หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

นิยายเรื่อง วิวาห์อสูร (นามปากกา กัมพู)

เนื้อหาโดย nok19800

นิยายเรื่อง วิวาห์อสูร (นามปากกา กัมพู) แนวนิยายรัก 
วางจำหน่าย ในรูปแบบนิยายออนไลน์ (ebook) 
แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : Meb ธัญวลัย นายอินทร์ Ookbee 
สามารถ เข้าอ่านเนื้อหา ฉบับเต็มได้ตาม แพลตฟอร์มนิยายชั้นนำทั่วไป อาทิเช่น...
( Dek-d , readAwrite , ธัญวลัย , Hongsamut , fictionlog )
--------------------------------------

อารัมภบท...

 

เมื่อการแต่งงาน ไม่ได้เป็นความต้องการของทั้งสองฝ่าย...

เปรม พิชญเดชา - ชายหนุ่มผู้ชื่นชอบความเร็วเป็นชีวิตจิตใจ ชีวิตเขามักแขวนไว้บนเส้นดายอยู่เสมอ เขาจึงไม่ปรารถนา  นำพาผู้หญิงคนไหน มาผูกติดไว้กับชีวิตตนเองให้เป็นภาระผูกผัน เปรมจึงตั้งหน้าตั้งตา ตั้งแง่รังเกียจผู้หญิงที่มารดาเลือกให้มาเป็นเจ้าสาวของตัวเอง แม้ยังไม่เคยเห็นหน้า

ดวงนภา ธนภูตินันท์ -  หญิงสาวสุดแสนธรรมดา ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายมาโดยตลอด หญิงสาวจำต้องนำพาชีวิตตัวเองให้กลายเป็นบ่วง เพื่อช่วยคล้องชีวิตชายหนุ่มที่ไม่เคยปรารถนาตนเองไว้ตลอดกาล เพื่อคำว่า ตอบแทนบุญคุณเพียงคำเดียวเท่านั้น

 แล้วเมื่อทั้งคู่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน จะเกิดอะไรขึ้น?...

 

ลิงค์ดาวน์โหลดนิยายอีบุ๊ก (วิวาห์อสูร) Meb-  https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTA5NTcwOSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEwMzU3MiI7fQ

 

บทที่1...เจ้าสาวที่ถูกเลือก

 

 

“น้องแน่ใจแล้วเหรอนภา ถึงได้ยอมตกปากรับคำกับคุณป้านวลท่านไปแบบนั้น หมายถึงชีวิตเราทั้งชีวิตเลยนะนั่นน่ะ...”

ดวงนภาเหลียวใบหน้างามมองหน้าพี่ชายเล็กน้อย ก่อนวางแก้วน้ำเย็นในมือลงบนโต๊ะกระจก ทอดสายตาอ่อนหวานมองแก้วเปล่า ผุดผายความคิดบางอย่างแล่นขึ้นในสมอง

 น้ำเย็นพอดื่มผ่านลำคอ มันช่วยทำให้เรารู้สึกสดชื่น ดับกระหาย และมันคงจะดีกว่าไม่น้อย ถ้าหากความเย็นชุ่มของน้ำเย็นแก้วนี้ จะช่วยปัดเป่าอาการร้อนรุ่ม ที่สุ่มอยู่ในทรวงของเธอให้มันทุเลาเบาบาง เหมือนตอนได้ดื่มน้ำเย็น...

“ว่าอย่างไรล่ะ...สรุปว่าน้องคิดดีแล้วใช่ไหม...”

ทัตเทพเอ่ยถามย้ำ  ช่วยดึงความคิดของดวงนภาให้กลับสู่ปัจจุบัน เธอเอี้ยวตัวมองเสี้ยวหน้าพี่ชายสุดที่รัก ญาติที่หลงเหลืออยู่เพียงคนเดียวในเมืองแห่งความวุ่นวายแห่งนี้...

 สืบเนื่องจากบิดาและมารดาของเธอ ท่านทั้งสองได้พำนักและดำเนินชีวิตสุขสงบยังจังหวัดจันทบุรี ท่านทั้งสองยังช่วยกันทำสวนเล็กๆเพื่อคลายเหงาขึ้นมากันสองตายาย พอทำให้ เธอกับพี่ชายลดความเป็นห่วงอยู่ได้บ้าง...

หญิงสาวถอนหายใจหนักด้วยความรู้สึกสับสน เธอเองชักไม่แน่ใจขึ้นมาแล้วเหมือนกัน ถึงสิ่งที่ตัวเองตอบตกลงกลับไปนั้น ใช่ทางออกที่ดีที่สุดหรือไม่...

 ประกายในดวงตาหญิงสาวจึงแลเห็นเพียงความไม่สบายใจ...

