ชีวิตวันวันของ Jame Evening ตอนที่ 25 (ทำไมการอวยพรให้ถึงเป็นเรื่องที่ดี?)
สวัสดีวันอังคารที่ 8 สิงหาคม 2566 เวลา 10.09 นก็ช่วงนี้นะครับได้มีโอกาสอวยพรใครหลายๆคนนะครับก็ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนรุ่นน้องหรือการที่เพื่อนของเราละกันนะครับได้มีจุดที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาอย่างยิ่งใหญ่นะครับก็คือเรื่องของการแต่งงานหรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวันเกิดก็ตามนะครับเพราะว่าเรื่องพวกนี้นะครับมันจะเป็นเหมือนกับว่าเรื่องที่เกิด
ได้เพียงแค่ครั้งเดียวซะส่วนใหญ่คนเราอายุ 29 ในครั้งเดียวอะไรแบบนี้ครับหรือคนเราอยากจะแต่งงานกับคนที่เรารักอ่ะแค่ครั้งเดียว ไม่อยากหย่าแล้วก็แต่งงานใหม่อันนี้คือที่ใครๆหลายคนเนี่ยใฝ่ฝันไว้ละกันแล้วก็รู้สึกดีถ้าหากว่ามันเป็นอย่างที่เราอยากได้นะครับก็ในตัวผมนะครับก็ยินดีครับใครหลายๆคนนะครับถ้าหากว่าเป็นวันเกิดของใครก็ตามแล้วแต่นะครับแต่บางทีเราแค่ไม่ได้พิมพ์ออกไป
แต่เราก็มีการอวยพรให้กับเขานะครับก็ให้พ่อเนี่ยบางทีเราอาจจะไม่ได้แบบว่าบอกเขาไปหรอกเราอาจจะแบบว่าแค่ยินดีกับเขาในใจของเราก็พอนะครับไม่ได้พิมพ์ออกไปนี่ก็ถือว่าเป็นการอวยพรอย่างนึงนะครับแต่เป็นแค่การอวยพรที่ไม่ได้แสดงออกไปให้เขาได้เห็นหรือว่าได้รับรู้นะครับไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแล้วแต่หรือว่าเราจะเคย
มีปัญหามาก่อนหรือเราจะเคยมีเรื่องไม่ดีต่อกันมาก่อนก็เลยทำให้เราไม่กล้าที่จะให้เหตุผลกับเขาหรือเรากลัวที่จะให้คำอวยพรไปแล้วแล้วความสัมพันธ์ของเขากับเราจะไม่เหมือนเดิมนะครับก็อันนี้มันเป็นเรื่องของการคิดอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนกันนะเพราะว่าถ้าเราไม่ถามเขาก็ไม่รู้อ่ะเนาะแต่ทีนี้ผมอยากจะมาคุยถึงเรื่องของการอวยพรทำไมถึงเป็นเรื่องที่ดีไม่ว่าเราจะเป็นการอวยพรเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น
ขอให้การทำงานในวันนี้เป็นไปได้ด้วยดีนะหรือขอให้วันนี้คุณไม่เจ็บป่วยนะคือมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเล็กน้อยนะครับเพราะว่าเราอวยพรแค่ว่าเรื่องแค่วันนี้แต่เราไม่ได้พูดถึงในเรื่องของวันหน้าเลยไม่ได้พูดถึงในเรื่องของอนาคตเลยนะครับ การอวยพรเล็กๆน้อยๆนะครับมันช่วยให้ทั้งผู้พูดและผู้ฟังเนี่ยมีความรู้สึกที่ดีมากขึ้น
โดยผู้พูดเนี่ยจะมีความรู้สึกว่าตัวเองเนี่ยเหมือนกับว่าได้แบ่งปันอะไรบางอย่างไปนะครับและมีความรู้สึกที่ดีในการแบ่งปันความรู้สึกดีๆที่เราอยากมีให้กับเขานะครับถ้าเราได้พูดให้เขาฟังนะครับหรือถ้าเราไม่ได้พูดให้เขาฟังเราเข้าใจรู้สึกดีเหมือนกันแต่เราจะรู้สึกดีแค่คนเดียวนะครับเป็นแบบว่าความรู้สึกดีลึกๆในจิตใจของเราโดยที่เขาไม่ได้รับรู้อะไรแต่
