คำพูดที่คนส่วนใหญ่มักใช้กัน
คำพูดที่คนส่วนใหญ่ใช้บ่อยที่สุดมันจะทำให้คนรู้ใจลึกไปถึงระดับจิตใต้สำนึกของคนและปรับตัวเข้าหาเขาได้อย่างง่ายดายแถมคุณยังรู้วิธีการวางตัวให้ผู้ใหญ่เอ็นดูเราเยอะได้อีกฟังเสร็จคุณจะได้รู้ว่าคำไหนควรพูดคำไหนไม่ควรพูดบ่อยๆ
1 คำว่า ทำไม (ทำไมก็ผมจะเป็นนา...แบบนี้ แซว ๆนะ)บ่อยๆให้รู้ไว้เลยว่าคำว่าทำไมมันคือคำที่แสดงถึงปัญหาคนที่พูดคำนี้ติดปากมักจะอยากรู้อยากเห็นช่างสงสัยอยู่เสมอแม้แต่เรื่องที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาเขาก็ยังติดใจสงสัยอยากจะเข้าใจเหตุผลทุกเรื่องถ้าเค้าใช้คำว่าทำไมกับการแก้ไขปัญหาในการทำงาน ในกรณีนี้ถือเป็นแง่บวกนะคุณ แต่อีกด้าน หนึ่ง คำว่าทำไมมันเป็นแง่ลบได้ด้วยเช่นทำไมถึงทำแบบนั้นทำไมไม่เข้าใจกันเลยทำไมทำไม่ได้สักทีนะมันไม่ใช่คำถามตรงที่สุภาพนะแต่มันเป็นคำถามที่ไม่สร้างสรรค์ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร
2 คือคำ แต่ว่า ใครที่ใช้คำนี้มาจากเขามักจะทำให้คู่สนทนาตะหนักรู้ว่าความคิดของตัวเองถูกต้องกว่าอีกฝ่ายที่กำลังพูดอยู่เพราะในใจต้องการแสดงให้เห็นเด่นชัดว่าตัวฉันถูกต้องเหนือกว่าเป็นคนที่ยึดติดอยู่กับการแพ้ชนะนิสัยมุ่งมั่นชอบการแข่งขันส่วนใหญ่จะเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง
3 มันคือคำว่า สรุปคือ ใครที่ติดปากพูดคำนี้บ่อยๆจะมีลักษณะนิสัยชอบรวบรัดตัดบทสนทนาคือเป็นคนที่ชอบควบคุมนั่นเอง ยังผมเคยทำงานกับผู้ใหญ่อยู่คนนึง เวลาที่เริ่มพูดยืดเหตุผลที่มาที่ไปว่าทำไมต้องทำงานนี้เขาจะตัดหมดเลยสรุปคืออะไร ถ้าสักวัน หนึ่ง คุณต้องเจอคนประเภทนี้อย่าคิดว่าเขากำลังทำให้คุณเสียความรู้สึกนะครับเพราะจริงๆแล้วคนประเภทนี้นะครับเขาจะดูภาพรวมเก่งมองอะไรทะลุปรุโปร่งว่ามันเกิดปัญหาที่จุดไหนและมีความเป็นผู้นำ ดังนั้นหากวัน หนึ่ง คุณต้องทำงานกับคนประเภทนี้อย่าไปชวนคุยเรื่อยเปื่อยพยายามเข้าไปเรียนให้เร็วให้ไวแล้วคุณจะทำงานกับเขาได้ราบรื่น
4 อันนี้ไม่ใช่คำแต่เป็นน้ำเสียงคนที่พูด เสียงเบา เป็นปกติโดยที่เราต้องทักถามมาห๊ะอะไรนะไม่ได้ยินนะขออีกรอบ ถ้าคุณเจอคนประเภทนี้มันมีโอกาสเป็นไปได้ว่าคนเสียงเบาอ่ะคือคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองและอาจไม่ค่อยได้รับความสนใจฟังระหว่างแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมเขาจะรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองว่าการแสดงความคิดเห็นออกมาในตอนนั้นมันจะดีไหมมีความกังวลใจว่าจะถูกคัดค้านมันจะเป็นยังไงดังนั้นถ้าวันนึงคุณจะต้องทำงานหรืออยู่กับคนประเภทนี้ ถ้าจะให้ได้ใจคุณจะต้องทำให้เขารู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้คุณไม่ว่าจะเป็นการปกป้องเขารับหน้าแทนเขาหรือรักษาผลประโยชน์ของเขา
