การโดยสารรถขนส่งของเอกชนนั้น ทางขนส่งเอกชนจะให้เอกสารที่แสดงถึงความรับผิดในทรัพย์สินหรือเครื่องเดินทางของผู้โดยสารไว้ #เพียง_500_บาทเท่านั้น สามารถเรียกร้องได้หรือไม่
ซึ่งหากทรัพย์สินได้รับความเสียหายอันเกิดจากความผิดของเจ้าของรถโดยสาร กรณีแบบนี้ #จะเรียกร้องให้เอกชนรับผิดมากกว่า_500_บาทได้หรือไม่
คำตอบ คือ
จากข้อเท็จจริง #ในทางกฎหมายเรียก ความสัมพันธ์ระหว่างผู้โดยสารกับเจ้าของโดยสาร ตรงกับกฎหมาย เรื่อง "" #รับขน "" และ ""#รับขนคนโดยสาร"" ตาม มาตรา 634 ถึง มาตรา 639 ของ ป.พพ.
#กฎหมายวางหลัก เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือสิ่งของที่ผู้โดยสารนำติดตัวไป #เฉพาะที่เจ้าของรถโดยสารจะต้องออกใบรับหรือออกเอกสารรับรองหรือรับทราบว่าผู้โดยสารมีทรัพย์สินติดตัวมาด้วย (**ไม่รวมทรัพย์สินที่ผู้โดยสารนำติดตัวมาเอง โดยไม่เข้าเงื่อนไขการออกใบรับหรือเอกสารรับรอง เช่น กระเป๋าสตางค์ , หรือเงินสดที่พกติดตัวมา เป็นต้น)
""..... มาตรา 639 ตั๋ว ใบรับ หรือเอกสารอื่นทำนองเช่นว่านี้ อันผู้ขนส่งได้ส่งมอบแก่คนโดยสารนั้น #หากมีข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งอย่างใดๆ ท่านว่าข้อความนั้น #เป็นโมฆะ เว้นแต่คนโดยสารจะได้ #ตกลงด้วยชัดแจ้ง ในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดเช่นนั้น .....""
ดังนั้น จะเห็นว่า กฎหมายบังคับเอาไว้เลยว่า เจ้าของรถโดยสารจะจำกัดความรับผิดไม่ได้ แต่ก็เปิดช่องให้ทำได้ หากคนโดยสารได้ตกลงด้วย ซึ่งการตกลงนั้นกฎหมายได้บังคับไว้อีกชั้นหนึ่งว่า ""#จะต้องเป็นการตกลงกันโดยชัดแจ้ง""
คำว่า ""#ตกลงกันโดยชัดแจ้ง"" หมายความว่า จะต้องเป็นทางการ หรือเป็นกิจจลักษณะ หรือ จะต้องไม่เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย หรือจะต้องไม่ใช่การถือเอาเองโดยพลการ หรือคาดคะเนเอาเองโดยพลการ
ศาสตราจารย์ไผทชิต เอกจริยากร ผู้แต่งตำรา กฎหมายรับขน บอกว่า คำว่า ""ตกลงกันโดยชัดแจ้ง"" #ต้องถึงขนาดว่า จะต้อง #มีการลงลายมือชื่อรับรองข้อยกเว้นกันไว้ด้วย มิใช่เพียงแค่เจ้าของรถโดยสารมีข้อตกลงระบุไว้ในเอกสารเท่านั้น ถ้าเพียงแต่ระบุไว้ในเอกสาร แต่ไม่ได้ตกลงกันไว้เป็นสัดส่วนหรือชัดแจ้ง ก็ถือว่าไม่ใช่การตกลงกันโดยชัดแจ้ง
แนวคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 9855/2559 วินิจฉัยว่า
"" ..... การที่จำเลยนำสืบว่า #ในใบรับขนสินค้า มีข้อความระบุว่า จะรับผิดชอบเพียง 500 บาท
ศาลฎีกาเห็นว่า จากทางนำสืบ #ไม่พบว่า โจทก์ในฐานะคนโดยสารได้ร่วมตกลงด้วยแต่อย่างใด หรือมีข้อความใดที่แสดงว่าโจทก์ยินยอมหรือยอมรับข้อตกลงดังกล่าว
ดังนั้น #ลำพังแต่เพียงการที่มีข้อความดังกล่าวระบุอยู่ด้านหลังของใบรับขนสินค้า ไม่ทำให้จำเลยพ้นจากความรับผิดไปได้ #และการส่งมอบใบรับขนสินค้าให้แก่โจทก์ก็ไม่ถือว่าเป็นการตกลงกันโดยชัดแจ้ง
ดังนั้น จำเลยจึงต้องรับผิดในความเสียหายของสินค้า จำนวน 36,527.50 บาท แก่โจทก์ .....""