ความรู้สึกของทัตเทพตอนนี้ ช่างดูไม่ได้ต่างจากน้องสาวเลยสักนิด ชายหนุ่มจึงเอาแต่นั่งหน้ายุ่ง คิ้วขมวด ต้องคอยยกมือนวดขมับขึ้นเป็นพักๆ

ดวงนภาขยับร่างกลมกลึง ย้ายจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ทรุดนั่งลงเคียงข้างกับทัตเทพเสียเอง เธอดึงมือพี่ชายมากุมไว้ ก่อนเอ่ยคำถาม...

“แล้วพี่เทพล่ะคะ คิดว่า นภาทำถูกต้องแล้วหรือเปล่า...”

เธอทอดสายตาสับสนมองใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกันราวกับฝาแฝด...

 บางทีการรับฟังความคิดเห็นของพี่ชาย อาจทำให้เธอรู้สึกสบายใจมากขึ้น...

ทัตเทพเองเหมือนน้ำท่วมปาก ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าบางเบา คลี่ยิ้มอ่อนละมุนเป็นกำลังใจให้กับน้องเท่านั้น เพราะตัวเขาเอง ไม่อาจบอกในสิ่งที่ตนเองคิดอยู่ในหัว กลัวดวงนภาจะเกิดอาการคิดหนัก มากขึ้นกว่าที่เป็น...

แต่ถ้าให้เขาบอกตามความรู้สึกแท้จริง เขาว่าการตัดสินใจของดวงนภาครั้งนี้ ไม่น่าจะดีเท่าไหร่นักหรอก ให้พูดตามตรง มันคงไม่ต่างจากการที่น้องสาวของเขา กำลังยื่นปลายเท้าเข้าหากองไฟ ซึ่งดีไม่ดี อาจถูกไฟกองนั้น คอกตายจนถึงแก่ชีวิตเลยก็อาจเป็นได้...

เพราะใครต่างก็รู้จักกิตติศัพท์ของ นายเปรม พิชญเดชา นั้นช่างร้ายกาจมากขนาดไหน ถึงเรื่องนิสัยใจคอ...

ดวงนภายิ้มแห้งให้พี่ชาย พอจะรู้ตำตอบในแววตาห่วงใย...

“นภาทราบ แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้หรอกนะคะ...”

ใบหน้าหวานเศร้าสลดลง หรุบเปลือกตาหมองหม่น มองนิ้วมือตัวเอง..

 ทัตเทพดึงร่างบอบบางมาสวมกอดไว้ในอ้อมแขน ยกมือลูบศีรษะทุยของน้องน้อย...

 ดวงนภาซุกใบหน้าเข้าหาความอบอุ่นทันที หัวตารู้สึกร้อนผ่าว...

อย่างไรเสีย บุญคุณย่อมต้องตอบแทน...

ถึงแม้ใจเธอนั้น ไม่ได้ต้องการอยากให้มันลงเอยแบบนี้เลยก็ตาม ผู้ชายคนนั้น เขาคงไม่ยินดีต้อนรับ ภรรยาที่มีแต่ตัว เช่นเธอ...

ทุกอย่างมันสืบเนื่องมาจากการที่บิดาของเธอทำธุรกิจเสียหาย จนถึงขั้นล้มละลายสิ้นเนื้อประดาตัว ช่วงระยะเวลานั้นเป็นช่วงเศรษฐกิจกำลังแตกฟองสบู่ บริษัทของบิดาเธอถึงแม้จะเป็นเพียงบริษัทเล็กๆ ไม่ถึงกับใหญ่โตมากมายอะไร

 ทว่าในช่วงเวลานั้น ยากนักต่อการหลีกเลี่ยงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น เงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวจึงถูกถอนนำออกมาใช้ ชำระหนี้สินจำนวนมหาศาล  ดีที่ได้คุณป้านวลฉวียื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือไว้อีกแรง หลังจากท่านทราบถึงปัญหาใหญ่ของครอบครัวเธอ..

คุณป้านวลท่านเป็นเพื่อนสนิทกับทางมารดา ท่านทั้งสองเคยใช้ชีวิตสมัยเด็กจวบจนกระทั่งเข้าสู่วัยสาวร่วมกัน ชนิดที่เรียกได้ว่า เพื่อนเป็นเพื่อนตายกันเลยทีเดียว...

 ท่านทั้งสองมาแยกย้ายจากกันในช่วงทั้งคู่เรียนจบมหาวิทยาลัย ถือเป็นช่วงเวลาต้องห่างกันในระยะเวลาหนึ่ง เมื่อต่างฝ่ายต่างก้าวออกไปมีชีวิตครอบครัวเป็นของตัวเอง ให้ต้องดูแลรับผิดชอบ...

