Guns N' Roses กับอัลบั้มชุดแรกที่เขย่าวงการเพลงไปทั่วทั้งโลก [พูดพล่ามทำเพลง]
ยุคสมัยที่แฮร์แบนด์รุ่งเรือง มีผลงานดีๆ คลอดออกมามากมายนับไม่ถ้วน แต่ถ้าจะให้ลองหยิบยกมาพล่ามสักหนึ่งชุด มันอดที่จะไม่คิดถึงงานชุดนี้ไม่ได้จริงๆ “Appetite for Destruction” ในปี 1987 สตูดิโออัลบั้มแรกของวงฮาร์ดร็อกอเมริกัน คณะปืนกุหลาบ “Guns N' Roses” มีบทเพลงอมตะมากมาย ด้วยยอดขายกว่า 35ล้านชุดทั่วโลก และยังไต่จนสามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์จบิลบอร์ด โดยได้ Mike Clink โปรดิวเซอร์เจ้าประจำของชาวเมทัลช่วยผลิต อะไรที่ทำให้งานชุดนี้เขย่าโลกได้ทั้งใบและยังฝังติดหูคนฟังมาจนถึงปัจจุบัน งั้นก็อย่ารอช้าเราไปพล่ามกันเลยดีกว่า..
Track by Track
1. “Welcome to the Jungle”
เปิดด้วยไลน์กีตาร์เขย่าโสตประสาทกับริฟท์คุ้นเคย เสียงสูงเจ้าเสน่ห์ของ Axl Rose ยิ่งทำให้เพลงนี้น่าหลงใหล คอรัสติดหูกับการร้องทะเล้นๆ การเรียบเรียงทุกอย่างดูไหลลื่นและลงตัว กีตาร์ประสานสุดจี๊ด ทำให้เพลงนี้ยังคงข้ามเวลามาจนถึงปัจจุบัน
2. “It's So Easy”
ซาวด์ชวนโยกกับจังหวะสนุกๆ เบสที่ดุดัน ไลน์กีตาร์ยังคงปั่นป่วนเช่นเคย เสียงทุ้มต่ำของ Axl Rose ที่ฟังดูราวกับเป็นคนละคน โซโลเก๋าๆ กับลูกกลองโจ๊ะๆ เร่งความพีคให้ถึงขีดสุดในช่วงท้าย
3. “Nightrain”
อินโทรเท่ๆ กวนๆ สุดท้าทาย ซิงเกิลสุดท้ายของอัลบั้ม คอรัสสนุกๆ และท่อนโซโลชวนโยก ไลน์กีตาร์ที่แสบสันถึงทรวง เพลงนี้ถูกเขียนขึ้นโดยเนื้อร้องยังไม่สมบูรณ์ จนกระทั่งคืนหนึ่งขณะที่ทุกคนกำลังเมาได้ที่ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้น “ฉันอยู่ในรถไฟกลางคืน” (I'm on the night train) Axl Rose และคณะก็ช่วยกันจัดการเนื้อเพลงต่อจนเสร็จภายในคืนเดียว
4. “Out Ta Get Me”
นำด้วยริฟท์มันส์ๆ และลูกกลองอันหนักแน่น เสียงสูงที่ยากจะเลียนได้ ท่อนเร่งจังหวะเข้าโซโลสุดเท่ กีตาร์ประสานของ Slash กับ Izzy ที่เดือดได้จนจบเพลง
5. “Mr.Brownstone”
อินโทรกีตาร์ที่เหมือนกำลังเมามายอยู่ยังไงยังงั้น ใช่แล้ว Mr.Brownstone ที่ว่านี่คือเฮโรอีน ซึ่งเพลงนี้ Slash และ Izzy เขียนขึ้นเล่าถึงชีวิตการเสพติดของพวกเขานั่นเอง เพลงจังหวะสนุกๆ ฟังเพลินๆ โดยโซโลยังคงแสบสันชวนฝันเหมือนเดิม
6. “Paradise City”
เมโลดี้เพราะพริ้งกับทำนองคอรัสที่ติดหู ท่อนขึ้นที่ดูอลังการ ไลน์กีตาร์ประสานทั้งแน่นและเท่ อีกหนึ่งเพลงฮิตยาวเกือบ 7 นาที ที่มักจะใช้เป็นเพลงจบของโชว์ ความเดือดค่อยๆ ไต่ทะลุปรอทขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจบเพลง
7. “My Michelle”
กีตาร์ค่อยๆ บรรเลงขึ้นเพื่อถูกส่งเข้าท่อนริฟท์อันหนักหน่วง เร่งจังหวะไปอีกในท่อนคอรัสสนุกๆ เพลงนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับหญิงสาวที่ชื่อ Mychell ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของทางวง Axl Rose ได้แต่งเพลงนี้ให้เธอด้วยความซื่อสัตย์ ประหนึ่งเพลงชีวประวัติของเธอ
8. “Think About You”
มาถึงเพลงรักในจังหวะเร็วๆ ริฟท์สนุกๆ โจ๊ะๆ ชวนโยกตลอดทั้งเพลง เร่งอารมณ์ให้พีคขึ้นและจบลงอย่างงดงาม แม้ว่าเครดิตเพลงนี้จะเป็นของวง แต่มันเริ่มมาจาก Rhythm กีตาร์ของ Izzy
9. “Sweet Child o’ Mine”
อินโทรสุดคลาสสิค เพลงฮิตอมตะตลอดกาล ที่ทำให้วงแจ้งเกิดไปถึงหูผู้ฟังชาวโลก จังหวะสนุกๆ ติดหู ฟังง่าย ไลน์กีตาร์สวยสดงดงาม โซโลดุเดือดชวนโยก ท่อนบริดจ์ที่ทำให้ช่วงท้ายเพลง epic แบบไม่ต้องบรรยายมาก ทุกอย่างลงตัวอย่างมีรสนิยม
10. “You’ re Crazy”
โยกกันคอหลุดกับจังหวะอันบ้าคลั่งสมชื่อเพลง ดุเดือดเลือดพล่าน ยิ่งไลน์โซโล่ทำให้ปั่นป่วนท้องไส้เข้าไปใหญ่
11. “Anything Goes”
เสียงร้องเข้าอินโทรกับไลน์กีตาร์เท่ๆ เพลงจังหวะสนุกอีกเพลงที่ท่อนลากเสียงที่ทั้งยาวทั้งสูงของ Axl Rose ในช่วงก่อนเข้าโซโล่ ส่งต่อไปสู่กีตาร์โซโล่ได้อย่างสวยงาม ท่อนจบปล่อยของกันคนละนิดละหน่อย
12. “Rocket Queen”
มาถึงแทร็คปิดฉากของตำนานอัลบั้ม กลองขึ้นคลอกับไลน์เบสนุ่มลึกของ Duff McKagan เพลงยาว 6 นาที ตัดสลับจังหวะหนักและเบา ทำนองสนุกๆ ชวนโยกเช่นเคย ท่อนจบอันไพเราะที่ปิดอัลบั้มนี้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ความพีคมันอยู่ที่เสียงครวญครางระหว่างท่อนโซโล ซึ่งมันเป็นการบันทึกเสียงจริงๆ ที่ Axl Rose ร่วมรักกับ Adriana Smith แฟนสาวของมือกลอง Steven Adler ที่เธอทำเพียงเพราะอยากประชดเขา แต่ตา Axl Rose ดันอุตริอยากหาซาวด์แปลกๆ เพิ่มในเพลงซะงั้น
จบไปเป็นที่เรียบร้อยกับอีกหนึ่งผลงานคุณภาพมาสเตอร์พีซตลอดกาล ทุกเพลงมีความต่อเนื่อง ไหลลื่นอย่างธรรมชาติ โยกกันเพลินจนจบอัลบั้ม ไม่แปลกเลยที่จะพูดว่ามีจุดเด่นแทบทุกเพลง และถ้าจะให้นิยามงานชุดนี้ละก็คงเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มร็อกที่จัดจ้าน ดิบเถื่อน เดือดดาล อย่างมีเสน่ห์ ไม่แปลกเลย ที่แม้เวลาจะผ่านมาร่วม30กว่าปี แต่ก็ยังคงขลังและยืนยันที่จะฟังอยู่เสมอ