เรื่องจริง"หรือแค่การจัดฉาก"การเหยียบดวงจันทร์
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา (ตามเวลาของประเทศไทย) ถือเป็นโอกาสวันครบรอบ 50 ปี ที่มีมนุษย์ตัวเล็กๆคนหนึ่ง ได้ขึ้นไปบนอวกาศและได้ก้าวเท้าเหยียบลงบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรก ชายคนนั้นมีชื่อว่า นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) พร้อมกับคำพูดที่เป็นประวัติศาสตร์กับคำพูดที่ว่า “That’s one small step for men, one giant leap for mankind – นี่คือก้าวเล็กๆของชายคนหนึ่ง แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ” คำพูดจาก นีล อาร์มสตรอง ในวันนั้น
เวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบัน 50 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นอะไรบ้าง
นับจากวันแรกที่ นีล อาร์มสตรอง ได้ขึ้นไปเหยียบลงบนดวงจันทร์เป็นคนแรกของโลกแล้วนั้น ต้องบอกได้เลยว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งคนขึ้นไปทำภารกิจนี้สำเร็จได้ ส่วนอีกหลายประเทศที่พยายามจะทำภารกิจแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น รัสเซีย สหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุ่น จีน และอินเดีย ล้วนแล้วแต่มีแนวคิดที่จะบุกเบิกเรื่องการบุกสำรวจอวกาศเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่มีเทคโนโลยีที่พัฒนาต่างๆมากมาย กลับทำได้แค่ สำรวจรอบๆดวงจันทร์ หรือ ส่งยานลงไปสู่ดวงจันทร์เท่านั้น
ร้านWalk ThaiWalk Thai
หน้าแรก
บทความ
วิเคราะห์ "50 ปีมนุษย์เหย…
วิเคราะห์ "50 ปีมนุษย์เหยียบบนดวงจันทร์" เรื่องจริงหรือแค่เรื่องจัดฉาก
4 ปีที่ผ่านมา โดย เจ้าของร้าน
ในปัจุบันเราสามารถเห็นดวงจันทร์ได้ชัดเจนได้ง่าย ด้วยการใช้ กล้องโทรทรรศน์ ที่มีวางจำหน่ายกันอยู่มากมายในท้องตลาด หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ก็ได้มีการโฆษณาว่าสามารถซูมได้ไกลถึงดวงจันทร์เช่นกัน แต่ก็ทำได้แค่ส่องเห็นเท่านั้น แต่ในอดีตได้มีมนุษย์คนแรกของโลกได้ไปเหยียบลงบนดวงจันทร์มาแล้ว คนคนนั้นคือใคร เรามารำลึกเหตุการณ์ในอดีตไปพร้อมๆกันเลย
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา (ตามเวลาของประเทศไทย) ถือเป็นโอกาสวันครบรอบ 50 ปี ที่มีมนุษย์ตัวเล็กๆคนหนึ่ง ได้ขึ้นไปบนอวกาศและได้ก้าวเท้าเหยียบลงบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรก ชายคนนั้นมีชื่อว่า นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) พร้อมกับคำพูดที่เป็นประวัติศาสตร์กับคำพูดที่ว่า “That’s one small step for men, one giant leap for mankind – นี่คือก้าวเล็กๆของชายคนหนึ่ง แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ” คำพูดจาก นีล อาร์มสตรอง ในวันนั้น
เวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบัน 50 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นอะไรบ้าง
นับจากวันแรกที่ นีล อาร์มสตรอง ได้ขึ้นไปเหยียบลงบนดวงจันทร์เป็นคนแรกของโลกแล้วนั้น ต้องบอกได้เลยว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งคนขึ้นไปทำภารกิจนี้สำเร็จได้ ส่วนอีกหลายประเทศที่พยายามจะทำภารกิจแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น รัสเซีย สหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุ่น จีน และอินเดีย ล้วนแล้วแต่มีแนวคิดที่จะบุกเบิกเรื่องการบุกสำรวจอวกาศเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่มีเทคโนโลยีที่พัฒนาต่างๆมากมาย กลับทำได้แค่ สำรวจรอบๆดวงจันทร์ หรือ ส่งยานลงไปสู่ดวงจันทร์เท่านั้น
