ก่อนจะถึงวันนั้น(สิ้นใจ)รีบตักตวง
ความตายไม่ได้ไกลจากตัวเราเลยค่ะเพื่อนๆ สาเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในช่วงของระยะก่อนตาย (พ่อตัวเองค่ะ) พ่อสา เสียไปเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 เวลา 03.00น. เรื่องการดูแลคนป่วย สาคิดว่าทุกคนต้องมีช่วงเวลานี้ สาจะมาเล่าเรื่องที่สาได้พบตอนที่ดูแลพ่อน่ะค่ะ พ่อสาเป็นคนไม่ชอบไปหาหมอค่ะ ชอบไปฉีดยาที่คลีนิค จนวันหนึ่ง อาการพ่อไม่ค่อยดีเลย ไม่มีแรง หน้าซีด สาพาพ่อไปหาหมอน่ะค่ะ หมอบอกว่า พ่อขาดเลือด ให้ยาบำรุงเลือดมา ผ่านไป 1 วันพ่อสาดูแย่ลง เล็บมือเล็บเท้าเขียวอมม่วง ก็เลยพาพ่อไปโรงพยาบาลใหม่
ไปรอบนี้ ด้วยความที่ปากไม่ค่อยดี ด่าหมอค่ะ ทำไมถึงปล่อยพ่อกลับบ้าน ทั้งๆที่อาการพ่อไม่ดี คุณหมอน่ะค่ะ ทำการตรวจร่างกายทั้งหมดเลยค่ะ ฮึม เจอเลยค่ะ มาหมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ไตระยะสุดท้าย/มะเร็งเม็ดเลือดขาว "มาแล้วไม่เบาเลยน่ะ" ตอนนั้นสาก็คิดน่ะค่ะ น่าจะมีวิธีรักษาแหละ ผ่านไป 1 อาทิตย์กับการที่ได้มานอนบ้านหรูตึก 5 ชั้น ก็เริ่มสังเกตุอาการพ่อตัวเอง หมอก็มาคุยทุกวันน่ะ ตั้งแต่วันแรกถึงวันที่จะออกจาก รพ. จนวันนั้น หมอมาบอกว่า ให้ญาติตัดสินใจ ว่าจะฟอกไตไหม ความเสี่ยงมีสูงมาก สาได้คุยกับครอบครัวแล้วตัดสินใจ พากลับบ้านค่ะ เพราะพ่อทรมานร่างกายมาก จากการเจ็บปวดของมะเร็งเม็ดเลือด จะบอกว่าโรงนี้อาการเร็วกว่าที่เราคิดค่ะ
ก่อนจะออกจาก รพ. หมอได้คุยกับสาว่า ให้ดูแลพ่อให้ดีที่สุด ท่านจะเอาอะไรจะกินอะไรให้กินไปเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะมีผลยังไง (คือพ่อสา มีเวลาแค่ 3 เดือนค่ะ) กลับบ้านอาทิตย์แรกก็ปกติ อาทิตย์ที่ 2 เริ่มแหละ อยู่ไม่ได้ นอนไม่ได้ กินไม่ได้ กลางคืนก็ร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ร้องไม่ให้ใครได้ยินน่ะ ได้ยินกันแค่ 3 คน มี แม่ สาและก็พ่อ วันเวลาผ่านไปเร็วมาก พ่อ น้ำหนักลงเยอะมาก 1 อาทิตย์ 10 กก. ฮือๆๆ เยอะจริง ในเวลา อาทิตย์สุดท้ายก่อนพ่อจะสิ้นลม พ่อพูดมาคำหนึ่งค่ะว่าอย่าทิ้งพ่อนานน่ะ พ่อไม่รู้ว่า พ่อจะไปวันไหน แต่พ่อจะไป ตี 3 (คนฟังขนลุกเลยค่ะ พ่อรู้วันที่ตัวเองจะไปด้วย) ก็ยิ้มๆให้พ่อน่ะ แล้วก็บอกว่า อุ๋ยพ่อเก่งจัง รู้ด้วยว่าจะไปตอนไหนนิ แกก็ยิ้มๆ จนวันนั้นมาถึง เวลาราวๆ 5ทุ่ม ค่ะ เราก็นั่งคุยกันเนอะ ประมาณ 4 คน พ่อก็เริ่มมีอาการ พ่อก็บอกว่า เจ็บที่ปลายเท้า เจ็บๆชาๆ
เราก็หนวดๆบีบๆตามประสา ผ่านไป 15 นาที พ่อก็บอกว่า ชามาที่หัวเข่าแล้ว เราก็ไต่ระดับการหนวดขึ้นมา ง่วงไง หลับๆตื่นๆ พอประมาณ ตี 1 กว่าๆ พ่อก็บอกว่า พ่อเจ็บที่อกน่ะ พอตี 2 กว่าๆค่ะ พ่อบอกชาที่คอ แล้วพ่อขอกินน้ำ ค่ะ แม่ก็เอาน้ำให้กินเนอะ สักพักเดียวหลังกินน้ำ พ่อมองบนเลยค่ะ มองบนอยู่ 2 ครั้ง น้องชายก็ปัดลง ในที่สุดพ่อก็สิ้นใจค่ะ ไปแบบไม่ทรมานค่ะ **ลูกๆไม่มีใครเสียใจเลย ในระยะเวลา 3 เดือน เราดูแลพ่อ ทำงานบ้าง ลางานบ้าง (ลางานบ่อยมาก แต่ที่ทำงานเข้าใจน่ะค่ะ) ท้ายข้อความนี้ จะบอกว่า การที่เรามีพ่อแม่ รีบดูแลท่านน่ะค่ะ เพราะเวลานั้น จะมาเมื่อไหร่ไม่รู้ มันเร็วจริงๆ