(มี ฎีกา ที่ 2887/2541 ,789/2531 ได้วินิจฉัยไว้ทำนองเดียวกัน)
#และแม้ว่า ผู้โดยสารจะตกลงด้วยโดยชัดแจ้งก็ตาม แต่หากมีลักษณะที่เอาเปรียบเกินสมควร ผู้โดยสารก็สามารถหยิบยกเอา กฎหมายที่ชื่อว่า ""#พระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540"" มาอ้างเพื่อให้เจ้าของรถยนต์รับผิดให้ใกล้เคียงกับราคาหรือมูลค่าที่แท้จริงได้
(เทียบ คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 5338/2553)
แต่มีเงื่อนไขว่า ทรัพย์สินที่จะให้เจ้าของรถโดยสารรับผิดชอบนั้น #ควรจะต้องแสดงต่อเจ้าของรถโดยสารเขาด้วย เช่น แสดงว่ามีกระเป๋าเดินทาง เพราะหากไม่แสดงให้เขารู้เลยนั้น ก็จะมีปัญหาเรื่องการนำสืบว่าตกลงแล้วมีทรัพย์สินดังกล่าวมาด้วยจริงหรือไม่
#ซึ่งในอดีตเคยมีกรณีที่ อ้างว่ามีพระเครื่องที่มีราคาแพงติดตัวมาด้วย แต่อ้างว่าหายไปในช่วงที่รถโดยสารเกิดอุบัติ สุดท้ายศาลวินิจฉัยว่านำสืบให้ศาลเห็นไม่ได้ว่ามีพระเครื่องดังกล่าวอยู่จริง (เพราะพระเครื่องหายไปไม่มีใครพบเห็น) ศาลจึงจำต้องวินิจฉัยว่า นำสืบไม่ได้ว่ามีพระเครื่องดังกล่าวอยู่จริงและนำติดตัวมาด้วยในการเดินทาง
#กรณีที่เห็นได้ชัดเจน เช่น เมื่อรถโดยสารถึงจุดหมายหรือระหว่างทางก็ตาม ปรากฏว่า ทรัพย์สินในกระเป๋าเดินทางได้รับความเสียหายและได้โต้แย้งและทักท้วง ณ ขณะเกิดเหตุต่อคนขับรถโดยสารแล้ว และสามารถนำสืบได้ กรณีนี้ศาลก็จะถือว่ามีทรัพย์สินดังกล่าวจริง ที่เหลือก็มาพิสูจน์กันว่าทรัพย์สินดังกล่าวเสียหายเพราะการขับรถโดยสารหรือไม่ อย่างไร
#แต่ถ้าเอาแต่เฉพาะหลักกฎหมาย ก็ตอบว่า เจ้าของรถโดยสาร ต้องรับผิด จะอ้างข้อจำกัดในเอกสารไม่ได้ เว้นแต่ ผู้โดยสารจะตกลงด้วยโดยชัดแจ้ง _____""
อ้างอิงจาก: คดีโลกคดีธรรม