วิธีพาตัวเองกลับมา เมื่ออยากหายไปตลอดกาล
วิธีพาตัวเองกลับมา เมื่ออยากหายไปตลอดกาล
เคยเป็นมั้ยเมื่อถึงเวลากลางคืน ล้มตัวลงนอนแล้วคิดกับตัวเองว่าอยากหลับไปตลอดกาล ไม่ต้องตื่นมาเจอกับความวุ่นวาย ไม่อยากตื่นมาเจอกับปัญหา ไม่ต้องทำงาน ชีวิตคงน่าจะสบายกว่านี้
เมื่อเราไปเจอกับผู้คนข้างนอก ทุกคนมองว่าเราเป็นคนที่สนุกสนาน ชอบทำให้คนอื่นหัวเราะ เป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ง่าย คิดบวก ชอบพัฒนาตัวเองให้เจอกับเรื่องที่ท้าทายเพื่อความก้าวหน้าของตัวเอง
แต่นี่แหละปัญหา...
เพราะกลับกลายเป็นว่าเรามองข้ามความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองไป และลึก ๆ ตัวของเราเองเป็นคนที่กดดันตัวเอง เราต้องสามารถทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จได้สิ ทำไมแค่นี้จะทำไมได้ โง่เกินไปรึเปล่า คนอื่นทำได้ฉันก็ทำได้ และทุกๆอย่างต้องออกมาสมบูรณ์แบบและดีที่สุด
สิ่งเหล่านี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการที่อยากจะหายไปตลอดกาล
- เราได้ทำงานงานหนึ่ง และงานนั้นเป็นงานที่เราไม่ค่อยถนัด
- การที่เราได้ทำงานที่เราไม่ถนัด ทำให้เราต้องปรับตัวและเรียนรู้อย่างหนัก แต่แน่นอนทุกอย่างมันพัฒนาไปช้ามาก
- เราเริ่มกดดันตัวเองมากขึ้น เราทำงานหนักขึ้น
- แต่ทุกครั้งที่เราพยายามอย่างหนักผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นดั่งใจหวัง ทำให้เรามักพูดกับตัวเองว่า "ทำไมเราห่วยอย่างนี้" "แย่จังว่ะ" "เราต้องทำได้ดีกว่านี้"
อาการ/ความคิดที่เกิดขึ้น
1.สุขภาพกาย
เกิดอาการนอนหลับไม่สนิทในเวลากลางคืนต่อเนื่องหลายเดือน ทำทุกอย่างที่ว่ากันว่าทำให้หลับสบาย เช่น ดื่มนมอุ่น อาบน้ำอุ่น จัดที่นอนใหม่ ก็ใช้เวลานานกว่าจะนอนหลับและสะดุ้งตื่นกลางคืนเสมอ รวมถึงมีอาการร้อน ๆ หนาว เจ็บคอ ไอ และอ่อนเพลีย
2. สุขภาพใจและความคิด
มีความรู้สึกว่าไม่อยากตื่นไปทำงาน คิดวนไปวนมาว่าอยากหลับไปตลอดไม่อยากตื่นขึ้นมาแล้ว หรือขั้นเลวร้ายที่สุดคือ จินตนาการถึงวิธีที่ทำให้ตัวเองหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล
แต่แล้วก็มีจุดเปลี่ยนภายในใจนั้นเกิดขึ้นเหมือนมีคนมาเคาะประตู และเกิดคำถามกับตัวเองว่า "ทำไมเธอคิดแบบนี้ ทำไมคิดว่าตัวเองต้องหายไปล่ะ" เราจึงเริ่มตระหนักกับอาการทางใจที่เกิดขึ้น
จึงขอเสนอ 3 วิธีที่ทำให้ใจของเรากลับมา
วิธีที่ 1 พบนักจิตวิทยาแบบออนไลน์
หากงานที่เราทำเวลาไม่เอื้ออำนวย หรือเราไม่มีโอกาสลางานได้ง่าย ๆ หรือการรอพบแพทย์ในโรงพยาบาลต้องรอคิวที่นาน รวมไปถึงคลีนิคด้านจิตเวชนั้นมีน้อยมาก ๆ การพบนักจิตวิทยาออนไลน์เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมาก หากเราได้ลองคุยกับนักจิตวิทยาจะช่วยให้อาการทางใจของเรานั้นคลายได้เร็ว เพราะตอนนี้เราอาจกลายเป็นคนที่พักไม่เป็น เราต้องรีบเตะปลั๊ก ขีดเส้นเวลาหยุดทำงาน บอกตัวเองว่านี้คือเวลาพัก ไม่เช่นนั้นเครื่องของเราก็จะแฮงค์
วิธีที่ 2 หาคนฟัง
หาเรามีคนในครอบครัว เพื่อน หรือคนรอบข้างที่ดี เราไม่ควรรีรอที่จะโทรหา นัดเจอ หรือเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดกับชีวิตเราให้พวกเขาฟัง เพื่อนเราก็ต้องฟังแบบ Deep listening คือ ฟังจนเราสงบ ฟังโดยไม่แนะนำ ไม่บอกว่าเราควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร
สำหรับใครรู้สึกว่าเกรงใจคนในครอบครัว เพื่อน แฟน หรือคนรอบข้าง ว่าจะหาคนฟังเราแบบนี้ได้ที่ไหน แนะนำให้โทรหาสายด่วนสุขภาพจิตค่ะ
วิธีที่ 3 สะท้อนความคิดของเรา Self - Reflection
Self - Reflection คือ การคิดเพื่อสะท้อนความคิดของเรา เป็นการถอยตัวเองออกมาจากสิ่งที่เกิดขึ้น
วิธีการทำ Self - Reflection เช่น
- การเขียนบันทึก เพื่อให้เราระบายทั้งความสุขและความทุกข์ของเรา เพื่อให้ตัวเราเห็นความคิดและอารมณ์ของเรา
- ออกกำลังกาย คือ พาตัวเองให้อยู่กับปัจจุบัน
- ชมตัวเองทุกวัน ในความจริงแล้สทุกสิ่งที่เราทำไม่ได้มีแต่ความล้มเหลวเสมอไป มันมีความสำเร็จและสิ่งดี ๆ ด้วย แต่สมองของเราดันออกแบบให้จำเรื่องลบ ๆ ได้ดีกว่า เพราะมันคือสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด ดังนั้นเราควรเติมพลังบวกให้กับตัวเอง อย่ารอให้คนอื่นชมเพราะมันกำหนดยาก แต่การชมตัวเราเองเราสามารถทำได้เลย เช่น เราเก่งมาก เพราะวันนี้เตรียมร่มไปพร้อมก่อนฝนจะตก หรือ วันนี้เยี่ยมมากทำงานได้ตามเป้าหมาย และมีเวลพักดัวย
ใคร ๆก็มีโอกาสอ่อนไหวได้นะ ความเข้มแข็งก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม ขณะที่ความอ่อนแอก็เป็นเรื่องที่กล้าหาญมากที่สุด อย่ารีรอที่จะของความช่วยเหลือ เพราะมีอีกหลายคนที่พร้อมช่วยคุณอยู่เสมอนะ ♥