 คุณป้านวลได้แต่งงานกับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง มีอนาคตไกล ส่วนมารดาของเธอนั้นท่านเองก็ได้พบรักกับหนุ่มนักเรียนนอกจบใหม่ นั่นคือ บิดาของเธอนั่นเอง...

ตอนบ้านเธอถังแตกใหม่ๆ คุณป้านนวลเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้ ท่านรีบยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ทั้งยังให้ที่ทำกินใหม่แก่ครอบครัวของเธอ แถมยังส่งเสียให้เธอและพี่ชายเรียนจนจบถึงขั้นปริญญาตรี สามารถหางานทำเพื่อเลี้ยงตัวเองได้อย่างสบายในเวลาต่อมา...

บุญคุณของคุณป้านวลฉวีครั้งนี้ ถึงแม้แต่ชีวิต ดวงนภาก็สามารถยกให้ท่านได้ หญิงสาวคิดไว้เช่นนั้นจริงๆ

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านให้ความช่วยเหลือ ท่านไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทน ท่านช่วยด้วยความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อต่อกัน ในฐานะมนุษย์ร่วมโลกที่มีความผูกพันกันมาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง...

 ครอบครัวของเธอรู้สึกติดหนี้บุญคุณท่านอย่างล้นเหลือ หากมีทางไหนพอตอบแทนน้ำใจท่านกลับได้บ้าง เธอก็จะทำด้วยความเต็มใจ...

“ป้าอยากขอร้องนภาสักเรื่อง...” ดวงนภา ยังจำสีหน้ากระอักกระอ่วนใจของป้านวลฉวีได้ดีในวันนั้น...

“เรื่องอะไรหรือคะ คุณป้า...”

“ ช่วยแต่งงานกับตาเปรม ลูกชายคนเล็กของจะป้าจะได้หรือเปล่า ถือว่าป้าขอร้องก็ได้ ตอนนี้...ป้ามองไม่เห็นทางแก้ไขปัญหาไหนอีกแล้ว นอกจากเพียงเรื่องนี้...”

ถึงแม้ในทีแท้เธอจะรู้สึกอึ้ง ตอนได้ยินความประสงค์ของผู้มีพระคุณ คุณป้านวลไม่ได้บังคับจิตใจเธอก็จริง ท่านยังให้เวลาสำหรับคิดไตร่ตรอง ด้วยเพราะเห็นเป็นเรื่องสำคัญที่โยงถึงอนาคตภายภาคหน้า...

 หากเพียงชั่วครู่ก่อนคุณป้านวลฉวีจะลากลับ  ดวงนภาจึงตอบตกลง...

“ได้ค่ะ...คุณป้า นภายอมเป็นเจ้าสาวของ คุณเปรมให้ก็ได้...” คุณป้านวลฉวีดีใจมาก ท่านขอบอกขอบใจเธอเป็นการใหญ่

ตอนนี้คุณป้านวลฉวี ท่านประสพปัญหาทุกข์ใจหนักเหลือเกิน เรื่องเกี่ยวกับบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน บุตรชายคนเล็กของท่าน ซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นถึงผู้นำของวงศ์ตระกูล พิชญเดชา อย่างเต็มตัว ด้วยวัยเพียงยี่สิบเจ็ดปี อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หากชายหนุ่มยังคงทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัย ลอยไปลอยมา ไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรสักอย่าง เปรมยังคงใช้ชีวิตอิสระ สนุกกับการขับรถแข่งไปวันวันอยู่เลย...

 เปรม พิชญเดชา ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลา อย่างหาตัวจับยากคนหนึ่ง เป็นหนึ่งในภาพความทรงจำรางเลือนเต็มที ยามให้ดวงนภานึกถึงชายหนุ่มผู้นี้ นอกนั้น คงเห็นมีแต่เรื่องนิสัยเกเรของเขากระมัง ที่สร้างความเลื่องลือ กล่าวขานไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเรื่องรูปร่างหน้าตา ราวรูปปั้นสลัก...  

ดวงนภาพอทราบเรื่องเกี่ยวกับ  เปรม พิชญเดชา มาพอสมควร หนึ่งในนั้นที่เธอทราบและเป็นสาเหตุสำคัญอย่างยิ่ง ทำให้คุณป้านวลฉวีถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับมานานหลายปี เปรมมักใช้ชีวิตเสี่ยงต่อความเป็นความตายบนถนนรถแข่งบ่อยครั้ง อาจเป็นด้วยความชอบส่วนตัว หรือเป็นเพราะเปรม ยังอยู่ในช่วงวัยคึกคะนอง รักสนุก และยังต้องการใช้ชีวิตอิสระ อันนี้เธอเองไม่อาจฟันธงหรือตัดสินได้...