ถ้าเราพูดออกไปนะครับผู้ฟังเนี่ยเขาก็จะรู้สึกดีมากๆนะครับกับการที่โอ้ดีใจจังที่คุณมาอวยพรเรา ดีใจจังที่คุณนึกถึงเราดีใจจังเลยที่คุณยังไม่ลืมหรอกอันนี้คือในกรณีที่ความสัมพันธ์ที่ดียังมีอยู่นะครับแต่ถ้าความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนะครับแบบว่าเราได้พิการทำร้ายเขาทางจิตใจหรือคำพูดหรือทำอะไรที่ไม่ดีลงไปในครับก็อยากจะเสนอแนะว่าไม่ต้องพิมพ์ให้เขารับรู้ก็ได้หรือพูดให้เขารับรู้ก็ได้นะครับเพียงแค่เราอวยพรอยู่ในใจของเราก็พอ
แล้วนะครับเพราะบางทีการอวยพรเนี่ยถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดีนะครับแต่ถ้าผิดจังหวะผิดเวลาไปแล้วนะครับการอวยพรเนี่ยมันก็จะดูเป็นเรื่องที่ธรรมดาหรือเรื่องที่เฉยเมยไปได้นะครับ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของการ Happy Birthday วันเกิดก็ได้ครับง่ายๆละกันอย่างสมมุติว่าเราเกิดวันที่ 10 นะครับเดือนสิงหาคมก็ได้นะครับ 2537 แล้วที่นี้ใกล้จะถึงวันเกิดแล้วแต่ถ้าเราไปพูดถึงอวยพรวันเกิดล่วงหน้าก่อนเลยก็ไม่อาจจะดูแบบว่าเขาก็คิดว่า
นี่ยังไม่ถึงวันเกิดเลยทำไมถึงรีบมาอวยพรจังอะไรแบบนี้ลืมผิดหรือว่าจำผิดหรือเปล่าอะไรแบบนี้นะครับแต่ถ้าหากว่าเราไปอวยพรวันเกิดเขาในวันที่มันเลยวันเกิดเขาไปแล้วเขาก็จะคิดว่าโอ๊ยตั้งนานแล้วว่าผ่านมาตั้งนานแล้วทำไมถึงพึ่งนึกออกนี่วันเกิดเรานะทำไมถึงไม่มาอะไรเงี้ยแบบนี้นะครับทำไมถึงไม่มาอวยพรเราเลยนะครับการที่เขาพูดอะไรแบบนี้นะครับเขาแสดงว่าเรากับเขาเนี่ยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่
แต่เพียงแค่เราเนี่ยไปอวยพรในช่วงเวลาที่ผิดจังหวะนะครับก็อยากให้ทุกคนนะครับอวยพรให้กับทุกๆคนในช่วงเวลาที่เขากำลังรู้สึกแย่หรือว่ารู้สึกดีก็ได้นะครับในช่วงเวลาที่เขารู้สึกแย่อย่างเช่นเขาแบบว่าปัญหาของเขาเนี่ยเยอะจังเลยเราก็อวยพรเค้าว่าในอนาคตเนี่ยขอให้ปัญหาเนี่ยมันน้อยกว่านี้นะครับถ้าในช่วงเวลาที่ดีก็ขอให้มีช่วงเวลาที่ดีเหล่านี้ต่อไปนานๆนะครับไม่ต้องเจอความเจ็บปวดไม่ต้องเจอความทุกข์ความเศร้าความเสียใจอะไรก็แล้วแต่นะครับก็ว่ากันไปแต่อยากจะให้อวยพรในช่วงเวลาที่เหมาะสมและคำอวยพรที่เหมาะสมในช่วงเวลาเหล่านั้นนะครับก็อยากให้ทุกคนลองอวยพรกันด้วยนะครับเพราะว่าคำอวยพรเนี่ยช่วยให้เรารู้สึกดีแล้วก็ช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกดีด้วยเหมือนกันนะครับก็เอาไว้เจอกันตอนที่ 26 นะครับขอบคุณครับ