้างหลายทฎษฎี ไม่ว่าจะเป็นการตกกระทบของแสง การสะท้อนของวัตถุ หลอกตา หรือไม่ก็เป็นแสงจากตะเกียง โคม หรือเครื่องบิน บางที อาจจะเป็นของปลอม โดยเกิดจากการกลั่นแกล้งกันเองของมนุษย์เรา