หากบนถนนแห่งการแข่งขัน ที่ต้องใช้ความแรง และเร็ว เป็นตัวตัดสินสำหรับผลแพ้หรือชนะ  ไม่อาจมีใครล่วงรู้ถึงชะตากรรมของตนเอง มฤตยูร้าย อาจยื่นมือปลิดชีวิตของตนเข้าในสักวันใดวันหนึ่ง

และคนที่ต้องเสียใจที่สุดกับเรื่องคึกคะนองนี้ คงหนีไม่พ้นคนในครอบครัว คนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ด้วยความทุกข์ใจแสนสาหัส...

นั่นคือสิ่งที่ทำให้ คุณป้านวลฉวีไม่อาจข่มตาหลับสนิทในทุกค่ำคืน ยามท่านได้ยินเสียงรถของบุตรชายแล่นออกจากบ้าน ท่านเพียงแค่สวมมนต์ภาวนา ขอให้ลูกชายแคล้วคลาดต่อภยันตรายทั้งปวง

ดวงนภาพอเข้าใจความรู้สึกหัวอกของคนเป็นแม่ดี เธอนึกเห็นใจคุณป้านวลอยู่ไม่น้อย หากเป็นเธอ คงรู้สึกไม่ต่างกับท่าน...

หญิงสาวยังทราบถึงปัญหาหนักอกของคุณป้านวลฉวีอีกเรื่อง เปรมไม่เคยสนใจเข้ามาทำหน้าที่ ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่แทนบิดาที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง หน้าที่ทุกอย่างตอนนี้จึงตกเป็นความรับผิดชอบดูแล ของ ปาริชาติ พิชญเดชา บุตรสาวคนโตทั้งหมด...

ทัตเทพกอดร่างนุ่มของน้องสาวด้วยความสงสารจับใจ ด้วยตัวเขาเองก็ไม่รู้จะช่วยน้องสาวแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร  ส่วนตัวเขาเองยังรู้สึกเกรงใจคุณป้านวลฉวีมากพอๆกับดวงนภา ทุกวันนี้เขามีอาชีพ มีงานที่มั่นคงทำได้ ก็เพราะท่านให้ยืมเงินก้อนใหญ่ มาปรับปรุงบริษัทเก่าของบิดา ถ้าพอจะมีกำไรเมื่อไหร่ค่อยผ่อนคืนท่าน ตอนนี้เขาเองเริ่มมีกำไรให้เห็น และกำลังดำเนินการใช้คืนท่านเป็นบางส่วน...

“แต่คุณป้าก็ไม่น่าใช้ให้นภาเป็นไม้กันหมา...”

“พี่เทพ...” หญิงสาวปรามเสียงนิ่ง เป็นเชิงเตือน ไม่ควรพูดจาล่วงเกินท่านแบบนั้น

“ชีวิตคู่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะนภา ทั้งเธอและคุณเปรม เคยสนทนากันจริงจังสักครั้ง ก็ยังไม่เคย แม้แต่หน้าเขายังแค่มองเลยผ่าน ทำเหมือนเราเป็นตัวอะไรสักอย่าง มาเกาะแม่เขาแค่นั้น แล้วนับประสาอะไร จะให้มาใช้ชีวิตร่วมกันทุกวัน เขาจะมาสนใจไยดีกับนภา...”

ทัตเทพพูดตามเนื้อผ้าที่ตนเองเคยสัมผัสมา ถึงคุณป้านวลฉวีจะดีกับครอบครัวเขา แต่กับลูกชายคนเล็กของท่าน รายนั้น มองครอบครัวเขาไม่ต่างจากปลิงดูดเลือด...

ดวงนภาพอเข้าใจในสิ่งที่พี่ชายพูด...

“นภาทราบดีค่ะ แต่จะให้นภาทำอย่างไรได้ล่ะคะ มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่พอจะช่วยคุณป้านวลท่านได้ในเวลานี้”

“พี่ล่ะสงสารเธอจริงๆเลยนภา ถ้าหากได้แต่งงานกับหมอนั้นวันไหน คงไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น นิสัยเกเร ดื้อด้านจนคุณปลายังส่ายหัวทุกครั้งตอนเธอพูดถึงน้องชาย”

“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งคะพี่เทพ อย่างน้อยนภาก็ยังมีพี่ปลากับคุณป้าคอยหนุนหลังตั้งสองคน ถ้าหากคุณเปรมเธอคิดจะมาทำตัวร้ายกาจใส่นภา นภาก็จะสู้เขากลับ นภาไม่กลัวเขาหรอกค่ะ ถึงเราจะจนแต่เราก็มีสมองมีสองมือสองเท้าเหมือนกันกับเขา พี่เทพอย่าลืมสิคะ ตัวนภาเองก็เคยเจอเรื่องหนักหนาสาหัสกว่านี้มาแล้วตั้งหลายครั้ง ไม่ได้อ่อนแอปวกเปียกเหมือนพวกนางเอกในทีวีเสียหน่อย”