แต่เชื่อหรือไม่ นับตั้งแต่มีโครงการอะพอลโล 11-17 ที่ประเทศ สหรัฐอเมริกา ได้ส่ง นีล อาร์มสตรอง ขึ้นไปเหยียบลงบนดวงจันทร์ ในช่วงปี 1969 – 1972 เป็นต้นมา ทำไมประเทศสหรัฐอเมริกาถึงไม่ส่งมนุษย์คนต่อไป สำรวจดวงจันทร์อีกเลย หรือ แม้กระทั่งประเทศมหาอำนาจอย่าง รัสเซีย หรือในเวลานั้น เป็น สหภาพโซเวียต ที่มีศักยภาพในการส่งมนุษย์ไปยังดวงจันทร์ ได้ก่อนประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยซ้ำ กลับเลือกที่จะไม่ส่งมนุษย์ไป
รวมไปจนถึง สหภาพยุโรป หรือ จีนและญี่ปุ่น ที่ให้ความสนใจเรื่องอวกาศเป็นอย่างมาก ก็เลือกที่จะไม่ส่งมนุษย์ไปเช่นกัน โดยเหตุผลที่กลุ่มประเทศเหล่านี้ เลือกที่จะไม่ทำก็คือ การเดินทางไปสำรวจยังอวกาศ ยังคงเป็นการเดินทางที่มีความยากลำบาก และมีความเสี่ยงที่สูงมาก แม้เทคโนโลยีจะมีการพัฒนาก้าวไกลมากขึ้นในปัจจุบัน พวกเขาก็เลือกที่จะไม่ส่งมนุษย์ไป และที่สำคัญอีกเรื่องเลยก็คือ การส่งมนุษย์เดินทางไปยังอวกาศ ต้องใช้ทุนเป็นจำนวนมหาศาลมากเลยทีเดียว
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มีเรื่องราวที่เป็นที่พูดถึงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ที่ขึ้นไปเหยียบลงบนดวงจันทร์ และในอนาคตข้างหน้ามนุษย์จะได้อะไร? ที่นอกจากก้อนหินบนดวงจันทร์ ที่นาซ่าขนกลับมายังบนโลกมากมาย โดยมีการนำไปแจกยังประเทศพันธมิตรได้หลายประเทศ รวมไปจนถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน (โดยปัจจุบันอยู่ที่ท้องฟ้าจำลองนั่นเอง)
จนในยุคนั้น มีประชนชนชาวอเมริกา ได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับงบประมาณที่ประเทศได้ใช้ไปอย่างมากมาย ไปกับโครงการ ส่งมนุษย์เหยียบลงบนดวงจันทร์ จนได้มีคำพูดที่เป็นการตั้งคำถามแนวเสียดสีประเทศว่า “เราต้องการขนมปัง มากกว่าก้อนหินบนดวงจันทร์”
โดยในปัจจุบันเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมาเป็นวาระครบรอบ 50 ปี พอดี ประชาชนอย่างเราควรที่จะเรียนรู้อะไร จากอดีต และรวมไปจนถึงอนาคตข้างหน้าจะเกิดเหตุการณ์ตามหลังรอยเท้าของมนุษย์ชาติบนดวงจันทร์ โดยได้มีบทความวิเคราะห์จาก กูรูด้านประวัติศาสตร์ ที่ได้สรุปมาเป็นข้อๆเข้าใจง่ายๆดังนี้
ข้อ 1. การส่งมนุษย์ไปบนดวงจันทร์เป็นเรื่องโกหก และเป็นคำโกหกคำโตของนาซ่า กับการจัดฉากเหตุการณ์นี้
ตอบว่า “หากทั้งหมดเป็นการจัดฉาก จะยากยิ่งกว่าการส่งคนไปยังดวงจันทร์ แถมยังเสี่ยงในการถูกจับได้ง่ายมากอีกด้วย”
ข้อ 2. ทำไมธงชาติสหรัฐอเมริกา ดูเหมือนมีการเคลื่อนไหวขณะที่นักบินได้มีการปักลงบนพื้น ทั้งๆที่บนนั้นไม่มีลม
ตอบว่า จริงที่ว่าบนดวงจันทร์นั้นไม่มีลม แต่ธงชาติถูกออกแบบมาให้มีเสาหลักและแกนเพื่อให้ธงสามารถคลี่ออกได้
แล้วทุกคนคิดว่า "การถ่ายทอดสดครั้งนั้นเป็นเรื่องจริงหรือจกตากันแน่ "
สามารถแสดงความคิดเห็นกันได้เลยครับ แต่ต้องเป็นไปตามกฎของเว็บ 1.ไม่ใช้คำหยาบ 2.ไม่พาดพิงถึงใครคนหนึ่ง 3.ไม่ดูถูกให้ใครเสื่อมเสีย