5 คือคำว่า จริงเหรอ คนเรานึกถึงสถานการณ์อะไรก็ตามที่คนเล่าเรื่องอะไรสักอย่าง หนึ่ง และเพื่อนก็พูดประมาณว่าจริงเหรอแกจริงอ้าโอ้ย ส่งคำพูดประมาณนี้มาเป็นการแสดงความรู้สึกประหลาดใจถ้าเขาใช้คำนี้กับทุกเรื่องที่เราเล่ามันไม่ได้แปลว่าเขาเป็นคนขี้ตกใจแต่มันตรงกันข้าม ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพียงแค่การพูดไปตามสภาพแวดล้อมเท่านั้นจริงๆแล้วเขามีนิสัยอยากสร้างบรรยากาศให้กลมกลืนจะเรียกได้ว่าเป็นคนที่ชอบเข้าสังคมก็ได้ครับคนอย่างนี้จะเหมาะเป็นเพื่อนเที่ยวแต่ไม่เหมาะกับการเป็นคู่คิดปรึกษาเรื่องจริงจัง
ข้อที่ 6 คนที่ชอบติดพูดคำว่าก็ อย่างเช่นเวลาที่นัดกับใครไว้แล้วมาสาย ก็รถติดนี้นะ เมื่อวานยังทะเลาะกับแฟนก็เลยทำให้นอนดึกตื่นสายอ่ะคำว่าก็แล้วก็ตามด้วยเหตุผลต่างๆมันเป็นวิธีการพูดแก้ตัวของเด็กๆ ฉะนั้นคนที่ติดปากเข้ามาก็เลยกลายเป็นคนที่เอาแต่พูดแก้ตัวทำตัวเป็นเด็กไม่ยอมเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวมีความคิดต่อต้านเล็กน้อยและอาจจะแบกรับความเครียดต่างๆอยู่ก็เป็นได้
7 คือคำว่า ช่างเถอะ ใครก็ตามที่ติดนิสัยพูดคำนี้ มันจะแสดงถึงความหงุดหงิดหรือความขุ่นข้องหมองใจอยู่แล้วบางคนนะเป็นบ่อยๆโดยที่ไม่ได้ห่วงกินอะไรก็มีนะครับเช่นถามว่าพรรคนี้เป็นไงบ้างเพราะช่างเถอะคุณเคยเจอว่ะมันเป็นการบ่งบอกอีกนัยนึงว่าชีวิตมันดูไม่มีอะไร ถ้าคุณมีคนอย่างนี้อยู่ใกล้ๆไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวแล้วก็ตามมันก็จะติดขัดเพราะเขาจะไม่เปิดเผยตัวเองให้รู้ คือไม่ใช่ว่าพูดไม่ได้นะคุณแต่ถ้าพูดบ่อยมันอาจจะดูเหมือนขนอมทุกข์พูดบ่อยก็อาจจะลดเสน่ห์เรา
8 คนที่ติดพูดคำว่า ขอโทษ บ่อยๆ บางคนจะเผลอหลุดปากบ่อยมากเลยหลายสถานการณ์เช่นขอโทษนะคะอันนี้ราคาเท่าไหร่คะขอโทษนะที่ฉันเป็นคนเเบบนี้ขอโทษนะดิฉันคิดฉันพูดฉันทำแบบนี้ พูดขอโทษบ่อยๆทั้งที่บางทีเราอาจจะไม่ได้ผิดด้วยซ้ำคนแบบนี้เวลาจะออกความเห็นหรือทำอะไรก็จะไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเพราะเหมือนเขาไปสะกดจิตตัวเองว่าเราไม่มีอะไรดีทำอะไรก็ผิดเสมอมีโอกาสเกิดโรคซึมเศร้าได้ด้วยนะครับคุณเชื่อไหมแค่คำเดียวที่คุณได้ยินบ่อยๆเนี่ยมัน สามารถมองออกได้ลึกถึงระดับจิตใต้สำนึกเลยว่า ในวัยเด็กของเขาอาจจะถูกพ่อแม่ดุบ่อยๆหรือไม่ได้รับความรักทำให้มั่นใจในตัวเองแม้จะเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตามส่งผลให้เห็นคุณค่าในตัวเองต่ำ