ดวงตากลมใสฉายแววเอาจริงถึงสิ่งที่พูด ทัตเทพยกริมฝีปากหยักโค้งสูง แสดงสีหน้าคลายกังวลใจลงเล็กน้อย เขารู้ ดวงนภาไม่ใช่คนยอมคน ถึงแม้ดูลักษณะภายนอก น้องสาวคนนี้ของเขาดูเป็นคนอ่อนหวาน หากใครจะรู้ ภายในจิตใจแท้จริง ดวงนภา น้องสาวของเขาคนนี้ จัดว่าเป็นคนเข้มแข็งคนหนึ่งเลยทีเดียว...

“ว่าแต่ แล้วเรื่องนี้คุณพ่อกับคุณแม่ ท่านทราบแล้วหรือยัง” ทัตเทพเอ่ยถาม

“คุณป้าท่านจัดการขอนภากับคุณพ่อคุณแม่แล้วล่ะค่ะ ท่านทั้งสองก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าหากนภายอมตกลง ท่านให้เป็นการตัดสินใจของนภาเต็มที่”

ทัพเทพพยักหน้าเข้าใจ...

“แล้วนี่ท่านได้หาฤกษ์หายามให้วันไหน พี่จะได้เตรียมตัวถูก แต่ก็ว่าเถอะ...แล้วนี่พ่อตัวดีเขายอมแล้วหรือที่จะแต่งงานกับนภาน่ะ ไม่ใช่พอถึงวันงานจริง เจ้าสาวจะกลายเป็นแม่สายบัวแต่งตัวเก้อเอาซะละ คราวนี้ละ คงได้ปวดหัวกันหนักยิ่งกว่าเดิมแน่”

“ไม่ทราบสิคะ นภาเคยคุยกับเขาเสียที่ไหนกัน พี่เทพก็น่าจะรู้ คุณเปรมคิดอย่างไรกับครอบครัวเรา...” ดวงนภาทำปากยื่น อย่าว่าแต่พูดคุยกันสักคำเลย แม้แต่หน้าเธอ เขาจะจำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

หากนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่หญิงสาวต้องเก็บเอามาคิดมากให้รกสมอง เมื่อตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอกับเขา ต่างใช้ชีวิตกันคนละเส้นทางเดินอยู่แล้ว ดังนั้น ไม่ว่าเขาจะคิดหรือเห็นเกี่ยวกับครอบครัวเธอเป็นเช่นไร นั้นมันเป็นเรื่องของเขา

ทัตเทพยุติบทสนทนา ตอนเขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา...

“สายแล้ว พี่ต้องรีบเข้าบริษัทก่อน ตอนบ่ายพี่มีนัดเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหม่ นภาจะติดรถพี่ออกไปทำงานด้วยกันเลยไหม จะได้ไม่ต้องนั่งแท็กซี่ให้เปลืองเงิน กว่ารถจะซ่อมเสร็จอีกตั้งหลายวันไม่ใช่หรือไง”

“ก็ดีเหมือนกันค่ะ นั้นพี่เทพรอนภาแป๊บนะคะ ขอนภาขึ้นไปหยิบกระเป๋าข้างบนห้องก่อน...”

“นั้นพี่ออกไปรอนภาที่รถก็แล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลา...”

ทัตเทพหยัดกายเต็มความสูงตอนก้มหน้าลงบอกน้องสาว สองขายาวก้าวออกจากบ้าน มุ่งตรงสู่โรงจอดรถขนาดกะทัดรัด บ้านหลังเก่าของครอบครัว สมบัติเพียงชิ้นเดียวที่ทัตเทพพยายามรักษามันไว้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ...

ก่อนสองพี่น้องนั่งรถออกมาพร้อมกัน ดีที่ทั้งสองบริษัทต่างตั้งอยู่บนถนนเส้นหลักเดียวกัน ทัตเทพขับรถมาส่งดวงนภาก่อน ถึงได้ตีรถขับเลยมาจนถึงบริษัทของตัวเอง

 ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงขยับขยายกิจการให้มั่นคง เวลาส่วนใหญ่ของทัตเทพจึงยกให้กับบริษัทแห่งนี้ทั้งหมด อาจเรียกได้ว่าชายหนุ่มแทบจะกินนอนอยู่ที่นี่เลยก็ว่าได้ ไม่อย่างนั้นในช่วงระยะเวลาเพียงไม่ถึงสองปี บริษัท ธนภูตินันท์ บริษัทเก่าของบิดาเขา คงไม่พัฒนาจนกลายเป็นก้าวกระโดดได้ถึงขนาดนี้  ทุกอย่างนั้นล้วนมาจากความทุ่มเท และตั้งใจจริงของชายหนุ่มทั้งสิ้น...

------------------

 

บ่ายแก่วันนั้นดวงนภานัดหมายกับปาริชาติ พี่สาวของเปรม พิชญเดชา เดินทางมาลองชุดเจ้าสาวและเลือกของชำร่วยด้วยกันเพียงลำพังสองคน จนถึงวันนี้ ดวงนภาเองยังไม่เห็นแม้แต่เงาของว่าที่เจ้าบ่าวตนเองเลยสักครั้ง

และเธอไม่แม้แต่จะคิดถามหาเขากับใคร เธอคิดเพียงว่าไม่เจอหน้ากันก็ดีไปอย่าง เพราะเธอเองยังไม่รู้เหมือนกัน หากเจอหน้า เปรม พิชญเดชา โดยตรง ตัวเองต้องทำสีหน้าหรือท่าทางเยี่ยงไร

คำถามประโยคหนึ่งของพี่ชายลอยเข้าหู...

“แล้วถ้าถึงวันงานแต่ง หมอนั่นไม่ยอมเข้าพิธี นภาจะทำอย่างไร ไม่อายเขาแย่เหรอ? เจ้าสาวถูกทิ้งกลางงาน”

 เธอไม่รู้ถ้าหากถึงวันงานจริง โดยไร้ตัวเจ้าบ่าวมาร่วมเข้าพิธี ป้านวลฉวีจะมีวิธีจัดการแก้ไขปัญหานี้อย่างไรบ้าง

 ดวงนภาไม่อยากคิดให้เปลืองสมอง จึงได้คลี่ยิ้มแล้วส่ายหน้า...

 “โอ้โห!...สวยจังเลยนภา นี่ขนาดยังไม่ถึงขั้นจัดเต็มนะ ยังสวยหวานขนาดนี้”

ปาริชาติวางหนังสือนิตยสารในมือลงกับโต๊ะ พร้อมเอ่ยชื่นชมไม่หยุดปาก   

ผิวพรรณขาวนวลลออรวมเข้ากับรูปร่างอรชรงดงาม พอได้สวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ ยิ่งเพิ่มความผุดผาดน่ามอง ปาริชาติตาโต อ้าปากค้าง ขนาดเธอเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ยังอดตกตะลึงตะลานไม่ได้ แล้วนี่ถ้าหากเป็นเจ้าน้องชายหัวรั้นมาเห็นเข้า ไม่ตกหลุมรักเจ้าสาวตัวเองให้มันรู้กันไปสิ...

ปาริชาติแอบคิดเล่นๆ พานทำให้ซีกแก้มแดงแจ๋ ดวงนภาเลิกคิ้วมองใบหน้าแดงของผู้อายุแก่กว่าด้วยความสงสัย

“พี่ปลาหน้าแดงจัง ไม่สบายหรือเปล่าคะ”

“เปล่าๆ พี่ไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ้ะ เพียงแต่...” ปาริชาติไม่พูดต่อ เธอโบกมือไหว เอาแต่ยืนยิ้มเพ้อฝัน

“น่าเสียดายจังนะ ถ้าตาเปรมมาลองชุดด้วยกันก็คงดี...”

ปาริชาติเปรยขึ้นด้วยความรู้สึกเสียดาย เธอจะได้ถ่ายรูปส่งไปอวดมารดา ครั้งนี้ท่านจับคู่ไม่ผิดคน ดูสองคนช่างเหมาะสมราวกิ่งทองใบหยกก็ไม่ปาน อีกคนก็รูปหล่ออย่างกับเทพบุตร ส่วนอีกคนก็สวยหวานจับไปทั้งเนื้อทั้งตัว

พี่สาวของเปรมเอียงคอมองพิจารณา แล้วอมยิ้ม...

หากพอนึกถึงน้องชายตัวดี ทำให้ปาริชาติชักมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมากะทันหัน หญิงสาวอดหนักใจไม่น้อยกับนิสัยหัวรั้นเอาแต่ใจตัวเองแบบกู่ไม่กลับ วันวันเปรมไม่เคยคิดย่างกายเข้ามาศึกษางานในบริษัท แบ่งเบาภาระจากเธอ เอาแต่เที่ยวเล่นสนุกกับการแข่งรถ ทั้งที่อายุอานามนั้นปาเข้าไปยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด พ่อน้องชายหัวแก้วหัวแหวน ยังทำตัวไร้สาระ หาแก่นสารไม่เจอ

ช่างแตกต่างกับดวงนภา ราวหน้ามือกับหลังมือไม่ปาน รายนี้ขยันขันแข็งเอางานเอาการเหลือเกิน โดยเจ้าตัวมีความประสงค์ ขอเข้ามาฝึกงานกับบริษัทเธอตั้งแต่เจ้าตัวขึ้นปีสามได้กระมัง ช่วงเวลานั้นเธอยังศึกษาต่อที่เมืองนอก มารดาเป็นคนโทรมาเล่าข้ามทวีป

 และแน่นอนทุกถ้อยคำของท่าน มีแต่คำชื่นชมในตัวของลูกสาวเพื่อนสนิทคนนี้

ถึงแม้จะอยู่ในตำแหน่งแค่พนักงานฝึกหัด ทว่าดวงนภากลับทุ่มเทความสามารถ คอยให้ความช่วยเหลืองานมารดาเธอได้หลายอย่างเลยทีเดียว นั่นเป็นหนึ่งในหลายเรื่องที่เธอรับฟัง

และการที่ดวงนภาไม่ได้เข้าทำงานกับบริษัทของทัตเทพ พี่ชายของเจ้าตัว เป็นเพราะหญิงสาวอยากตอบแทนบุญคุณของครอบครัวเธอ เลยยิ่งเพิ่มความประทับใจ แม้ว่าเป็นสิ่งที่มารดาเธอ ไม่ได้เรียกร้อง หากครอบครัวของดวงนภา ทุกคนกลับมีความเห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ...

“แล้วนี่พี่ปลาต้องเลือกชุดไปให้คุณเปรมด้วยหรือเปล่าคะ นภาจะได้ช่วยเลือก”

“เออ..จริงสินะ พี่ก็ลืมนึกถึง ว่าแต่...แล้วนี่พี่จะรู้ได้อย่างไรว่าขนาดชุดจะพอดีกับตาเปรม” ปาริชาติขมวดคิ้ว

“พี่ปลาลองกะขนาดแล้วค่อยส่งไปให้คุณเปรมลองที่บ้านก็ได้นี่ค่ะ ถ้าเขาชอบตัวไหน ลองแล้วพอดีกับรูปร่าง ค่อยสั่งตัดใหม่ก็ยังทันเวลา”

ดวงนภาเสนอความคิด ส่วนหนึ่งเธอพอจะทราบถึงความดื้อด้านของเปรมดี...

“อา...แต่ว่า นภามีอีกทางให้พี่ปลาเลือก ให้พี่เทพของสภามาช่วยเป็นหุ่นทดลองใส่ให้ดูก่อนดีไหมคะ จะได้เลือกเอาแต่ชุดที่เข้ากับชุดของนภา ตัดไปได้หลายชุดเลยทีเดียว”

มีเสี้ยววินาทีหนึ่งแววตาของปาริชาติสว่างวาบ ซีกแก้มขาวนวลเจือจางด้วยสีแดงคล้ายสีของมะเขือเทศสุกปลั่ง...

“จะดีหรือนภา รบกวนเวลาทำงานของคุณเทพเขาเปล่าๆ พี่เห็นงานเขายุ่งออกจะตาย”

“ดีสิคะพี่ปลา...” ดวงนภายิ้มจนดวงตายิบหยี

“ถ้าเป็นความประสงค์ของพี่ปลา พี่เทพของนภายอมสระได้ทุกอย่างอยู่แล้วล่ะค่ะ นภาว่าถ้าหากนภาโทรบอกพี่เทพว่าตอนนี้นภากำลังลองชุดอยู่กับพี่ปลาที่ร้าน...ขี้คร้านจะรีบบึ่งรถมาหาแทบไม่ทันน่ะสิไม่ว่า”

หญิงสาวพูดสัพยอก ด้วยรู้ใจของพี่ชายคนเดียวดี รายนั้นแอบปลื้มปาริชาติมานาน นานมากพอกับสถานะโสดสนิทชนิดไม่คิดแลสาวคนใดทั้งนั้น

 เท่าที่เธอสังเกตเห็น ดูเหมือนพี่ปลาเอง ก็มีใจให้พี่ชายเธออยู่ไม่น้อย คงจะดีมากๆถ้าหากทั้งสองคนนี้มีหัวใจที่ตรงกัน

“ไม่พูดกับนภาแล้ว พี่ไปดูชุดให้ตาเปรมก่อนดีกว่า” ปาริชาติรู้สึกเขิน เลยชิงพูดตัดบท เดินอายม้วนเข้ามายังห้องเสื้ออีกด้านของร้าน...

----------------------

เมื่อทั้งสามเลือกชุดสำหรับเจ้าบ่าวให้ดูเข้าและเหมาะสมกับชุดเจ้าสาวได้ราวห้าชุด พร้อมด้วยของชำร่วยสั่งทำพิเศษ ทัพเทพจึงขันอาสาพาสองสามขับรถออกมานั่งรับประทานอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่ง ตั้งไม่ห่างจากร้านเสื้อเท่าไหร่นัก

 โดยชายหนุ่มเลือกนั่งฝั่งตรงข้ามกับนางในฝัน

ปาริชาติมีอาการขวยเขิน

 ต่อให้เธอเป็นสาวมั่น จบจากเมืองนอกมาก็เถอะนะ พอได้มาใกล้ชิดกับชายหนุ่มซึ่งตัวเองรู้สึกพึงใจ อาการมันเลยเป็นอย่างที่เห็น

ดวงนภานั้นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ มีเพียงคอยแอบลุ้น แอบเชียร์พี่ชาย ขอให้พี่เทพสมหวังกับรักครั้งแรก

 ทั้งสองลอบสบตากันและกันอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งต้องฝ่ายปาริชาติ คอยหลบสายตาคมปราดนั้นเสมอ

ทัพเทพเองรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เพียงแค่ได้เห็นหน้านางในดวงใจ...

ตอนน้องสาวเขาโทรเข้ามาหา ออดอ้อนให้เขาช่วยสระเวลางานอันมีค่า เพื่อมาลองชุดแทนเจ้าบ่าวตัวจริงให้หน่อยนั้น เขาตอบปฏิเสธ ด้วยนึกขุ่นเคืองใจกับเจ้าบ่าวตัวจริง เขาทราบมาโดยตลอด  หมอนั่นไม่แม้แต่ให้ความร่วมมือ ใส่ใจเรื่องงานแต่งงานของตนเองเลยแม้แต่น้อย มีเพียงฝ่ายน้องสาวเขาเท่านั้น ต้องคอยวิ่งเต้น จัดการทุกอย่าง

เขาในฐานะพี่ชาย ไม่ได้พูดอะไรเป็นการต่อว่า กลัวทำให้คุณป้านวลฉวี ต้องมาคิดมากตามไปด้วย...

“อะแอ้ม...จะนั่งมองตากันอีกนานไหมคะ นภาหิวข้าวแล้วนะ ไม่เห็นมีใครสั่งอาหารกันสักที มัวแต่มองหน้ากันอยู่นั่น” ดวงนภาอดใจไม่ไหว จึงเอ่ยปากแซว

“เอ้อ...คุณปลาจะรับอะไรดีครับ อาหารร้านนี้อร่อยทุกอย่าง ผมรับประกันได้ คือ...ผมเคยพาลูกค้ามาทานอยู่ครั้งสองครั้ง...”

ทัตเทพรีบอธิบายเสียงรัว ชายหนุ่มทันเห็นสายตาสงสัย ไม่ใช่อะไร กลัวปาริชาติจะเข้าใจเขาผิด ตลอดระยะเวลา เขามีเพียงเธอคนเดียวในหัวใจ ไม่เคยวอกแวกกับสาวคนไหน

 ตั้งใจกอบกู้ฐานะ ด้วยสองมือของตนเอง เพื่อหวังในสักวัน จะได้ทัดเทียมเท่าหญิงอันเป็นนางในดวงใจ

ปาริชาติมีสีหน้าดีขึ้น หญิงสาวคลี่ยิ้มละมุน ทำปากขมุบขมิบ

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

 

                                                                       -----------------------

 

*สามารถเข้าอ่านนิยาย ฉบับเต็ม (readAwrite)ได้ตามลิงค์ด้านล่างเลยจ้า* - https://www.readawrite.com/a/add80f49912ab77734dab43d84075115

แฟนเพจ: กนกรส  https://www.facebook.com/กนกรส-1742298989361370/

เนื้อหาโดย: nok19800
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
nok19800's profile


โพสท์โดย: nok19800
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"กองปริศนา" ปริศนาของเวทมนตร์ที่อาจอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด"ไข่ผำ" พืชจิ๋ว ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ไข่ผำ" พืชจิ๋ว ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากคลังฟันธง! "ดิไอคอน" เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ต้องครบ 3 เงื่อนไข ร่วมวง DSI สรุปสำนวนคดี"กองปริศนา" ปริศนาของเวทมนตร์ที่อาจอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิดใครบอกว่า สัตว์น้ำไม่นอน วาฬนอน พิสูจน์ว่าปลาก็นอนเหมือนเรา
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
พร่างพราวกลางใจสมเด็จพระราชินีนาถรานาวาโลนาที่ 1 ทรราชย์แห่งมาดากัสการ์พระราชินีองค์สุดท้ายแห่งมองโกเลีย ผู้ถูกประหารชีวิตโดยคอมมิวนิสต์ (สมเด็จพระราชินีเกอเนอพิล)🌲ประตูสู่โลกที่ไม่เคยมีใครรู้จัก✨ตอนที่ 3: แสงแห่งจิตวิญญาณ
ตั้งกระทู้ใหม่